ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 117 ขายสินค้าปีใหม่ในเมืองมหาวิทยาลัย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 117 ขายสินค้าปีใหม่ในเมืองมหาวิทยาลัย

ครั้งนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นขอให้ผู้หญิงสามคนในหมู่บ้านมาช่วยงาน หนึ่งในนั้นคือภรรยาของจี้เจี้ยนเหอผู้เป็นญาติของจี้เจี้ยนอวิ๋นเอง

อีกคนหนึ่งเป็นคนที่พี่สาวใหญ่สวี่แนะนำ คราวที่ซูตานหงนำลูกพลับจำนวน 2-3 ชั่งไปให้ เธอก็ได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา พี่สาวใหญ่สวี่ที่เมตตาต่อเธอจึงแนะนำสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งของหล่อนให้

คน ๆ นั้นเป็นสะใภ้สามของครอบครัวฝั่งแม่และเป็นคนในหมู่บ้านนี้ แต่ยังไม่เคยทำงานบนภูเขาเลยสักครั้ง

หล่อนคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง ไม่อย่างนั้นพี่สาวใหญ่สวี่คงไม่แนะนำมาให้เป็นการขายหน้าตนเอง

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพี่สาวใหญ่สวี่อยากให้สะใภ้สามสวี่ได้มีโอกาสเผยหน้าค่าตาตนเองบ้าง เผื่อว่าในอนาคตข้างหน้ามีความต้องการคนเพิ่มหล่อนจะได้ถูกจ้างทำงานระยะยาว ครอบครัวจะได้อยู่ดีมีสุขขึ้น

ซูตานหงรู้ว่าหล่อนหมายความว่าอย่างไร เมื่อได้ยินหล่อนแนะนำคนของหล่อน เธอจึงพูดขึ้น “พี่สาวคะ งานบนภูเขาต้องการคนงานระยะยาวอีกคนหนึ่ง แล้วเจี้ยนอวิ๋นก็สัญญาว่าจะให้ลูกพี่ที่เป็นญาติกันมาทำแล้วน่ะค่ะ ซึ่งเขาจะมาทำงานในอีกสองวันนี้”

พี่สาวใหญ่สวี่ได้ยินก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่โกรธเคืองและบอกว่า “งั้นก็ไม่เป็นไรจ้ะ ให้หล่อนทำงานชั่วคราวไปแล้วกัน เธอก็คอยดูไว้นะ ถ้าหล่อนขี้เกียจให้เห็นเมื่อไหร่ก็มาบอกพี่ได้ตรง ๆ เลยจ้ะ อย่าได้ปิดบังอะไรเลย”

“ฉันคิดว่าสะใภ้สามสวี่เป็นคนทำงานดีอยู่ค่ะ ในคราวหน้าที่ฉันต้องการคนงานชั่วคราวอีก ฉันก็จะให้คุณแม่มาเรียกหล่อนไปทำงานด้วยตัวเองนะคะ” ซูตานหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

นั่นหมายความว่าช่วงนี้จะไม่มีตำแหน่งคนงานระยะยาวไประยะหนึ่ง แต่ก็มีโอกาสได้ทำงานชั่วคราวอยู่มากมาย

เมื่อพี่สาวใหญ่สวี่ได้ยินดังนี้จึงใจชื้นขึ้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้ครอบครัวของหล่อนถึงบอกให้หล่อนมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวของเจี้ยนอวิ๋นให้มาก ๆ เมื่อเห็นว่าเรื่องเป็นไปดังนี้แล้วมันก็ทำให้คนรู้สึกสบายใจขึ้น

นอกจากคนงานชั่วคราวสองคนที่กล่าวมาข้างต้นแล้วก็มีพี่น้องชราคนหนึ่งของคุณแม่จี้มาทำงานด้วย

คราวที่แล้วมี 2 คนที่ได้มาทำงานเพิ่ม แต่คราวนี้มีคนมาทำงานเพิ่มอีกคนหนึ่ง เพราะคราวที่แล้วได้คนเต็มจำนวนพอดี คนบางคนที่ไม่ได้งานก็มาหาคุณแม่จี้ คราวนี้คุณแม่จี้ก็ตอบรับและบอกพวกเขาไปว่าไม่ต้องกังวล ยังมีโอกาสอีกมาก ตราบใดที่พวกเขาขยันทำงาน พวกเขาก็สามารถมาช่วยงานในครั้งหน้าได้

หากตอนนี้ไม่ได้มาช่วยงานก็ให้ฟักไข่ไป เพื่อจะได้ขายลูกเจี๊ยบให้ยามที่ไข่ฟักออกมาแล้ว

ก่อนจะทำพลับตากแห้งนั้น พวกเขาจะต้องล้าง ผึ่งให้แห้ง แล้วปอกเปลือกก่อน แต่งานเหล่านี้ก็เสร็จสิ้นด้วยฝีมือของพวกเขาภายใน 3 วัน ตอนนี้จึงเหลือเพียงงานตากพลับและนวดพลับเท่านั้น

งานนี้ไม่ยากเท่าใดนัก เพียงแต่มีงานให้ทำจำนวนมาก ดังนั้นพื้นที่โล่งส่วนใหญ่จึงเต็มไปด้วยตะแกรงตากลูกพลับ ที่ต้องมีคนมาคอยสำรวจดูอยู่เสมอ

สวี่อ้ายตั๋งกับจี้หงจวินต่างง่วนอยู่กับการทำความสะอาดคอกและให้อาหารแกะกับไก่ นอกจากนี้ยังต้องคอยตัดแต่งทรงพุ่มต้นผลไม้เพื่อให้ผลิดอกออกผลดีในปีหน้าด้วย

และตอนนี้อากาศก็เริ่มเย็นลง พวกเขาจึงมีหน้าที่ต้องรวบรวมหญ้าแห้งไว้เป็นอาหารเลี้ยงแกะ ซึ่งนับว่าเป็นงานที่หนักมาก

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงขอให้จี้เจี้ยนชวนมาช่วยงานนี้หากเขาต้องการจะทำ แต่ถ้าเขาไม่สนใจก็จะหาคนอื่นมาทำแทน

มีคนจำนวนมากในหมู่บ้านมาขอทำงานนี้ แต่เป็นเพราะจี้เจี้ยนชวนทำงานดีและเป็นญาติของเขาเอง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงให้สิทธิพิเศษกับเขาเป็นคนแรก

จี้เจี้ยนชวนตกลงจะมาทำงานในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้มีงานทางบ้านให้เขาต้องจัดการเป็นจำนวนมาก หลังจากที่เขาจัดการตารางงานได้แล้วเขาก็จะมาทำงานในวันพรุ่งนี้ โดยที่ภรรยาของเขาเป็นคนทำงานที่บ้าน นับว่าเป็นการทำงานสองทาง

ส่วนลูก ๆ ของพวกเขานั้นไม่ต้องกังวล มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านที่อยู่บ้านกันทั้งวันล่ะ?

แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ทำงานอยู่บนภูเขากันทั้งวันด้วย

หลังทำงานเสร็จแล้วพวกเขาก็กลับบ้านกันได้เลยไม่ว่าจะเป็นคนงานประจำหรือคนงานชั่วคราว แต่คนงานประจำนั้นก็คือคนงานประจำ กล่าวโดยทั่วไปก็คือพวกเขาจะมีงานยุ่งมาก แต่ด้วยค่าจ้างต่อเดือนที่มากขนาดนั้นแล้วจะเป็นการให้เงินเดือนเปล่า ๆ โดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร?

ดังนั้นทันทีที่คนงานชั่วคราวอย่างสะใภ้สามตระกูลสวี่ ภรรยาของจี้เจี้ยนเหอ และแม่เฒ่าเล่อทำงานเก็บลูกพลับเสร็จแล้ว พวกหล่อนก็สามารถกลับบ้านกันได้ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง หลังพักกินอาหารกลางวันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วพวกหล่อนจึงกลับมาทำงานกันต่อ

มีงานให้ทำเป็นจำนวนมาก แต่ลักษณะงานนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก

หลังจากนั้นราว 10 วันมันก็เกือบจะเป็นเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีทำงานบ้างขณะที่ตรวจดูผลงาน และในกลางเดือนสิบ ลูกพลับก็แห้งจนได้ที่

จากนั้นจะเป็นการเก็บลูกพลับแห้งลงกล่อง แช่เย็นเอาไว้ พอถึงเดือนสิบสองตามปฏิทินจีน เขาก็จะขนลูกพลับแห้งพวกนี้ไปขายในเมืองมหาวิทยาลัย!

ลูกพลับแห้งชุดนี้มีคุณภาพดีโดยแท้ มันมีเนื้อสีแดงอมเหลือง โปร่งแสงและเหนียวหนึบ และมีลักษณะกลมแบนสวย วางทิ้งไว้ไม่นานมันก็มีเกล็ดน้ำตาลจับที่ผิวแล้ว ครั้นลองชิมดูก็พบว่ามันมีรสหวานอร่อยมาก!

ผลผลิตของลูกพลับแห้งชุดนี้ออกมาดีมาก นอกจากส่วนที่เอาไว้แจกญาติสนิทมิตรสหายก็ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก

ลูกพลับแห้งพวกนี้ถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของบนภูเขา

เมื่อตากลูกพลับแห้งเสร็จแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เริ่มซื้อลูกเจี๊ยบจากชาวบ้าน ซึ่งแม่ไก่ของบางบ้านก็ฟักไข่เร็ว จนมีลูกเจี๊ยบออกมาแล้ว

ครั้งนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดว่าจะเลี้ยงไก่เป็นฝูงใหญ่ และตอนนี้ก็มีคนงาน 3 คนคอยดูแลเล้าไก่แล้ว เขาจึงไม่มีความกังวลว่าจะดูแลไม่ทั่วถึง

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาจะหยุดรับเลี้ยงไก่เพิ่มนอกเหนือจากไก่ฝูงนี้จนกว่าจะถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า และเขาจะไม่ปล่อยให้พวกมันออกไข่ แต่จะจับไปขายในเมืองมหาวิทยาลัยเลย!

ดังนั้นเขาจะซื้อลูกเจี๊ยบมาจากชาวบ้านในหมู่บ้านมาเลี้ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะเลี้ยงไหว

พวกมันถูกทยอยจับไปขาย ซึ่งเดิมก็มีไก่ร้อยกว่าตัวแล้ว บวกกับลูกเจี๊ยบที่แม่ไก่ของเขาเองฟักออกมาอีกในคืนนี้ ก็เท่ากับว่ามีไก่ทั้งหมดเกือบ 500 ถึง 600 ตัว

ความที่มีไก่จำนวนมาก จึงต้องมีการขยายเล้าไก่ และคนงานระยะยาวบนภูเขาก็มีงานเพิ่มเข้ามาอีกงานหนึ่ง

อากาศตอนนี้เย็นลงเรื่อย ๆ หลังเข้าสู่เดือนสิบสอง ซูจิ้นตั๋งก็มาบอกกับชาวบ้านว่าวันต่อมาเขาจะไม่มารับผัก แต่จะมารับผลผลิตไปในวันนี้เลย เพราะวันพรุ่งนี้เขาอยากไปช่วยจี้เจี้ยนอวิ๋นขายของในเมืองมหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงจะขอรับสินค้าพวกนี้ล่วงหน้า

ทุกคนในหมู่บ้านเข้าใจเขา ดังนั้นพวกเขาจึงลงมือเก็บเกี่ยวผักของตนให้ซูจิ้นตั๋งในเย็นวันนั้น ตอนนี้อากาศเย็นลงแล้ว ผักพวกนี้คงไม่แก่เกินขายในชั่วข้ามคืนได้หรอก

ดังนั้นในวันนี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงได้พาซูจิ้นตั๋งไปที่เมืองมหาวิทยาลัยด้วย

คราวนี้พวกเขาขับรถบรรทุกขนสินค้ามากมายไป รวมถึงน้ำผึ้ง ลูกพลับแห้ง ไข่ ไก่เป็น ๆ และแกะอีกหลายตัว

ซูจิ้นตั๋งยังกังวลเล็กน้อย พวกเขาจะขายของมากมายขนาดนี้ได้หมดจริงหรือ?

แต่หลังจากที่เขาได้มาเห็นกำลังซื้อของลูกค้าในเมืองมหาวิทยาลัยเข้า เขาก็ถึงกับตะลึงไป

เดิมทีเขาคิดว่ากิจการของครอบครัวเขาที่อยู่ในเมืองนั้นดีมากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อเทียบกับจี้เจี้ยนอวิ๋นที่นำของมาขายในเมืองมหาวิทยาลัยจะไม่สามารถเทียบกันได้ติดถึงขนาดนี้

ดูบรรดาคุณลุงคุณป้าผู้กระตือรือร้นเหล่านี้สิ พอเห็นเจี้ยนอวิ๋นแล้วพวกเขาก็มีท่าทางราวกับได้เห็นลูกเขย ดูรักใคร่เอ็นดูเขาเป็นอย่างมาก

ทุกคนพากันถามถึงผลไม้ เนื้อแกะ ไข่ น้ำผึ้ง งานที่ทำอยู่ และอื่น ๆ

จากนั้นเขาก็เห็นจี้เจี้ยนอวิ๋นบอกให้คนเหล่านั้นตั้งแถวเรียงหนึ่ง แล้วตัวเขาเองก็ช่วยยกสินค้าลงจากรถ พร้อมกับได้ยินเสียงฮือฮาด้วยความลิงโลดขณะที่ยกของแต่ละอย่างลงมา

ซูจิ้นตั๋งรับหน้าที่หั่นเนื้อ ขณะที่จี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนเก็บเงิน แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่เหล่าฉินที่มาทำงานด้วย แต่พวกเขาก็ทำงานประสานกันได้ดีมาก เพราะบรรดาคุณลุงคุณป้าเหล่านี้ต่างยืนเรียงแถวกันอย่างว่าง่าย คนข้างหลังที่มาใหม่ก็ไม่แซงคิวเลย กลับต่อแถวคอยอย่างอดทนเช่นกัน!

……………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท