ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 158 ตั้งร้าน

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 158 ตั้งร้าน

  

เมื่อสองพ่อลูกกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว

เนื่องจากครั้งนี้พวกเขากลับช้ากว่าปกติ คุณแม่จี้จึงบอกแก่เหล่าบรรดาพี่สาวว่าตอนนี้ที่ตลาดค่อนข้างซบเซา ขายของได้ไม่ดีนัก วันนี้เอาของไปขายไม่เยอะมาก แต่ก็ยังกลับมาช้า ไม่รู้ว่าจะขายของหมดหรือเปล่า

 

ทั้งไปและกลับต้องจ่ายน้ำมันไม่น้อย ไม่รู้กลับมาจะคุ้มทุนหรือไม่…

จนกระทั่งจี้เจี้ยนอวิ๋นและคุณพ่อจี้กลับมา คุณแม่จี้ถึงได้โล่งใจ เมื่อกลับถึงบ้าน นางจึงรีบถามทันที “เป็นยังไงบ้าง? ได้ซื้อร้านไหม?”

“ซื้อมาแล้ว แพงมากทีเดียว” คุณพ่อจี้พูดพลางขมวดคิ้ว

“เท่าไหร่ล่ะ?” คุณแม่จี้ถาม

“5,000 หยวน”

คุณแม่จี้ตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง “5,000 หยวน! ร้านอะไรแพงขนาดนั้น?”

นางพอจะรู้อยู่บ้างว่าราคาร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัยนั้นราคาแพงลิบลิ่ว แต่ถึงแม้จะแพงมาก จ่ายแค่ 4,000 หยวนก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือไง?

เจี้ยนเหวินซื้อบ้านในเมืองเจียงสุ่ยในราคาเท่าไร? ร้านค้าราคาแพงกว่าบ้านของเจี้ยนเหวินอีกเหรอ?

“แม่ครับ ร้านนั้นมีพื้นที่ตั้ง 160 ตารางเมตร ไม่แพงเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“5,000 หยวนยังว่าไม่แพงอีกอีกเหรอ? แกคิดว่าเงินมันพัดมาตามลมหรือยังไง ถึงได้ไม่ต่อรองกับคนขาย?” คุณแม่จี้รัวคำถามเป็นชุด

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “แม่ยังไม่เห็นเลยนะครับว่าร้านนั้นอยู่ใกล้ตลาดแค่ไหน ราคานี้ถือว่าดีมากสำหรับการลงทุนในตอนนี้ ต่อไปในอนาคตเงิน 5,000 หยวนซื้อไม่ได้แน่นอน ผมมั่นใจว่าตลาดนี้จะพัฒนาขึ้นอีกครับ”

คุณแม่จี้รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เงิน 5,000 หยวน ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แม้ว่าปีที่ผ่านมานางจะหาเงินได้มาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าราคา 5,000 หยวนนั้นแพงอยู่ดี

คนทั่วไปใช้เวลาทั้งชีวิตยังไม่อาจเก็บเงินได้ถึงจำนวนนี้ แต่พวกเขากลับใช้เงินทั้งหมดเพื่อซื้อร้านค้าเพียงร้านเดียว ร้านนี้ทำจากทองคำหรืออย่างไร?

เมื่อเห็นท่าทางโศกเศร้าของผู้เป็นแม่ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงทำได้เพียงส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากภรรยา แม่ของเขาจะเชื่อแค่สิ่งที่ลูกสะใภ้พูดเท่านั้น

ซูตานหงยิ้มแล้วพูดกับคุณแม่จี้ “แม่คะ ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ร้านที่เจี้ยนอวิ๋นซื้อมาเป็นร้านที่ดีมาก หาเงินคืนได้แน่นอนค่ะ”

เมื่อคุณแม่จี้ได้ยินอย่างนั้นจึงรีบถามขึ้นทันที “จะไม่ขาดทุนจริง ๆ ใช่ไหม? นี่เป็นเงินที่พวกเธอหามาอย่างยากลำบากเลยนะ”

“ไม่ขาดทุนหรอกค่ะ” ซูตานหงพยักหน้า

ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว การซื้อร้านค้าที่อยู่ใกล้ตลาดสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลและไม่มีทางขาดทุน เว้นแต่ว่าตลาดนั้นกำลังจะล้มละลาย แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของเจี้ยนอวิ๋น เธอจึงค่อนข้างวางใจ หากเขาบอกว่าดี ย่อมหมายความตามนั้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” คุณแม่จี้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

“แม่ครับ ผมต้องขับรถเข้าไปในเมืองมหาวิทยาลัยเกือบทุกวัน ยังไงก็หาเงินได้แน่ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

คุณพ่อกับคุณแม่จี้ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ ตราบใดที่พวกเขาใช้เงินของตัวเอง สองผู้เฒ่าสามารถช่วยได้ในบางครั้ง หากนี่เป็นสิ่งที่ลูกชายต้องการทำ พวกเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่ง

“ภรรยา พรุ่งนี้คุณไปหาพี่เหอนะครับ วันมะรืนผมจะพาพ่อกับแม่เข้าไปดูร้านอีกที หล่อนจะได้ไปด้วยกัน” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

“ได้ค่ะ” ซูตานหงพยักหน้าตอบรับ

หลังจากนั้นจึงเริ่มลงมือทำอาหารเย็น พวกเขาเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ควรได้กินอาหารเพื่อชดเชย

หลังจากกินต้มซุปกระดูกชิ้นโต หมูผัดพริกหยวก ไข่คน และผัดผักกวางตุ้ง จี้เจี้ยนอวิ๋นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“ภรรยา จริง ๆ แล้วมันมีอีกร้านอยู่ข้างร้านเรา ผมคิดว่ามันค่อนข้างดูดีเลยทีเดียวนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดขึ้นหลังจากอิ่มแล้ว

“คุณอยากซื้อเหรอคะ?” เมื่อได้ยินซูตานหงก็รับรู้ถึงความคิดของเขา จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าซื้อได้ผมก็อยากซื้อ แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวของเราจะเหลือเงินไม่มากแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด

ครั้งนี้ใช้เงินถึง 5,000 หยวน ทั้งยังมีค่าตกแต่งร้านอีก แม้จะใช้เงินไม่มากแต่ก็จ่ายไปแล้วบางส่วน

“ร้านใหญ่แค่ไหนคะ?” ซูตานหงเอ่ยถามสามี

“ร้านไม่ใหญ่มากครับ แต่ถ้าเอามาเชื่อมต่อกันก็ถือว่าไม่เล็กแล้ว ดูอย่างห้างสรรพสินค้าในเมืองของเราสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นอธิบาย

“คุณอยากเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เหรอคะ?” ซูตานหงเลิกคิ้วมองเขา

“ผมคิดไว้นิดหน่อยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้นคุณควรซื้อที่ทั้งหมด จะทำเหมือนห้างสรรพสินค้าต้องใช้ที่ดินอีกมาก” ซูตานหงกล่าว

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปแล้วกันครับ”

ทุกอย่างไม่สามารถทำสำเร็จได้ในครั้งเดียว แม้เรื่องพวกนี้ควรจะจัดการอย่างเร่งด่วน แต่พวกเขาก็เหลือเงินในมืออยู่ไม่มาก

โชคดีที่บนภูเขาสามารถเก็บเกี่ยวผลไม้ได้อย่างต่อเนื่อง เหล่าฉินได้นำเงินมาชำระหนี้แล้วหลายร้อยหยวน ส่วนซูจิ้นตั๋งเองก็นำเงินมาคืนก่อน 600 หยวน ซูตานหงจึงคาดว่าอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือน่าจะชำระครบในสิ้นปีนี้

ตอนนี้พี่รองของเธอทำงานอย่างหนัก ส่วนพี่สะใภ้รองของเธอยังเก่งเรื่องทำธุรกิจอีกด้วย นอกจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะเป็นคนประหยัดอดออม พวกเขาก็ยังไม่ชอบติดหนี้คนอื่น

แต่ถึงจะมีรายได้ขนาดนี้ ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการซื้อ ซึ่งซูตานหงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ ปล่อยให้สามีเป็นคนจัดการปัญหาทั้งหมด

วันรุ่งขึ้นจี้เจี้ยนอวิ๋นไปทำงานบนภูเขา พร้อมกับพาเหรินเหรินไปด้วย ส่วนซูตานหงกับฉีฉีไปหาเหอเจี่ยในเมือง

“ตานหง” เมื่อเห็นว่าเธอมาหา เหอเจี่ยจึงรีบออกมาทักทายและเชิญคนเข้าบ้าน

“พี่เหอคะ พี่คงต้องเก็บของแล้วนะคะ ตอนนี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อร้านเรียบร้อยแล้ววันมะรืนจะเข้าไปดูที่ร้านกัน อาจจะต้องพาพี่เหอไปทำความสะอาดด้วยกันค่ะ” ซูตานหงบอก

“เร็วขนาดนี้เลย?” เหอเจี่ยประหลาดใจ

หล่อนคิดว่าอย่างน้อยคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก

“พี่เหอไม่สะดวกรึเปล่าคะ?” ซูตานหงถามด้วยรอยยิ้ม

เป็นธรรมดาที่จะเร็วขนาดนี้ เนื่องจากไก่ที่เลี้ยงไว้บนภูเขาตัวโตแล้ว และยังออกไข่เป็นจำนวนมาก โดยปกติแล้วการขายอาศัยแค่พี่รองของเธอที่อยู่ในเมืองกับเหล่าฉินที่เปิดร้านในชนบทได้เป็นครั้งคราว ส่วนพ่อค้าหาบเร่รายอื่น ๆ จะเข้ามาซื้อบ้างแต่ไม่เยอะมาก แทบนับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“ไม่ใช่ ๆ พี่จะเตรียมตัวไว้น่ะจ้ะ เธอบอกให้เจี้ยนอวิ๋นมารับพี่ได้เลย พี่จะไปกับพวกเขา” เหอเจี่ยพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ให้พี่ใหญ่ซุนไปด้วยนะคะ คืนนี้พี่เหอลองคุยกับเขาดู ให้เขาตัดสินใจเรื่องลาออกจากงาน ร้านของฉันที่นั่นบวกเงินค่าอาหารให้อีกรวมเป็น 70 หยวนต่อเดือน ไม่ได้แย่ไปกว่าการที่ทำเขาทำงานอยู่ในเมืองนี้เลยนะคะ” ซูตานหงเอ่ย

ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ก่อตั้งร้าน แต่ตอนนี้มีร้านเรียบร้อยแล้ว เธอจึงพูดได้อย่างมั่นใจ เงินเดือน 70 หยวนต่อเดือน นับว่าเยอะมากสำหรับสองสามีภรรยา

“ตกลง คืนนี้พี่จะคุยกับเขาและไปเมืองมหาวิทยาลัยด้วยกันในวันมะรืนนะจ๊ะ” เมื่อเหอเจี่ยได้ฟังอย่างนั้นจึงตอบตกลงอย่างไม่มากความ

“ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนพี่เหอแล้วค่ะ” ซูตานหงยิ้ม

“รบกวนอะไรกัน? พี่ต่างหากล่ะที่ต้องขอบคุณตานหง เธอคงไม่รู้ว่าตอนนี้โรงงานของต้าซานกำลังจะเลิกจ้างคนงานจำนวนมาก” เหอเจี่ยส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ

ตานหงพยักหน้าก่อนจะกล่าว “ตอนนี้องค์กรต่าง ๆ จะถูกแทนที่ด้วยวิสาหกิจเอกชน ในอนาคตจะยิ่งลำบากมากขึ้น แต่ย่านที่ร้านค้าของเราตั้งอยู่นั้น ต่อไปจะไม่มีทางเลวร้ายอย่างแน่นอนค่ะ”

ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นซูตานหงจึงพาฉีฉีแวะไปดูร้านของเจินเหมียวหง โดยไม่คิดว่าเจินเหมียวหงจะอยู่ที่นั่น

…………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ถือว่าทำงานกันไวมากนะคะ ซื้อปุ๊บจะเปิดร้านเลย ครอบครัวเหอเจี่ยมีที่ไปแล้ว

เนื้อหาช่วงนี้จะสโลว์ไลฟ์หน่อยๆ อ่านไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องลุ้นระทึกน่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีจุดให้ตื่นเต้นหรือเปล่า ติดตามกันต่อไปนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท