ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 86 ปีใหม่

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 86 ปีใหม่

“ทั้งครอบครัวพี่สามชอบกินเผ็ดกันหมดแล้วทำไมเขาจะไม่ใส่พริกล่ะครับ? แต่เขาไม่ได้ใส่เยอะหรอก รสชาติกำลังพอดีเลย วันนี้ต้องกินของเผ็ด ๆ เข้าไว้ร่างกายจะได้อุ่น ๆ น่ะครับ” จี้เจี้ยนเหวินหัวเราะ

คุณแม่จี้กินลูกชิ้นปลาแล้ว ต่อให้มันจะหอมอร่อยก็ตาม แต่นางยังคงเอ่ยขึ้นมาว่า “ยังไงก็สิ้นเปลืองมากอยู่ดี”

จี้เจี้ยนเหวินไม่พูดอะไรอีก ด้วยรู้ว่าแม่ของเขากำลังเสียดายน้ำมันที่ใช้ทอด นั่นก็แน่อยู่แล้วล่ะ น้ำมันที่ใช้ทอดลูกชิ้นปลาครั้งนี้มีปริมาณพอที่จะเก็บไว้ใช้ได้ทั้งเดือนเลยทีเดียว

แต่ถึงคุณแม่จี้จะพูดอย่างนั้น นางก็ได้เห็นฐานะครอบครัวของบ้านสามแล้ว ที่ทุกวันเหมือนเป็นวันปีใหม่ ไม่เคยขาดแคลนปลากับเนื้อเลย

ไม่อย่างนั้นลูกชายสามคงไม่พูดอะไร และตานหงก็คงจะไม่มีความสุขตั้งแต่แรก

มันไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะซื้ออะไรกลับมากิน เจี้ยนอวิ๋นเพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้ครึ่งปีเท่านั้น และเขาก็ดูแข็งแรงขึ้นมาก

คุณแม่จี้ได้ไปเห็นมากับตาและรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง

ในวันที่สองของปีใหม่ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ออกไปหว่านแหจับปลาอีกครั้งเพื่อนำกลับมาทำลูกชิ้นปลาให้ซูตานหง ซึ่งซูตานหงก็พอใจมากและมีความสุขกับความรักที่ได้จากสามี

แต่เธอไม่กล้ากินมากนัก จึงกินไปเพียงลูกสองลูกเพื่อดับความอยาก เธอยังต้องให้นมลูกอยู่ เกรงว่ากินของพวกนี้มากไปแล้วจะไม่ดีต่อร่างกาย

ดังนั้นหลังจากกินลูกชิ้นปลาทอดแล้ว เธอจึงรีบดื่มน้ำแก้วใหญ่ตามเข้าไปเพื่อล้างคราบน้ำมัน

เมื่อเห็นว่าเธอไม่กินอีกแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เก็บลูกชิ้นที่เหลือไว้เป็นอาหารที่กินกันในเทศกาลปีใหม่ที่บ้านตระกูลจี้

ในแต่ละวันช่างดูเรียบง่ายและอบอุ่น ทุกอย่างบนภูเขายังเป็นปกติ แต่เนื่องจากอากาศที่เย็นเกินไปจึงทำให้บรรดาสัตว์บนภูเขาไม่ค่อยสบายตัวนัก ซูตานหงจึงขอให้จี้เจี้ยนอวิ๋นต้มน้ำวิเศษขนขึ้นไปบนภูเขาทุกวัน และให้สัตว์พวกนี้กินน้ำในขณะที่มันยังอุ่น ๆ อยู่

มีทั้งน้ำวิเศษและอาหารอย่างเพียงพอแล้ว มันก็ทำให้ทั้งแกะและไก่ต่างมีสุขภาพแข็งแรงดี

เมื่อเวลาผ่านพ้นไป วันสิ้นปีก็มาถึง

ตามกฎบ้านเก่าตระกูลจี้แล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพาซูตานหงและลูกชายไปยังบ้านเก่าตระกูลจี้

ปีที่แล้วพวกเขาก็ไปกัน แต่ในปีนั้นพวกเขามากันแค่ 2 คน ส่วนปีนี้มี 3 คน เพราะว่าเพิ่มเหรินเหรินน้อยเข้าไปด้วย

จี้เจี้ยนอวิ๋นดูอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด ในปีก่อน ๆ เขาได้แต่ดูครอบครัวพี่ชายน้องชายพาลูก ๆ มาด้วยในขณะที่เขาไม่มี ปีนี้นับว่าพิเศษกว่าเพื่อน เพราะภรรยาของเขาให้กำเนิดเด็กชายตัวอ้วนใหญ่มาแล้ว

ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่เพียงแต่จะนำลูกชิ้นปลาทอดมาหม้อใหญ่ แต่ยังนำเหล้าชั้นดีที่หงเจี่ยเป็นคนให้มาไหหนึ่งด้วย

ความจริงแล้วทั้งคู่ไม่เพียงแต่จะนำของพวกนี้มาเท่านั้น แต่ยังนำหมูสามชั้นหมักที่ซูตานหงหมักเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้มาด้วย เพียงแต่นำมาไม่มากนัก เป็นแค่อาหารจานเคียงเล็ก ๆ เท่านั้น

บรรดาผู้ชายต่างคุยกันในห้องโถงบ้าน ส่วนเหล่าผู้หญิงก็จับกลุ่มรวมกันอยู่ในอีกห้องหนึ่ง ซูตานหงเท้าศีรษะมองบรรยากาศคึกคักนี้ด้วยความใคร่รู้เล็กน้อย ขณะที่เหรินเหรินน้อยหันหน้ามองสิ่งรอบตัวไปมา จากนั้นเธอก็มอบซองแดงให้กับโหวหวาจือของบ้านใหญ่ เสี่ยวเจินเสี่ยวอวี้สองสาวจากบ้านรอง และเหยียนเอ๋อร์จากบ้านสี่

เงินที่ให้ในปีนี้ก็เหมือนกับปีที่แล้ว คือ 1 เหมาต่อคน

แม้เศรษฐกิจในช่วงนี้จะเติบโตรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้คนก็ยังใช้จ่ายกันอย่างประหยัดอยู่ ถึงอย่างนั้นเงิน 1 เหมาก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลย

ปีที่แล้วเธอให้เงินซองแดงไม่ทั่วถึงทุกคน แต่ในปีนี้ทั้งสามครอบครัวต่างได้รับกันหมด ทั้งครอบครัวของเฝิงฟางฟาง จี้มู่ตาน และอวิ๋นลี่ลี่ ต่างก็ได้รับเหมือนกันทั้งสามคน

ทุกคนต่างยังคงอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว

“พวกเธอสามคนมาช่วยงานฉันในครัวหน่อย ส่วนตานหงคอยดูแลเด็ก ๆ ไปแล้วกันนะ” ในตอนนี้เองคุณแม่จี้ก็ออกมาและเอ่ยขึ้น

เฝิงฟางฟางไม่ขัดกับเรื่องนี้ ในฐานะสะใภ้ใหญ่แล้วหล่อนไม่อาจอิดออดไม่ช่วยงานทำอาหารเลี้ยงสังสรรในวันสิ้นปีได้ หล่อนจึงเดินตามไป

ส่วนจี้มู่ตานนั้นมีความคิดขัดแย้งอย่างเห็นชัด ทำไมซูตานหงถึงไม่ได้ไปช่วยล่ะ? ให้คนเป็นพ่อมาเลี้ยงเด็กคนนี้ไม่ได้หรืออย่างไร?

อวิ๋นลี่ลี่เองก็ยิ้มฝืดเล็กน้อยเมื่อคิดว่าแม่สามีของตนกำลังลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่เอ่ยกับซูตานหง “สาวน้อยคนนี้ถูกฉันตามใจจนเคยตัวแล้ว ดังนั้นรบกวนพี่สะใภ้สามด้วยนะคะ”

“อืม เธอไปเถอะจ้ะ” ซูตานหงพยักหน้า

อวิ๋นลี่ลี่ได้แต่วางลูกสาวของหล่อนลง เพราะตอนนี้ลูกสาวของหล่อนหันไปสนใจตุ๊กตาที่เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้นำออกมาเล่นจนไม่สนใจแม่ของตัวเองแล้ว

จี้อวิ๋นอวิ๋นเห็นแล้วทนไม่ได้จึงเอ่ยขึ้น “มาหนูอุ้มน้องเอง พี่สะใภ้สามไปช่วยงานเถอะค่ะ!”

“ก็ได้จ้ะ” ซูตานหงยิ้มและส่งลูกชายให้หล่อนอุ้ม

จี้อวิ๋นอวิ๋นแค่นเสียงหึ คอยดูว่าเธอจะขี้เกียจได้ขนาดไหน

แต่ในทันทีที่หล่อนรับตัวเหรินเหรินน้อยมา เหรินเหรินน้อยก็มองหล่อนด้วยความใคร่รู้ก่อนจะพบว่าหล่อนเป็นคนแปลกหน้า จึงแสดงอาการไม่พอใจในทันที

คนแปลกหน้าอยากจะอุ้มเขางั้นเหรอ? อย่าหวังว่าจะได้อุ้มเลย

เสียงทุ้มห้าวที่ได้มาจากพ่อของเขาพลันแผดลั่นจนจี้อวิ๋นอวิ๋นถึงกับตกใจ ทำไมหลานชายคนนี้ถึงเสียงดังขนาดนี้นะ หนวกหูจริง ๆ

โหวหวาจือเห็นแล้วก็ไม่พอใจ “คุณอาเล็กจะขโมยน้องผมเหรอ!” หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้ามาทำท่าจะอุ้มน้องชาย

ทั้งเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้ต่างมองมาทางนี้เป็นตาเดียวด้วยความไม่พอใจเช่นกัน

น้องชายตัวน้อยคนนี้ปกติแล้วสงบเสงี่ยมมาก เมื่อสองสาวพี่น้องไปเยี่ยมเขา เขาก็หัวเราะและเล่นกับพวกหล่อน ไม่มีท่าทางรำคาญเลยสักนิด แต่เขากลับร้องขึ้นมาเมื่อคุณอาเล็กเป็นคนอุ้ม แสดงว่าคุณอาเล็กต้องหยิกเขาอย่างแน่นอน!

เห็นเขาร้องไห้แล้ว เหยียนเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้กันก็ร้องไห้ขึ้นมาทันที

ทั้งห้องตกอยู่ในความโกลาหลในบัดดล

ซูตานหงรับเหรินเหรินน้อยมาอุ้ม และเขาก็หยุดร้องเมื่อเห็นว่าเป็นแม่ของตัวเอง

จี้อวิ๋นอวิ๋นรู้สึกขุ่นเคืองนัก แต่เห็นแม่ของตนจ้องมองมา หล่อนก็ทำได้แต่เดินตามเข้าไปในครัวอย่างจนใจ

อวิ๋นลี่ลี่เห็นลูกสาวของหล่อนได้รับการปลอบโยนจากตุ๊กตาที่ซูตานหงซื้อให้เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้สองศรีพี่น้องแล้วก็ได้แต่ต้องเข้าไปช่วยงานในครัว จากเดิมที่หล่อนคิดจะมาปลอบลูกสาวของตนเอง

“อาสะใภ้สามคะ ถ้าอาให้ตุ๊กตานี้กับน้องสาวแล้ว พวกหนูจะได้คืนไหมคะ?” สองพี่น้องเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้เห็นเหยียนเอ๋อร์รักใคร่ในตัวตุ๊กตาของพวกหล่อนแล้วก็เอ่ยอย่างกังวลใจ

ซูตานหงยิ้มและเอ่ยขึ้น “งั้นก็ให้หล่อนเล่นไปจ้ะ อาสะใภ้สามจะซื้อให้พวกหนูใหม่นะ”

เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้มีความสุขขึ้นมาในทันที

ในช่วงปีใหม่นี้เธอก็เตรียมของให้หลานชายกับหลานสาวเหมือนกัน โหวหวาจือได้กล่องใส่ดินสอใหม่ที่มีสามชั้น เป็นแบบที่นิยมมากที่สุดในยุคนี้

เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้เด็กกว่าโหวหวาจือก็จริง แต่ในปีหน้าพวกหล่อนก็จะไปโรงเรียนกันแล้ว เรื่องนี้เธอได้ยินมาจากจี้เจี้ยนอวิ๋นที่เขาไปได้ยินมาจากพี่รองของเขามาอีกที

แต่พวกหล่อนจะยังไม่ได้ไปโรงเรียนจนกว่าจะถึงวันที่หนึ่งของเดือนเก้า เธอจึงไม่ได้ซื้อมา และคงไม่สายนักหากจะซื้อให้ในภายหลัง

เธอจึงซื้อถุงมือคู่เล็ก ๆ ให้สองพี่น้องแทน ซึ่งมันอุ่นมาก

เธอให้กล่องดินสอกับโหวหวาจือก่อน ส่วนถุงมือของสองสาวนี้เธอยังไม่ได้ให้

“หลังกินเสร็จแล้วไปหาอาสะใภ้สามที่บ้านกันนะ อาซื้อถุงมือไว้ตั้งแต่คราวที่แล้วแต่ยังไม่มีเวลาเอามาให้พวกหนู แล้วช่วงนี้พวกหนูก็ไม่ได้มาหาด้วย” ซูตานหงบอก

“เดี๋ยวพวกเราจะไปหาค่ะ!” เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้พูดในทันที

ซูตานหงพยักหน้า จากนั้นก็คุยเรื่องการบ้านกับโหวหวาจือ

เป็นโหวหวาจือที่นำการบ้านมาทำด้วยทุกครั้งที่มาบ้านของเธอ ซึ่งทำให้เธอพบว่าคณิตศาสตร์ในยุคนี้ช่างมหัศจรรย์นัก

ดังนั้นขณะที่โหวหวาจือกำลังเรียน เธอก็ได้เรียนรู้ไปด้วยนิดหน่อย จนตอนนี้เธอเข้าใจสูตรคูณแม่เก้าสิบเก้าโดยกระจ่างแล้ว

………………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท