ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 113 ปัญหาไม่ได้เกิดจากน้ำจริงหรือ

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 113 ปัญหาไม่ได้เกิดจากน้ำจริงหรือ?

ได้ยินจี้เจี้ยนเหอพูดดังนั้นแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็คลี่ยิ้ม

แล้ววงสุราก็เริ่มขึ้น ซึ่งนี่เป็นการสังสรรค์กันในหมู่ผู้ชาย คุณป้าหลี่จึงไม่ได้มานั่งร่วมด้วย เช่นเดียวกับบรรดาภรรยาและลูก ๆ ของจี้เจี้ยนชวนกับจี้เจี้ยนเหอที่ไม่ได้มาร่วมวงเช่นกัน

หลักยกจอกคำนับกันไปสามรอบ คุณลุงจี้ก็เข้าประเด็นว่าอยากได้รับคำชี้แนะในการทำสวนผลไม้ให้ดำเนินต่อไปได้

จี้เจี้ยนอวิ๋นได้รับการเชิญจากเขามาก่อนแล้ว เมื่อได้ยินประเด็นเก่าที่เขาไม่รู้แจ้งจึงพูดขึ้น “การปลูกผลไม้ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากนั้นเลยนะครับ ถ้าใส่ปุ๋ยรดน้ำแล้วยังไม่ได้ผล ผมจะช่วยอะไรได้?”

คุณลุงจี้เองรู้ดีว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีนักหากจะสานประเด็นนี้ต่อ เพราะเขาเองก็ไม่คิดเช่นกันว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะมีความสามารถด้านนี้ เขาอยู่ในกองทัพมานานหลายปี ถ้าไม่ใช่เพราะบาดเจ็บจนต้องลาออก เขาคงไม่ยึดอาชีพนี้เป็นชามข้าวของเขาหรอก

คุณลุงจี้จึงเอ่ยขึ้น “ที่สวนลุงมีต้นไม้ผลอยู่มากมาย เจี้ยนอวิ๋น ลุงจะขอปุ๋ยคอกจากบนภูเขาของเธอมาใช้ได้ไหม? เห็นว่าบนนั้นมีไก่เยอะแยะเลยนี่?”

“บนนั้นมีปุ๋ยคอกอยู่บ้าง ถ้าคุณลุงอยากจะใช้ก็ให้เจี้ยนเหอกับเจี้ยนชวนไปขนลงมาก็ได้นะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยอย่างมีน้ำใจ “ถ้าในอนาคตสวนของลุงเจริญงอกงามแล้ว ผมช่วยพาพวกของเจี้ยนเหอเข้าเมืองเจียงสุ่ยหรือเมืองมหาวิทยาลัยได้นะครับ”

คุณลุงจี้ได้ยินคำพูดแสดงน้ำใจของเขาแล้วก็รู้สึกพอใจ และเห็นได้ว่าเจี้ยนอวิ๋นเต็มใจจะช่วยเขาจริง ๆ ทั้งยกปุ๋ยคอกให้ใช้และยังพาเข้าเมืองอีกด้วย เรื่องนี้ถือว่าช่วยได้มากจริง ๆ

จี้เจี้ยนชวนกับจี้เจี้ยนเหอเองก็เห็นว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นช่างเป็นคนที่น่าสนใจเช่นกัน ทั้งต้นไม้ดอกไม้ล้วนต้องการปุ๋ยมาช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นความสำคัญของปุ๋ยต่อเกษตรกร แถมเจี้ยนอวิ๋นยังเต็มใจยกให้อีกด้วย นั่นไม่เพียงพอหรือ?

“เจี้ยนอวิ๋น ทำไมเธอถึงต้องมาตักน้ำในบ้านของเธอขึ้นไปรดบนภูเขาด้วยล่ะ? น้ำในบ่อน้ำบ้านเธอมันดีมากเหรอ?” ในตอนนี้เอง คุณป้าหลี่ก็เข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม

“พ่อของผมบอกว่าน้ำในบ่อบ้านผมมีรสหวานกว่าที่อื่น ผมก็เลยตักไปรดน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

เขารู้ว่าคุณป้าหลี่หมายความว่าอย่างไร หล่อนกำลังงับเขาไว้ไม่ปล่อย เพราะว่าจี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งล้วนลงมาจากภูเขาเพื่อมาตักน้ำ และพวกเขาก็มักจะมาตักน้ำในบ่อที่บ้านทุกครั้งโดยที่ไม่ได้ไปตักน้ำในบ่อประจำหมู่บ้านมาใช้เลย ทั้งที่บ่อน้ำประจำหมู่บ้านอยู่ใกล้ภูเขามากกว่า แต่พวกเขากลับมาตักน้ำในบ่อที่บ้านมาใช้ เรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำแน่นอน

ดังนั้นคุณป้าหลี่ถึงได้เปิดประเด็นนี้ขึ้น

“ถ้างั้นฉันจะให้เจี้ยนชวนไปลองตักมาสักสองสามถังมาชิมดูตอนที่มีเวลาว่างนะจ๊ะ” คุณป้าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ได้ครับ แต่คุณป้าต้องบอกผมล่วงหน้าก่อนนะครับ ไม่อย่างนั้นต้าเฮยคงจะกัดคนตัวใหญ่อย่างเจี้ยนชวนแน่” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะให้พี่น้องสองคนนี้ไปตักเลยแล้วกันจ้ะ” คุณป้าหลี่ตอบอย่างใจร้อน

จี้เจี้ยนอวิ๋นรับคำ หลังจากคุยธุระกันต่อสักพักแล้วเขาก็กลับไป

ไม่นานนักทั้งสองพี่น้องจี้เจี้ยนชวนกับจี้เจี้ยนเหอก็มาตักน้ำ ทั้งคู่ต่างแบกถังน้ำสองสามถังกลับไปด้วยอาการสั่นเทายามเห็นต้าเฮยจ้องมองด้วยดวงตาดุร้ายพลางแยกเขี้ยวขู่

ทันทีที่กลับไปถึงบ้าน สองพี่น้องก็พากันระบายลมหายใจโล่งอก

“เป็นอะไรไป พวกแกเกรงใจขนาดแบกถังแค่สองใบไปตักน้ำแบบนี้ กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะเอาเหรอ?” คุณป้าหลี่สบถ

“แม่ไม่รู้หรอกว่าหมาดำยักษ์ที่บ้านของเจี้ยนอวิ๋นดุขนาดไหน ถ้าเจี้ยนอวิ๋นไม่ได้จับตามองอยู่ ผมกับพี่ก็คงจะถูกมันกัดไปแล้ว!” จี้เจี้ยนเหอเอ่ยทันควัน

จี้เจี้ยนชวนที่มีท่าทางขรึมมากกว่าก็พยักหน้าเช่นกัน

คุณป้าหลี่จึงไม่ว่าอะไร นางเคยเห็นสุนัขตัวนั้นแล้ว และไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามันเป็นสุนัขพื้นบ้าน แต่กลับถูกเลี้ยงจนตัวสูงใหญ่พอ ๆ กับลูกวัว เกรงว่าถ้าสุนัขป่าสองตัวไปสู้กับมันก็ยังถูกมันกัดแหลกจนเป็นชิ้น ๆ ได้!

“ผมไม่ไปแล้วนะครับ” จี้เจี้ยนเหอเอ่ยอีกครั้ง ในตอนนี้เขาแทบจะทรงตัวยืนไม่ได้แล้ว!

“ขืนแกไม่กล้าไปก็ลองดูสิ!” คุณป้าหลี่หยิกเขา แม้นางจะรักลูกชายคนเล็ก แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่ของครอบครัว นางไม่ยอมถอยกลับหรอก!

“แม่ปล่อยผมไปเถอะ หมาตัวนั้นดุมาก ผมเห็นมันก็แทบจะก้าวขาไม่ออกแล้ว!” จี้เจี้ยนเหอร้องตะโกน

“แกยังอยากจะมีชีวิตดี ๆ อยู่ไหม?” คุณป้าหลี่พูด

“ผมว่าแม่คิดไปเองมากกว่า ที่ดินบนภูเขาของครอบครัวเราปลูกผลไม้ไม่ขึ้นหรอก พี่กับผมไปเรียนการทำสวนกับพี่เจี้ยนอวิ๋นมาแล้ว แล้วพวกเขาก็บอกว่าที่บนภูเขาของเราปลูกต้นไม้ไม่ขึ้น แต่ที่พี่เจี้ยนอวิ๋นปลูกขึ้นได้ก็เพราะว่าเขาโชคดี แม่ลองดูคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านสิว่ามีใครปลูกขึ้นบ้าง? ไม่มีใครปลูกขึ้นหรอก” จี้เจี้ยนเหอเอ่ย

“ฉันคิดว่าจะต้องเป็นน้ำนั่นแน่ ๆ เรื่องปุ๋ยน่ะเป็นเรื่องรอง!” คุณป้าหลี่บอก

จี้เจี้ยนชวนไม่เอ่ยอะไร ความจริงเขาคิดว่าน้ำแต่ละแหล่งไม่เห็นมีผลตรงไหน เขาคิดว่ามันเป็นเพราะปุ๋ยมากกว่า แล้วน้องชายของเขาก็พูดถูก ทำไมต้องไปตักน้ำที่บ้านของเจี้ยนอวิ๋นด้วย? บ่อน้ำนั่นเพิ่งจะขุดขึ้นมาทีหลังนะ

สวนของเจี้ยนอวิ๋นเจริญงอกงามก่อนหน้านั้นเสียอีก แล้วมันจะเป็นเรื่องไหนได้ล่ะ?

เห็นชัดว่าจี้เจี้ยนเหอก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เมื่อได้ยินแม่ของเขายังยืนกรานดังนั้น เขาก็ไม่ได้พูดสิ่งที่อยากพูดอีก จากนั้นสองพี่น้องก็ขึ้นไปรดน้ำพร้อมกับคุณป้าหลี่

กล่าวถึงที่บ้านของจี้เจี้ยนอวิ๋น

จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ได้พูดเรื่องนี้กับซูตานหงเช่นกัน

“ถ้าคุณบอกไปว่ามันเป็นเพราะน้ำของบ้านเรา ฉันก็คงจะผิดหวังนะคะ” ซูตานหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เธอเป็นคนเติมน้ำในถังน้ำที่บ้านเอง โดยที่จี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนแบกถังน้ำนั้นขึ้นไปบนภูเขา นั่นถึงจะเป็นน้ำวิเศษของจริง ส่วนน้ำที่พวกจี้หงจวินลงมาตักขึ้นไปบนภูเขานั้นเป็นเพียงน้ำธรรมดา

หากไม่ใช่น้ำที่เธอขอให้จี้เจี้ยนอวิ๋นขนขึ้นไปไว้บนภูเขาแล้ว น้ำทั้งหมดล้วนเป็นน้ำบ่อธรรมดาเท่านั้น

ถ้าคุณลุงจี้มีความคิดจะมาตักน้ำในบ้านของพวกเขาไปล่ะก็ เกรงว่าเขาจะต้องผิดหวังแล้ว

“ถ้าพวกเขารู้ว่าน้ำบ้านเราไม่มีอะไรพิเศษแล้ว พวกเขาก็คงจะเลิกมาตักเองล่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด

พูดตามตรง เขาไม่ยอมให้จี้เจี้ยนเหอกับคนอื่น ๆ มาที่บ้านโดยพลการหรอก ที่บ้านของเขามีแค่ภรรยาอยู่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งคงจะไม่สะดวกเท่าใด เขาก็เลยเตือนไปว่าถ้าเขาไม่อยู่บ้านเมื่อใดก็อย่าเข้ามาในบ้านจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สนใจ ให้ต้าเฮยกัดจนเลือดสาดแล้วค่อยส่งพวกเขาเข้าโรงพยาบาลก็ยังได้

ทั้งคู่ต่างรู้อยู่แก่ใจกันดีในเรื่องนี้ แต่พวกเขายังอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ และพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นญาติ การมาขอตักน้ำไปใช้จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร และนั่นก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา

เช้าตรู่วันต่อมา คุณป้าหลี่ก็เดินขึ้นภูเขาเพื่อไปดูผลลัพธ์ จากนั้นก็พบว่าต้นไม้ที่ได้รดน้ำไปนั้นยังมีสภาพเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย นางรู้สึกไม่อยากเชื่อจนต้องย่นคิ้ว และรู้สึกว่าจะต้องเป็นน้ำในบ่อนั่นแน่!

คุณลุงจี้พาจี้เจี้ยนชวนกับจี้เจี้ยนเหอขึ้นไปบนภูเขา และทั้งครอบครัวก็มาขนปุ๋ยมูลไก่กลับไป 1 วันเต็ม ขณะเดียวกันก็สำรวจสวนผลไม้ของจี้เจี้ยนอวิ๋น เล้าไก่ และคอกแกะไปด้วย

ต่อให้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้มาเห็น แต่เมื่อมาเห็นอีกครั้งก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นและมีกำลังใจเต็มเปี่ยมด้วยเช่นกัน เมื่อใดที่สวนของพวกเขาตั้งตัวได้ พวกเขาก็คงจะทำแบบเดียวกันได้!

พวกเขามาขนปุ๋ยมูลไก่เป็นเวลา 3 วันและขนปุ๋ยมูลไก่กลับไปเป็นจำนวนมาก เมื่อได้ปุ๋ยจำนวนมากพอหลังขนกลับไป 3 วันติดแล้ว ก็ถึงเวลามาขนน้ำกลับไป

คุณป้าหลี่สังเกตความแตกต่างของน้ำในบ่อน้ำบ้านของเจี้ยนอวิ๋นเป็นพิเศษ หลังผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดนางก็ได้พบว่าสวนบนภูเขาของนางดูงดงามขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีความแตกต่างระหว่างต้นไม้ที่ได้รดน้ำกับต้นไม้ที่ไม่ได้รดน้ำด้วยน้ำจากบ้านของเจี้ยนอวิ๋น

นี่ก็เป็นเวลาครึ่งเดือนมาแล้ว ดังนั้นก็น่าจะเห็นความแตกต่างสิ ปัญหามันไม่ได้เกิดจากน้ำหรืออย่างไร?

…………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท