ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 151 หน้าที่และภาระผูกพันของการเป็นภรรยา

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 151 หน้าที่และภาระผูกพันของการเป็นภรรยา

“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูรู้ค่ะ” หยางต้าหยาพยักหน้า คล้ายจะพูดบางอย่างแต่ก็ลังเลใจ

เพื่อให้สิ่งที่หล่อนต้องการเป็นไปได้ด้วยดี หม่าฮุ่ยจึงเอ่ยถาม “มีอะไรอีกรึเปล่า?”

“หนูจะทำงานหาเงินมาให้แม่ แต่แม่เองก็ต้องไปช่วยคุณย่าซักผ้าทุกวันนะคะ หนูได้งานนี้เพราะคุณย่าเมตตาเอ็นดู ไม่อย่างนั้นโอกาสนี้คงไม่ใช่ของหนู” หยางต้าหยากล่าวอย่างลังเลใจ  

หม่าฮุ่ยยังคงไม่เปิดใจ 

“แม่คะ เงินเดือน 15 หยวนนี้หนูจะไม่ใช้เลยแม้แต่เฟิน*เดียว เมื่อไหร่ที่เงินเดือนออก หนูจะขอให้อาจิ้นตั๋งส่งเงินมาให้แม่โดยตรงนะคะ” หยางต้าหยาเหลือบมองมารดาแล้วกระซิบ

*หน่วยเงินตราของจีนโบราณ เทียบเท่ากับ อีแปะ ที่คนไทยรู้จัก

“อืม หลังจากนี้ฉันจะไปช่วยพวกเขาซักผ้าแล้วกัน” หม่าฮุ่ยรับปากก่อนจะตำหนิลูกสาวอย่างไม่จริงจัง “ฉันเลี้ยงแกมาเสียเปล่าจริง ๆ คิดแต่จะสั่งให้แม่ของแกทำงานงก ๆ!”

เมื่อหยางต้าหยาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกปิติยินดีอย่างยิ่ง

หล่อนมั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ทั้งงานเลี้ยงเด็กและทำงานบ้าน ล้วนเป็นงานที่หล่อนทำเป็นประจำที่บ้านอยู่แล้ว

จากนั้นหยางต้าหยาก็มาหาคุณป้าหยางที่บ้าน

เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือหลานสาว คุณป้าหยางก็ยิ้มต้อนรับ “พ่อเธอบอกเธอแล้วเหรอ?”

“คุณย่าคะ ขอบคุณมากนะคะ” หยางต้าหยาเม้มปากและกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

แน่นอนว่าในใจของหล่อนชอบงานนี้มาก นอกจากหารายได้ให้ครอบครัวเดือนละ 15 หยวนแล้วก็ไม่ต้องแวะกลับมากินข้าวที่บ้านอีก ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับหล่อนเลยทีเดียว

“ถ้าขอบคุณย่าแล้วจากนี้ไปก็ตั้งใจทำงานให้ดีล่ะ ตานหงมีความสัมพันธ์อันดีกับพี่สะใภ้รองของหล่อน ย่าคิดว่าพี่สะใภ้รองของตานหงเข้าหาได้ไม่ยาก และย่ารู้ดีว่าพวกเขาจะไม่ปฏิบัติตัวแย่ ๆ กับเธอในเวลาทำงาน แต่เธอเองก็ต้องรู้ด้วยว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ”

“คุณย่าสบายใจได้เลยนะคะ หนูรู้ค่ะ” หยางต้าหยาพยักหน้า

“งั้นก็ดีแล้ว” คุณป้าหยางพยักหน้ารับ

“หนูขอให้แม่มาที่นี่ทุกเช้าเพื่อช่วยคุณย่าซักผ้า คุณย่าก็ปล่อยให้แม่ทำไปนะคะ ไม่ต้องตกใจ” หยางต้าหยากล่าว

“แต่ก่อนเป็นเธอที่ช่วยซักผ้าให้พวกเราสองคนผู้เฒ่า ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว พวกเราซักผ้ากันเองได้อยู่ล่ะ”

“คุณย่าคะ หนูคุยกับแม่ไว้แล้วและแม่ก็ตกลงค่ะ” หยางต้าหยารีบพูด

คุณป้าหยางขมวดคิ้วมุ่น

คุณลุงหยางที่เดินมาจากสวนหลังบ้านจึงเอ่ยขึ้น “ถ้าหล่อนอยากซักก็ให้ซักไปเถอะ”

“คุณปู่” หยางต้าหยาร้องเรียก

คุณป้าหยางไม่กล่าวอะไรอีก นางรู้อยู่แก่ใจว่าหากตนไม่แนะนำงานให้ต้าหยา คงบอกไม่ได้ว่าลูกคนโตจะโกรธเกลียดสองผู้เฒ่านี้เพียงใด ที่ช่วยเหลือเรื่องงานให้กับลูกชายคนที่สาม แต่กลับไม่หางานให้ครอบครัวของเขา

“ไปแล้วก็ตั้งใจทำงานให้ดี อย่าได้คิดคดโกง เงินเดือน 15 หยวน ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ” คุณลุงหยางกล่าว 

“ได้ค่ะคุณปู่ หนูจะตั้งใจทำงานค่ะ” หยางต้าหยาพยักหน้า

เมื่อหยางต้าหยากลับไปแล้ว ตุณป้าหยางก็มาหาซูตานหงที่บ้าน

“คุณป้าคะ ต้าหยายอมไปไหมคะ?” ซูตานหงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“งานดี ๆ แบบนี้ทำไมจะไม่ยอมไปล่ะ? เด็กนั่นตกลงแล้ว ตอนเย็นจะให้จิ้นตั๋งพาเข้าไปในเมือง” คุณป้าหยางกล่าว   

“งั้นก็ดีแล้วค่ะ” ซูตานหงยิ้ม “สือโถวอาจจะวุ่นวายไปบ้าง ดังนั้นหล่อนต้องอดทนให้มากขึ้นสักหน่อยนะคะ”

“เขาเป็นเด็กจะไม่ให้สร้างปัญหาได้ยังไง? น้องชายของหล่อนดื้อกว่ามาก ยังจัดการได้เป็นอย่างดี และยังทำงานบ้านได้อีกด้วย แต่ถ้าทำงานไม่ถูกใจก็ส่งตัวหล่อนกลับมาได้ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” คุณป้าหยางกล่าว

“ฉันคิดว่าต้าหยาทำได้ค่ะ” ซูตานหงยิ้ม

ขอเพียงดูแลสือโถวให้ดี ที่พี่สะใภ้รองซูขอให้ส่งคนไปที่นั่น จุดประสงค์หลักก็คือให้ช่วยดูแลสือโถวในช่วงเช้า นอกนั้นก็ช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใช่งานหนักหนาเกินความสามารถแต่อย่างใด

คุณป้าหยางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ได้ทำงานในร้านจิ้นตั๋ง ป้าเองก็สบายใจ”

หลังจากพูดคุยกันจบแล้วคุณป้าหยางก็กลับไป พร้อมกับจี้เจี้ยนอวิ๋นที่กลับมาหลังจากเสร็จงาน “ป้าหยางเพิ่งมาที่นี่เหรอครับ?”

“อืม เป็นยังไงบ้างคะ ยังยุ่งอยู่ไหม?” ซูตานหงรินน้ำพุวิเศษใส่แก้วให้เขา

“ไม่ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นส่ายหน้า “แล้วลูกสร้างปัญหาให้คุณหรือเปล่า?”

“ตราบใดที่ใส่ใจเขาอย่างดี ได้กินดื่มจนพอใจ ก็เลี้ยงง่ายเหมือนพี่ชายเขาเลยค่ะ” ซูตานหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินยิ้มแย้มเข้าไปหาฉีฉีที่กำลังนอนเล่นคนเดียวอยู่บนเตียง ขณะที่เหรินเหรินนั่งดูหนังสือการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดอยู่ข้าง ๆ เมื่อเด็กน้อยเห็นว่าพ่อของเขากลับมาแล้ว จึงรีบวางอัลบั้มภาพลงและอ้าแขนเข้าหาพ่อทันที

“พ่อครับ” หัวใจของจี้เจี้ยนอวิ๋นถึงกับอ่อนยวบหลังจากได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนี้

“วันนี้ลูกเป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณแม่หรือเปล่า?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามด้วยรอยยิ้มขณะอุ้มลูกชายคนโต

“ครับ ผมกับน้องเป็นเด็กดีมาก ฉีฉีเองก็ไม่งอแงเลย” เหรินเหรินกล่าว

“งั้นก็ดีแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “มื้อเที่ยงนี้อยากกินอะไรครับ?”

“ผมอยากกินโจ๊กใส่ไข่” เหรินเหรินกล่าว “คุณพ่อล่ะครับอยากกินอะไร?”

“พ่ออยากกินโจ๊กไข่ใส่เนื้อไม่ติดมัน” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

“ผมก็อยากกินเหมือนกัน”

“งั้นก็กินด้วยกันนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า

“น้องชายยังกินไม่ได้นะครับ” เหรินเหรินกล่าวเตือนขึ้นมา

ประโยคนี้ทำให้จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

เมื่อซูตานหงมองดูคุณพ่อและลูกชายที่กำลังสนทนากัน เธอพบว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นใจเย็นกับเหรินเหรินเป็นอย่างมาก เขาคอยตอบทุกคำถามของเด็กชายช่างสงสัย แม้ว่าทุกวันนี้งานจะยุ่งเพียงใด แต่ก็มักจะหาเวลามาพูดคุยพร้อมกับโอบกอดลูกน้อยของเขาอยู่เสมอ

“คุยกันไปก่อนนะคะ ฉันจะไปทำโจ๊กให้” ซูตานหงกล่าว

“ใส่ไข่กับเนื้อไม่ติดมันด้วยนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าวสำทับผู้เป็นภรรยา

ซูตานหงพยักหน้า ก่อนจะหันไปทำโจ๊กไข่ใส่เนื้อไม่ติดมัน พร้อมกับเครื่องเคียงเป็นยำเนื้อกับผักกวางตุ้ง

แม้ว่าจะเป็นอาหารพื้น ๆ แต่ครอบครัวสี่คนก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก โดยมีฉีฉีที่นั่งดูเป็นเพื่อน

หลังจากมื้อเที่ยง จี้เจี้ยนอวิ๋นได้พาเหรินเหรินไปดูสมุดภาพ เขายังซื้อจิ๊กซอว์ภาพมาต่อเล่นกับลูกชายอีกด้วย เมื่อถึงราวบ่ายโมงครึ่ง ทั้งพ่อและลูกชายต่างก็พากันผล็อยหลับไป 

เนื่องจาก 2-3 วันมานี้จี้เจี้ยนอวิ๋นต้องตื่นแต่เช้าเพื่อจัดการงานในสวนผลไม้อันแสนวุ่นวาย ด้วยความเหนื่อยล้าสะสมเขาจึงหลับไปถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม เมื่อตื่นขึ้นมาซูตานหงก็กำลังอุ่นถั่วเขียวที่ต้มไว้พอดี

“กินถั่วเขียวต้มก่อนไปทำงานนะคะ” ซูตานหงกล่าวเมื่อเห็นว่าเขาตื่นแล้ว

“ทำไมคุณถึงไม่ไปนอนพักล่ะครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นโน้มตัวไปกอดภรรยาขณะพูด

“ฉันอยู่บ้านว่าง ๆ ทั้งวัน จะนอนหรือไม่นอนสำคัญด้วยเหรอคะ? รีบดื่มเถอะค่ะ ถั่วเขียวต้มนี้ช่วยแก้ร้อนในได้ดี” ซูตานหงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มดุ ๆ และดึงมือซุกซนของสามีออก

“ให้คุณพักอีกหนึ่งเดือน ในหนึ่งเดือนนี้ผมจะไม่กวนคุณเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

“ใครกลัวกันล่ะคะ?” ซูตานหงขยิบตา

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่กล้ามองเธออีกต่อไป หลังจากได้ให้กำเนิดลูกชายทั้งสองคน นับวันภรรยาของเขายิ่งมีเสน่ห์เย้ายวนใจมากขึ้น เมื่อถูกยั่วยวนมันกลับกลายเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายต้องทนทรมาน

หลังจากดื่มถั่วเขียวต้มจนหมด จี้เจี้ยนอวิ๋นก็นั่งพักต่ออีกราวครึ่งชั่วโมง ก่อนจะออกไปทำงาน

ซูตานหงเองก็ไม่ได้หยุดพัก ตอนนี้อากาศกำลังดี ช่วงนี้อาจจะยุ่งสักหน่อย แต่หลังจากนี้เมื่ออากาศร้อนระอุยิ่งขึ้น นั่นถึงจะถือว่าเป็นช่วงเหน็ดเหนื่อยจริง ๆ

ทว่าผู้ชายของเธอกำลังยุ่งกับงานนอกบ้าน ดังนั้นเธอจึงต้องทำอาหารทั้งสามมื้ออย่างดีเพื่อรักษาสุขภาพร่างกายของเขา นี่ถือเป็นหน้าที่และภาระผูกพันของเธอในฐานะภรรยา ด้วยเหตุนี้ซูตานหงจึงนำกระดูกชิ้นใหญ่ออกจากตู้เย็น ล้างทำความสะอาดพร้อมกับถั่วเหลืองและเคี่ยวทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันเพื่อทำซุปบำรุงกำลัง

เย็นวันนี้จึงมีแกงจืดกระดูกกับถั่วเหลืองกลิ่นหอมกรุ่นสองชาม ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากและช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เด็ก ๆ น่ารักกันจังเลยค่ะ ทั้งหยางต้าหยากับเหรินเหรินเลย เหรินเหรินคงโตมาเป็นหนุ่มอ่อนโยนแน่ ๆ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท