ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 147 เหล่าฉินผู้เชื่อมั่น

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 147 เหล่าฉินผู้เชื่อมั่น

ซูตานหงออกจะเขินอายกับเรื่องนี้อยู่บ้าง

หากแต่การที่ผู้คนเชื่อมั่นในตัวเธอก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ?

“แล้วเรื่องอ้ายเซินล่ะคะ?” เธอถาม

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกจ้ะ เขาตั้งใจทำงานอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นป้าคงไม่กล้าแนะนำให้แน่” คุณป้าหยางเอ่ยย้ำกับเธอ

เธอพยักหน้ารับ “คุณป้าอย่าลืมบอกเขาให้ชัดเจนนะคะ ว่าได้เงินเดือน 30 หยวน และไม่มีอาหารให้ ถ้าทำงานดีต่อไปก็อาจได้เป็นคนงานประจำด้วยค่ะ”

“ได้สิ เดี๋ยวป้าจะบอกเขาให้ จะให้เริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะจ๊ะ?” นางรีบถาม

“นัดรวมตัวกับคนอื่น ๆ ที่บ้านของฉันตอนเจ็ดโมงครึ่งพรุ่งนี้ค่ะ” ซูตานหงบอก

เมื่อเธออุ้มฉีฉีกลับบ้านไป คุณป้าหยางก็รีบไปแจ้งข่าวให้ลูกชายทราบทันที

“อ้าวแม่ ผมเพิ่งทำถั่วเขียวต้มเสร็จ มากินหน่อยสิครับ” หยางอ้ายเซินที่กำลังผ่าฟืนอยู่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแม่ของตนมาหา

คุณป้าหยางมีท่าทางพึงพอใจไม่น้อย ลูกคนที่สามนี้นับได้ว่ากตัญญูกว่าลูกคนโตและลูกคนรองมาก นางจึงตอบกลับไป “ไม่ล่ะ แม่มีเรื่องจะมาคุยน่ะ ครั้งก่อนแกบอกให้ช่วยถามว่าเจี้ยนอวิ๋นขาดคนงานหรือเปล่าไม่ใช่เหรอ?”

“แต่ว่าทางนั้นก็ไม่น่าขาดคนนี่ครับ” หยางอ้ายเซินถอนหายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

มีชาวบ้านคนไหนไม่อยากทำงานในสวนบ้างล่ะ?

ทั้งได้เงินเดือนถึง 30 หยวน และของขวัญตะกร้าโตทุกเทศกาลอีก แล้วยังอนุญาตให้ทำงานส่วนตัวได้ด้วย ตราบใดที่ขยันมากพอและไม่ทำให้การงานทั้งสองอย่างเสียก็เพียงพอแล้ว

ค่าแรง 30 หยวนถือว่าสูงมากในหมู่บ้านแถบนี้

ปกติเขาไม่ต้องใช้เงินต่อเดือนมากนัก เพราะปลูกพืชผักกินเอง เสื้อผ้าก็ไม่ต้องหาซื้อทุกปี แต่ตอนนี้เขาต่อไฟฟ้าเข้าบ้านแล้ว จึงมีค่าไฟฟ้าต้องจ่ายเพิ่มหลายเหมา*ต่อเดือน

*หน่วยเงินย่อยที่เล็กกว่าหยวนของจีน 10 เหมา = 1 หยวน

หากมีรายได้มั่นคงก็จะเอามาใช้จ่ายในส่วนนี้ได้

30 หยวนต่อเดือน ปีหนึ่งก็ได้ถึง 360 หยวนเชียวนะ!

เรียกได้ว่าเป็นเงินก้อนโตทีเดียว

ดูอย่างครอบครัวสวี่อ้ายตั๋งกับจี้หงจวินสิ เมื่อก่อนยังลำบากกว่าเขาแท้ ๆ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ? บ้านก็ถูกปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ ความเป็นอยู่ก็สุขสบาย เมื่อวานยังเห็นว่าอีกฝ่ายไปซื้อเนื้อเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์นี้อยู่เลย!

เมื่อก่อนแค่โจ๊กยังไม่มีปัญญาจะกิน แต่ตอนนี้กลับกินเนื้อได้ถึงสองครั้งต่อสัปดาห์ ยังจะต้องให้พูดอะไรอีก?

เขาถึงได้อยากไปทำงานที่นั่นจนขอให้แม่ไปถามให้ สุดท้ายก็ไม่เป็นดั่งที่หวังเพราะมีคนงานพอแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงตั้งใจทำงานสุดชีวิต ด้วยเชื่อว่าตัวเองก็มีดีไม่แพ้ใคร

“ก่อนหน้านี้น่ะมีคนงานพอแล้วก็จริง แต่ตอนนี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อสวนบนเขาอีกลูกไว้ กะจะปลูกผลไม้ที่นั่นเลยต้องใช้คนงานเยอะ ตานหงก็เลยมาบอกแม่ว่าจะกันตำแหน่งคนงานไว้ให้แก แล้วก็ถามว่าแกจะว่ายังไง ให้เงินเดือน 30 หยวน แต่ไม่มีที่พักกับอาหารให้นะ ถ้าทำงานได้ดีต่อไปก็อาจจะได้เป็นคนงานประจำ” คุณป้าหยางเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ผมจะทำครับแม่ ผมจะตั้งใจทำ!” เขารับคำอย่างแข็งขัน

คุณป้าหยางยิ้มแล้วบอกอย่างยินดี “แม่รู้ก็เลยตอบตกลงไปแล้วล่ะ พรุ่งนี้แกก็ไปรวมตัวที่บ้านเจี้ยนอวิ๋นตอนเจ็ดโมงครึ่งแล้วกัน เดี๋ยวเขาจะบอกเองว่าต้องทำอะไรบ้าง”

“ได้เลยครับ!” เขาขานรับ

เมื่อคุณป้าหยางพูดธุระจบ นางก็ถามขึ้น “แล้วภรรยาแกไปไหนล่ะ?”

“เยี่ยนจือพาซานหยาไปเก็บมะเขือเทศในสวน ว่าจะเอาไปขายในตัวอำเภอน่ะครับ” เขาตอบ

“มะเขือเทศแค่นั้นจะไปขายได้สักเท่าไหร่เชียว? ให้หล่อนดูแลสวนให้ดีเถอะ อีกอย่างซานหยาก็ใกล้เข้าโรงเรียนแล้วด้วย” คุณป้าหยางกล่าว

“ครับ ผมว่าจะส่งลูกเข้าเรียนปีนี้แหละ” หยางอ้ายเซินพยักหน้ารับ

“ต่อไปก็ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ เจี้ยนอวิ๋นกับตานหงใจดีและก็ไม่ข่มเหงเอาเปรียบแกอยู่แล้ว” คุณป้าหยางเตือน

“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ชาวบ้านแถบนี้รู้กันหมดแหละครับว่าพวกเขาเป็นยังไง” หยางอ้ายเซินยกยิ้ม

ตอนนี้ในหมู่บ้านใคร ๆ ก็รู้จักจี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

แม้แต่เด็กในหมู่บ้าน รวมถึงลูกสาวของเขายังรู้จัก ทุกคนต่างบอกว่าพวกเขาไม่ได้โม้เลยสักนิดเกี่ยวกับคุณอาเจี้ยนอวิ๋นและคุณอาสะใภ้ตานหง เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะว่าพวกเขาจ้างงานเด็ก ๆ ด้วยอย่างไรล่ะ

พวกเขาสามารถมารับจ้างเก็บผลผลิตทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน หรือจะมาถอนวัชพืชช่วงสุดสัปดาห์ก็ได้ ถ้าไม่รับค่าจ้างเป็นเงิน ก็ขอรับเป็นอาหารหรือแลกเป็นไข่ก็ได้

ถือเป็นงานที่สบายและน่าสนุกสำหรับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน

บางคนที่ทำงานได้มากก็จะแลกไข่ได้มากซึ่งมีราคาหลายเฟิน*ทีเดียว

*หน่วยเงินเล็กที่สุดของจีน ใช้มาตั้งแต่โบราณ โดย 10 เฟิน = 1 เหมา

มีบางครั้งที่พวกเขาได้กินสตรอเบอรี่ และถ้าจี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่ด้วยก็จะให้เอากลับไปแบ่งกินกับพี่น้องที่บ้านด้วย

ดังนั้นเด็ก ๆ ถึงได้ออกอาการปลาบปลื้มจี้เจี้ยนอวิ๋นทุกครั้งที่พูดถึงเขา

เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจคนแถวนี้ไปแล้ว

ทางด้านเหล่าฉินพอได้ยินว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อสวนเพิ่มก็พูดให้กำลังใจทันที “เจี้ยนอวิ๋น นายน่ะทำได้อยู่แล้ว!”

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มรับ “ยังไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่าเลยครับ เรื่องกล้าพันธุ์ก็คงต้องรบกวนพี่ช่วยผมด้วยนะ”

“เชื่อมือฉันได้เลย” เหล่าฉินบอก “วันนี้สายมากแล้ว เดี๋ยวฉันขับไปหาพรุ่งนี้ จะได้ไปเลือกพันธุ์ดี ๆ ด้วยกัน รับรองเลยว่าคุณภาพดีกว่าครั้งที่แล้วแน่นอน”

“ได้เลยครับ” อีกฝ่ายตอบ “แล้วช่วงนี้กิจการเป็นยังไงบ้างครับ? สตรอเบอรี่ขายดีหรือเปล่า?”

“ดีอยู่แล้ว ซื้ออะไรมาจากนายก็ขายดีทั้งนั้นแหละ” เหล่าฉินเผยยิ้มจริงใจ “ใครได้ลองชิมก็ชอบกันหมด”

“ขายดีก็ดีแล้วครับ ผมว่าต่อไปน่าจะขยายกิจการได้อีกนะ เดี๋ยวนี้มีห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นในเมืองมหาวิทยาลัยเยอะเลย บางทีต่อไปพี่อาจจะไปต่อยอดที่นั่นได้” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

เหล่าฉินยิ้มก่อนบอก “ต่อไปจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้หรอก แต่ตอนนี้ฉันหาเลี้ยงครอบครัวได้ก็พอใจมากแล้วล่ะ”

สำหรับผู้ชายแต่งงานแล้ว พวกเขาไม่คิดย่อท้อง่าย ๆ เหมือนก่อนแต่งงาน และไม่ว่าจะทำอะไรก็ย่อมคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับครอบครัวก่อนเสมอหากว่ามันล้มเหลว

หากยังไม่แต่งงานจะตั้งใจทำงานแค่ไหน ก็แค่ทำให้ทั้งครอบครัวไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่กินอย่างไร แต่พอแต่งงานแล้วก็กลับต้องเป็นที่พึ่งให้กับทั้งครอบครัว

จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินทางกลับเมื่อคุยธุระเสร็จ

จางเสวี่ยหลีบอกกับเหล่าฉิน “คุณจะขยายกิจการไม่ได้นะคะ ถ้าถึงเวลานั้นแล้วคุณอยากจะปกปิดเขาไว้ล่ะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วต่อไปเขาขึ้นราคาของล่ะคะ?”

“ก็เป็นปกติที่จะขึ้นราคานี่ ถ้าเขาขึ้นราคาเราก็แค่ขึ้นราคาตาม จะได้มีกำไรเท่าเดิมไง” เหล่าฉินตอบอย่างไม่จริงจังนัก

ทุกอย่างกำลังไปได้ราบรื่น สินค้าจากเจี้ยนอวิ๋นก็คุณภาพดี ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะขึ้นราคา ช่วงนี้เขาก็ยังคิดอยู่ว่าอีกฝ่ายจะขึ้นราคาหรือเปล่า

จางเสวี่ยหลีไม่กล้าออกความเห็นมากนักจึงเอ่ย “ปีหน้าคุณจะไปช่วยงานเขาโดยไม่ได้ค่าจ้างอีกหรือเปล่าคะ?”

“อะไรกัน เขาขอให้ช่วยทั้งทีจะไม่ทำได้ยังไง? เขาให้ผมยืมเงินมาซื้อร้านนี้ตั้ง 2,000 หยวนนะ ทำไมถึงพูดถึงเขาอย่างนั้นล่ะ?” เหล่าฉินได้ยินหล่อนถอนหายใจก็ว่าขึ้นทันที

เมื่อเห็นสีหน้าของเขาฉายแววไม่พอใจหล่อนก็รีบพูดดัก “ฉันไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่นเลยนะคะ ก็แค่พูดถึงขึ้นมาเฉย ๆ เองค่ะ”

“แค่พูดก็ไม่ได้ บอกแล้วไงว่าถ้าไม่พอใจก็กลับบ้านเกิดคุณไปซะ ไม่อย่างนั้นก็เงียบปากไว้ ถ้ามีเรื่องนี้มาถึงหูผมอีก ผมนี่แหละจะเป็นคนไปส่งคุณถึงที่เอง!” เขาเอ็ดภรรยา

จางเสวี่ยหลีนึกหวาดหวั่นในใจ ตอนนี้หล่อนไม่มีที่ไปเพราะทนแบกหน้ากลับไปบ้านแม่ไม่ได้อีก จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา

หลังจากข่มขู่หล่อนแล้วเหล่าฉินก็ไม่สนใจหล่อนอีก บอกให้หล่อนไปดูแลร้าน ก่อนตัวเขาเองจะขับรถไปเอาผักผลไม้ที่พร้อมเก็บเกี่ยววันพรุ่งนี้

ในตอนนี้สามารถเก็บเกี่ยวพืชผักอย่างเช่น มะเขือเทศ บวบ และแตงกวาได้ล่วงหน้า ส่วนผักอื่น ๆ นั้นยังเก็บไม่ได้ เจี้ยนอวิ๋นเองก็ค่อนข้างยุ่งจึงต้องทำงานทางนั้นให้เสร็จก่อน

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ปฏิบัติกับคนอื่นดี ใคร ๆ ก็ชอบล่ะค่ะ พอมีคนชอบก็ทำงานราบรื่น

ภรรยาเหล่าฉินจะทำอะไรอีก ยังไม่เข็ดใช่ไหมคะ ต้องรอให้ถูกส่งตัวกลับบ้านแม่ใช่ไหม

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท