ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 128 ส้มและมะม่วง

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 128 ส้มและมะม่วง

เป็นเพราะมีคุณแม่ซูมาช่วยขาย ซูจิ้นตั๋งกับภรรยาจึงโล่งใจขึ้น

ไม่กี่วันที่ผ่านมา สองสามีภรรยาผู้อยู่ที่นี่ก็คิดอยู่ว่าควรจะจ้างลูกจ้างชั่วคราวดีหรือไม่ ปกติพวกเขายังรับมือไหวอยู่ แต่สิ้นปีนี้กิจการขายดีมากและทำให้พวกเขายุ่งจนแทบขายไม่ทัน

ตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้ว เพราะมีคุณแม่ซูมาช่วยพอดี

ซูตานหงเองก็ได้ยินเรื่องที่แม่ของเธอไปช่วยพี่ชายรองของเธอขายของอยู่เหมือนกัน เธอจึงยิ้มและเอ่ยกับจี้เจี้ยนอวิ๋น “ตอนนี้แม่ของฉันต้องพึ่งพาพี่รองของฉันแล้วล่ะค่ะ”

“เป็นแม่ของคุณน่ะดีแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยพลางยิ้มกลับ

พี่สามีคนนี้มีนิสัยดีอย่างไม่ต้องถามอะไรเลย และเขาเองก็เป็นคนกตัญญูรู้คุณ ถ้าแม่ของเขาเต็มใจพึ่งพาเขาได้ ความเป็นอยู่ของพวกเขาก็คงไม่เลวร้ายอะไร

ยิ่งกว่านี้ภายในเมืองยังมีความเจริญพัฒนาอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปีที่ผ่านมา และมีลูกค้ามากขึ้น ตอนนี้ร้านนั้นถูกซื้อมาแล้ว มันก็ต้องมีการจัดการที่ดี เพราะคนหลายคนกำลังเริ่มทำธุรกิจกันมากขึ้น จะโดดเด่นอยู่ท่ามกลางร้านค้าเหล่านั้นหรือไม่? ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน ดังนั้นถ้าคุณแม่ซูมาช่วยงานทางนี้ได้มันก็จะเป็นเรื่องดีเช่นกัน

“ภรรยาครับ ดูสิว่าผมนำอะไรกลับมา” เช้าตรู่วันต่อมานี่เอง จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ได้ขับรถไปที่ตลาดเช้าในย่านอำเภอและร้องเรียกเธอเมื่อกลับมาถึง

“มีอะไรเหรอคะ?” เมื่อซูตานหงได้ยินน้ำเสียงยินดีของเขา เธอก็หัวเราะออกมาและกันให้เหรินเหรินอยู่ข้างในห้อง แต่เขาก็ปฏิเสธและอยากออกมาด้วย

“ผมเห็นมะม่วงกับส้มเยอะเลย พวกมันถูกขนขึ้นมาจากทางใต้ ผมลองชิมดูแล้วก็รู้สึกว่าหวานมาก เลยซื้อกลับมาให้คุณน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยขณะลงจากรถ

บนรถมีส้มสองลัง ซึ่งสีผิวเหลืองทองสดใสของมันดูน่ากินมาก

อีกลังหนึ่งที่ไม่ใหญ่นักก็เป็นลังมะม่วงลูกเล็ก แต่ซูตานหงเห็นแล้วก็อยากกินขึ้นมา

“กิน กิน” เหรินเหรินน้อยก็มองเห็นเช่นกัน เขาจ้องมองผลไม้ด้วยดวงตาดำขลับพร้อมกับปากก็พูดอยากกินไปด้วย

“เจ้าลูกแมวตะกละเอ๊ย” ซูตานหงยิ้มขณะหยิบส้มสองลูกแล้วพาเขาเข้าไปในครัวก่อนจะแกะส้มให้กิน

หลังเด็กชายได้กินผลไม้แล้วเขาก็ย่นคิ้ว ทว่าปากยังคงเคี้ยวแจบ ๆ ไม่หยุด

“รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ ผมชิมมาจากที่นั่นแล้ว มันหวานมากเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม

“หวานมากเลยค่ะ” ซูตานหงพยักหน้า ส้มนี่รสชาติดีมาก เธอชอบมันจริง ๆ

เหรินเหรินน้อยเองก็ตกหลุมรักกับรสชาติหลังกินส้มที่แม่ของเขาแกะให้กินทั้งที่ย่นคิ้ว ก่อนจะอ้าปากกว้างร้องดัง อา รอคอยให้แม่ป้อนอีก

ซูตานหงป้อนส้มให้เขาอีกกลีบหนึ่ง เด็กชายมีท่าทางอยากกินมากกว่านี้ เขาจึงแบมือขอเพิ่ม

ซูตานหงยิ้มและบอกให้จี้เจี้ยนอวิ๋นผูกเอี๊ยมกันเปื้อนให้ลูกชาย จากนั้นก็ป้อนส้มให้อีกกลีบ

เหรินเหรินน้อยได้กินส้มแล้วก็พอใจอย่างมาก เขาจึงคว้าส้มและเริ่มเคี้ยวกิน ดูดน้ำส้มที่ไหลออกมาแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย

ซูตานหงเองก็ได้กินเช่นกัน เธอแบ่งให้ลูกชายหนึ่งกลีบ ส่วนที่เหลือนั้นเธอกินทั้งหมด

“ส้มพวกนี้รสชาติไม่เลวเลยค่ะ เดี๋ยวคุณส่งไปให้คุณพ่อกับคุณแม่กินบ้างนะคะ” ซูตานหงบอก

บนภูเขามีของทุกอย่างหมดแล้ว เพื่อให้สะดวกต่อคุณพ่อกับคุณแม่จี้เวลาจะกินของว่างรองท้องในยามที่รู้สึกหิวขึ้นมา ซึ่งบนนั้นก็มีมีดและเขียงอยู่พร้อมสรรพ

อยากจะกินอะไรก็ใช้หั่นกินเองได้เลย

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะชอบกินขนาดนี้ แต่ได้ยินคนขายพูดว่าปีหน้าจะมาอีกอยู่เหมือนกัน ถ้าเขามาแล้วผมจะซื้อมาเยอะกว่านี้นะ”

“คุณไม่ต้องซื้อมาเยอะมากนักหรอกค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว” ซูตานหงยิ้ม

“ผมได้ยินพวกเขาพูดกันว่าให้กินส้มเยอะ ๆ เวลาท้องนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด

ซูตานหงได้ยินดังนี้ก็ไม่ใส่ใจ ต่อให้ซื้อมาเยอะกว่านี้ก็ไม่เป็นไร มันไม่แพงมากนักหรอก

จี้เจี้ยนอวิ๋นนำส้มกับมะม่วงบางส่วนขึ้นไปบนภูเขา คุณพ่อจี้เห็นแล้วก็ไม่ว่าอะไร แต่คุณแม่จี้พูดขึ้นว่า “แกจะเอาขึ้นมาบนนี้ทำไม เก็บไว้ให้ตานหงกินเสียสิ”

สภาพอากาศของที่นี่ไม่ค่อยดีนัก ในฤดูหนาวไม่มีผลไม้อะไรให้กินเลย จะมีก็แต่ถั่วเปลือกแข็ง ผลไม้อย่างส้มและมะม่วงจึงมักถูกนำขึ้นมาจากทางใต้ แต่ราคาก็ไม่ได้ถูกเลย

“ที่บ้านยังมีอยู่น่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก “พ่อกับแม่กินเถอะ”

หลังพูดจบ เขาก็ออกไปดูแกะและไก่

คุณแม่จี้เดินไปหั่นส้ม เมื่อนางกลับมาอีกครั้งก็เห็นว่าตาเฒ่าของนางกินมะม่วงไปแล้ว กลิ่นหอมหวานของมันทำให้นางรู้สึกอยากกินขึ้นมาบ้าง

“ผมเคยกินมะม่วงแค่ครั้งเดียวเอง” คุณพ่อจี้พูด

“รสชาติเป็นยังไงบ้างล่ะ?” คุณแม่จี้ถามด้วยรอยยิ้ม

“คุณกินแล้วไม่รู้เหรอ?” คุณพ่อจี้บอก ก่อนจะหยิบส้มมากิน

ชายชราพอใจกับของว่างที่ได้กิน ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงหรือส้ม มันก็มีรสชาติดีมากทั้งคู่

คุณแม่จี้เองก็ได้กินบางส่วนพร้อมกับรอยยิ้ม เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับเข้ามา นางก็พูดขึ้น “ถ้าจิ้นตั๋งมาที่นี่แล้ว ก็ให้จิ้นตั๋งเอาไปให้แม่ยายแกด้วยสิ”

“ผมเก็บส่วนนั้นไว้แล้วครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

ตอนที่เขาลงจากภูเขา เขาก็ได้บอกกับซูตานหงเช่นกัน ซูตานหงจึงถามขึ้น “แล้วพวกน้องสี่ล่ะคะ ต้องเอาไปให้ด้วยหรือเปล่า?”

“อย่ากังวลเลยครับ ถ้าพวกเขาอยากกินก็ซื้อกินกันเองได้ล่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเอาไปให้ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่เอาไปให้หรอก

ให้เจี้ยนเหวินไปแล้ว พี่ชายอีกสองคนล่ะจะว่าอย่างไร? ถ้าให้ไปแล้วก็ต้องให้ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่พอใจ ดังนั้นให้แต่ผู้อาวุโสนั่นแหละดีแล้ว ไม่ต้องให้คนอื่น ๆ หรอก แบบนี้ยุติธรรมดี

ส่วนพวกหลาน ๆ นั้น ถ้าพวกเขามาที่นี่ก็ได้กิน แต่ถ้าพวกเขาไม่มาก็ไม่ได้กินเท่านั้นเอง

ซูตานหงพยักหน้า ความจริงแล้วเธอถามไปอย่างนั้นล่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะให้จริง ๆ หรอก

เมื่อซูจิ้นตั๋งมาหาในเย็นวันนั้น จี้เจี้ยนอวิ๋นก็มอบส้มกับมะม่วงไปให้เขาถุงหนึ่ง และขอให้เขานำไปมอบให้คุณแม่ซู

ถึงจะบอกว่าเป็นของไว้ให้แม่ยาย แต่ความจริงแล้วซูจิ้นตั๋งก็ได้กลับไปบ้างเหมือนกัน และในปริมาณที่มาก

ซูจิ้นตั๋งไม่ได้เอ่ยอะไร และรับมาด้วยรอยยิ้ม

ถึงมะม่วงกับส้มจะอร่อยไม่แพ้กัน แต่ซูตานหงนั้นชอบกินส้มมากกว่า วันหนึ่งเธอกินวันละ 3-4 ลูก ซึ่งในลังหนึ่งก็มีอยู่ไม่มากนัก พอเธอกินแบบนี้มันก็หมดภายในไม่กี่วัน

จี้เจี้ยนอวิ๋นเลยต้องไปซื้อมาอีกสองลัง ครั้งนี้เขาไปซื้อที่เมืองมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ไม่ได้ไปเสียเที่ยว เพราะได้นำไข่บางส่วน เนื้อแกะ และไก่เป็น ๆ ไปขายด้วย แถมยังพาคุณพ่อจี้ไปพร้อมกับเขาอีก

เขามาที่นี่โดยไม่มีแผนมาก่อน ไม่ใช่เพราะภรรยาของเขาอยากกินส้มหรอกเหรอ? พวกมันมีขายเฉพาะในเมืองมหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยที่ไม่มีขายในส่วนอื่น ๆ ของเมืองเจียงสุ่ยเลย

เมื่อเวลาล่วงเลยไป วันสิ้นปีก็มาถึง และก็ได้เวลาของงานเลี้ยงรวมญาติ

แม้ก่อนหน้านี้จะเกิดความปั่นป่วนที่ไม่น่าอภิรมย์นัก ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกัน และไม่มีอุปสรรคใด ๆ จะมาขวางได้ ในวันนี้เอง ทุกคนก็ได้ร่วมฉลองอาหารเย็นอย่างราบรื่นงดงามและเริ่มกินผลไม้ล้างปากหลังกินอาหารเสร็จ

ใช่แล้ว เพื่อจะทำให้คุณพ่อกับคุณแม่จี้มีความสุขในวันนี้ ซูตานหงก็ได้นำมะม่วงที่เก็บไว้เมื่อหลายวันก่อนออกมาขึ้นโต๊ะ ส่วนส้มนั้นเธอไม่กล้าให้ และตั้งใจว่าจะเก็บไว้กินเอง

ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า หลังจากได้กินส้มแล้ว เธอก็รู้สึกว่าเด็กในท้องเจริญเติบโตดีขึ้น

เธอจึงอยากเก็บส้มไว้กินเอง แล้วเหรินเหรินเองก็ชอบกินด้วย ทั้งแม่และลูกจึงเก็บส้มเอาไว้กินช้า ๆ

แต่ต่อให้มีมะม่วงเป็นแค่อาหารหวานเท่านั้น ทุกคนก็พอใจมาก

แต่จี้อวิ๋นอวิ๋นที่ข่มกลั้นอารมณ์อยู่หลายวันก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมพี่สะใภ้สามไม่เอาส้มมาบ้างล่ะคะ? ส้มนั่นอร่อยมากเลยนะ ตอนที่ไปหาคุณพ่อคุณแม่บนภูเขา ฉันก็ได้กินด้วย ถึงตอนนี้ยังติดใจอยู่เลย”

……………………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท