ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 173 70 ปี

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 173 70 ปี

หลังได้ยินแผนการของจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้ว ซูตานหงย่อมเห็นด้วย

ขอเพียงอย่าหักโหมจนเกินไปเท่านั้น นอกเหนือจากนี้เธอยินดีสนับสนุนเขาทุกเรื่อง

ที่เขาทำไปทั้งหมดก็ด้วยต้องการให้ครอบครัวสุขสบายขึ้น แล้วเธอจะไปท้วงติงอะไรได้

ส่วนเรื่องที่ดินของครอบครัวในตอนนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาก็ได้จ้างคนงานเพิ่มแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร ระดับจี้เจี้ยนอวิ๋นคงเริ่มทำฟาร์มอีกที่ได้อย่างแน่นอน

อีกด้านหนึ่งจี้อวิ๋นอวิ๋นก็บ่นกับคุณแม่จี้หลังได้รับค่าแรง “หนูอุตส่าห์กลับมาแต่หล่อนกลับให้เงินเท่านี้เอง แค่ไม่กี่หยวนจะไปพอยาไส้อะไรกันล่ะคะ?”

คุณแม่จี้ถามกลับ “พี่สะใภ้ให้มาเท่าไหร่ล่ะ?”

“แค่ 5 หยวนเอง เห็นหนูเป็นขอทานหรือยังไงกัน!” จี้อวิ๋นอวิ๋นว่าขึ้นอย่างหัวเสีย

คุณแม่จี้ถึงกับหยิกแขนลูกสาวอย่างแรง

หล่อนคิดไม่ถึงว่าแม่จะทำกับตนอย่างนี้ก่อนร้องออกมาด้วยความเจ็บ “แม่ ทำอะไรน่ะ มันเจ็บนะ!”

“ไม่เจ็บก็ไม่จำน่ะสิ!” คุณแม่จี้เอ็ด “ถ้ารู้ว่าแกจะทำตัวน่าขายหน้าแบบนี้คงไม่ให้กลับมาหรอก ทั้งที่ชาวบ้านเห็นกันทั่วแต่ก็ยังกล้าทำตัวขี้เกียจ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

“หนูผิดตรงไหนล่ะ? ทำไมหนูต้องทำงานเองด้วย? หนูก็คอยคุมพวกเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อสวนนี้เป็นของพี่ ก็ถือว่าหนูเป็นเจ้าของด้วยนี่คะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเถียง

“จำเอาไว้ให้ดีนะว่าสวนนี้เป็นของพี่แกกับพี่สะใภ้ ไม่เกี่ยวอะไรกับแกสักนิด แม้แต่ฉันยังไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของเลย แล้วแกไปมั่นใจมาจากไหนกัน?” คุณแม่จี้พูด

จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันกรอดก่อนบอก “นี่แม่หันศอกออกตัว*เหรอคะ? พี่สามเป็นพี่ชายหนู หนูก็ต้องมีส่วนในสวนนี้ด้วยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

*หันศอกออกตัว = เข้าข้างคนอื่น

“แกนี่มันโง่จริง ๆ ห้ามพูดว่าตัวเองเป็นเจ้าของสวนอีกนะ สมบัติของฉันกับพ่อของแกก็เป็นของพี่ชายกับหลานชายทั้งนั้น ไม่ใช่ของลูกสาวที่แต่งออกไปเสียหน่อย” คุณแม่จี้เอ่ยอย่างเอือมระอา

ในใจก็นึกผิดหวังกับลูกสาวคนนี้ไม่น้อย

หล่อนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวในบรรดาลูกทั้งหมด พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะตามใจหล่อน หากแต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เติบโตมาเป็นคนนิสัยใจคอแบบนี้

หน้าผลไม้ที่ผ่านมาหล่อนบอกว่าอยากจะกลับมาช่วยงาน เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็ยินดีไม่น้อยด้วยคิดว่าหล่อนมีจิตสำนึกขึ้นบ้างแล้ว จึงไปบอกตานหง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด

แต่ดูวีรกรรมที่ลูกสาวนางก่อหลังจากกลับมาสิ?

ทั้งตื่นสายโด่งจนตะวันส่องก้น พอขึ้นไปที่สวนก็เอาแต่เด็ดผลไม้กิน แถมยังเลือกแต่ผลไม้ชนิดที่ขายได้ราคาดีและเป็นผลสวย ๆ ที่ควรจะเอาไปขายอีกต่างหาก

ปากบอกว่าจะขึ้นมาช่วยไม่ใช่เหรอ? แล้วดูสิ่งที่หล่อนทำเข้าสิ?

ทุกคนต่างก็งานยุ่งกัน แต่หล่อนกลับทำเพียงหิ้วหนังสือเก่า ๆ และแสร้งเดินไปมาเท่านั้น เจ้าตัวคงคิดว่าแม่ของตนจะไม่รู้เรื่องนี้ หากแต่หล่อนคิดผิดถนัด

อีกทั้งหล่อนยังเอาของที่ตานหงซื้อมาฝากคนงานที่สวนไปกินไม่น้อย ตั้งแต่กลับมาหล่อนอ้วนขึ้นขนาดไหนแล้วล่ะ?

แล้วจะให้คนอื่นรู้สึกอย่างไร?

ต่อให้ไม่มีจิตสำนึกแต่อย่างน้อยก็ควรจะมีสติคิดได้บ้าง ทว่าหล่อนกลับยังคิดว่าเงิน 5 หยวนน้อยอีกเหรอ?

คุณแม่จี้รู้ดีว่าตานหงเป็นคนยอมจ่ายเงินจำนวนนี้ให้ และหากนางบอกลูกสาวว่าได้เงิน 5 หยวน อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมกลับมาช่วยอย่างแน่นอน!

จี้อวิ๋นอวิ๋นมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา และถามขึ้น “นี่หนูยังเป็นลูกแม่อยู่หรือเปล่า? ทำแบบนี้กับหนูได้ยังไงคะ? แม่คิดอะไรอยู่กันเนี่ย?”

คุณแม่จี้ไม่นึกโกรธแต่ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดมากกว่า จึงเอ่ยตัดบท “แกจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่?”

“แม่ไล่หนูเหรอคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นถามกลับ

“อย่าเอาแต่อยู่เฉยที่บ้าน ออกไปหางานทำซะ ฉันกับพ่อแกไม่คิดจะขอค่าเลี้ยงดูจากแกหรอกนะ เอาไว้เลี้ยงตัวแกเองให้รอดก็พอ” คุณแม่จี้เอ่ย

“ไล่หนูนักใช่ไหม? ได้…หนูไปก็ได้ค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นขึ้นเสียงใส่

หล่อนลงมือเก็บข้าวของ เพราะสามเดือนมานี้ที่ได้อยู่บ้านตัวเองจึงไม่ต้องเสียเงินค่าที่พักและอาหาร นอกจากนี้ยังได้เงินทั้งค่าจ้าง และส่วนที่แม่ให้เพราะเห็นว่าเป็นเงินเล็กน้อย ทำให้หล่อนมีเงินเก็บ

อีกทั้งยังได้เงินจากคุณพ่อจี้เพิ่มอีก เพราะเขาไม่ได้ใช่เงินอยู่แล้ว เมื่อลูกสาวคนเล็กมาขอจึงยอมให้ไป

ตอนนี้หล่อนจึงมีเงินติดตัวอยู่บ้าง ถึงได้กล้าบอกอย่างมั่นอกมั่นใจว่าจะไปเช่นนี้

หลังเก็บข้าวของเสร็จก็จากไปด้วยความโกรธ

คุณแม่จี้คร้านจะสนใจเรื่องนี้ เป็นคุณพ่อจี้ที่เอ่ยถามอยู่บ้าง นางจึงตอบกลับไป “ลูกก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องสนใจหรอก โตป่านนี้แล้วยังจะเอาแต่ใจอีก!”

“คุณอาไม่ยอมทำงานเลยค่ะ” เยียนเอ๋อร์บอกพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

เมื่อเห็นหลานสาวต่อว่าเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้ คุณแม่จี้ที่หงุดหงิดใจในตอนแรกก็หลุดยิ้ม “งั้นเยียนเอ๋อร์ก็อย่าทำตัวเหมือนคุณอานะ เป็นคนขี้เกียจไม่ดีหรอกนะจ๊ะ”

“ค่ะ คุณย่า หนูจะตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ!” เด็กหญิงพยักหน้าอย่างขันแข็ง

คุณแม่จี้พาหลานไปเก็บไข่ ส่วนเรื่องลูกสาวก็ไม่คิดจะใส่ใจอีก

ซูตานหงไม่รู้เรื่องนี้กระทั่งสามีมาบอกว่าน้องสาวกระฟัดกระเฟียดกลับไปแล้ว จึงถามขึ้น “หล่อนทะเลาะกับคุณแม่เรื่องอะไรเหรอคะ?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ไม่ได้เล่า แต่ก็บอกว่าเป็นเรื่องเดิม ๆ หล่อนโตขนาดนั้นแล้ว ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ” เขาบอก

เขากำลังนับเงินที่ตั้งใจจะเอาไปซื้อที่ดินพรุ่งนี้

แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีเงินไม่พอ

และหากเขาซื้อเกินตัวไปก็คงจะไม่ดีนัก

ซูตานหงออกปากเตือน “การซื้อทีเดียวเยอะ ๆ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ต้องทำสัญญาให้ดีนะคะ”

ตอนนี้ใช่ว่าจะดีกว่าชีวิตเมื่อชาติที่แล้วของเธอ หากมีเงินจะซื้อที่สักเท่าไรก็ทำได้ตามต้องการ แต่หลายปีที่ผ่านมาต้องมีปัญหากับเจ้าของที่หลายคน ถ้าครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของที่เอง ก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของที่รายใหญ่

แม้ว่าจะใช้เวลาเป็นปีในการปรับปรุงและทำสวนให้เข้าที่เข้าทาง แต่หากซื้อทิ้งเอาไว้แล้วก็สามารถมาจัดการเรื่องนี้ภายหลังได้

“งั้นก็ทำสัญญาเช่าก่อนแล้วกันครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นด้วยกับคำแนะนำ หากทำสัญญาเช่าก็น่าจะช่วยให้ประหยัดขึ้นมาก

เขาเองถนัดเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว จึงไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านในวันต่อมา

เมื่อรู้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นต้องการทำสัญญาเช่าที่ดิน ผู้ใหญ่บ้านก็ยินดีเป็นอย่างมาก เพราะหากเป็นเช่นนั้นเขาเองก็จะได้ความดีความชอบไปด้วย

ว่าแต่เขาอยากจะเช่าสักกี่ปีกันล่ะ? หากทำสัญญาตอนนี้ก็จะได้ราคาถูก และทางภาครัฐก็สนับสนุนอีกด้วย

“ต่อไปค่าเช่าน่าจะขึ้นแน่ ๆ ถ้ามีงบพอเช่าก็เช่าระยะยาวเลยน่าจะดีกว่า ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวผมจะหาที่สวย ๆ ให้เอง!” ผู้ใหญ่บ้านแนะนำ

“แล้วคิดว่าผมควรจะเช่าสักกี่ปีดีครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยถาม

“ที่บนเขาก็น่าจะอยู่ได้ถึง 70 ปีไม่ใช่เหรอ? งั้นเช่าสัก 70 ปีดีไหมล่ะ?” อีกฝ่ายเสนอ

“70 ปี… ” เขานึกลังเล หากเป็นอย่างนั้นก็ต้องจ่ายค่าเช่ายาวไปถึง 70 ปีเลยทีเดียว

“เจี้ยนอวิ๋น ถ้าตกลงตามนี้เธอจะเช่านานกว่านี้ก็ได้นะ มีตานหงอยู่ทั้งคนไม่มีทางลงทุนเสียเปล่าแน่” สวี่เจี่ยเดินออกมาพร้อมส่งยิ้มให้

“ขอให้เป็นอย่างที่พี่บอกเถอะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มตอบ “งั้นก็ตกลงที่ 70 ปีครับแล้วกันครับ!”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เออ กลับไปเลยค่ะ ใครขอให้เธอมาคะอวิ๋นอวิ๋น ห้าหยวนนั่นถือว่าใจดีแล้วนะ ถ้าเป็นผู้แปลนี่คงไล่ให้กลับไปตั้งแต่วันแรกที่มาแล้ว

เอฟซีเยียนเอ๋อร์ค่ะ โตมาเป็นเด็กดีนะลูก

บ้านสามก็ขยันเช่าที่ต่อไป รวยต่อไม่รอแล้วนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน