ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 182 ลูกเขยยอดกตัญญู

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 182 ลูกเขยยอดกตัญญู

  

เนื่องจากตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ผักกาดขาวในสวนจึงโตช้าลง แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่ได้ร้อนใจนัก

เป็นเพราะทุกคนในหมู่บ้านเพิ่งขุดมันเทศไปเมื่อไม่นานนี้

ทุกคนต่างรู้ว่ามันเทศเป็นพืชที่ดี แต่ถึงกระนั้นยังมีอีกหลายคนในหมู่บ้านที่กลัวการกินมันเทศ โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า ตอนนี้ชีวิตได้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาบ้าง จึงไม่จำเป็นต้องปลูกมันเทศกันแล้ว

และต่อให้ปลูกมันเทศก็คงขายได้ไม่ง่ายนัก

อย่างไรก็ตามจี้เจี้ยนอวิ๋นปล่อยผ่านคำพูดเหล่านั้นไป เขาขอให้ทุกคนช่วยปลูกมันเทศให้ ในเมื่อเขาจ้างทุกคนที่นี่ ย่อมไม่ปล่อยให้ใครต้องขาดทุนอย่างแน่นอน

หลายครอบครัวในหมู่บ้านจึงปลูกไว้

มันเทศให้ผลผลิตสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นขอให้พวกเขาใส่มูลไก่ลงไปก่อนปลูกมันเทศ ในอนาคตพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนหัวมันเทศกับเงินจำนวนหนึ่งได้ ทุกคนจึงมีความสุขมาก

ตอนนี้หลายคนในหมู่บ้านต่างพากันปลูกมันเทศ เมื่อมันเติบโตเต็มที่แล้วก็นำขึ้นมาชั่งน้ำหนักบนภูเขาโดยตรง

เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีการคัดมันเทศก่อนนำมาขายราคาจึงไม่สูงนัก แต่ก็ไม่ได้ถูกกดราคาจนต่ำเตี้ย เพราะถึงอย่างไรมันเทศที่ดีและที่ใช้ไม่ได้ก็ถูกส่งตรงถึงที่

ท้ายที่สุดทุกคนต่างพอใจกับเงินที่ได้รับ

มีบางคนได้รับเงินถึง 70 หยวน ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากจริง ๆ สำหรับชาวบ้านทั่วไป แต่บางคนก็ได้รับน้อยกว่าเพียงแค่ 10 กว่าหยวนเท่านั้น และส่วนใหญ่ขายได้เงิน 30 ถึง 40 หยวน

เป็นธรรมดาที่คนได้เงินมักจะมีความสุข เขาปลูกมันเทศพวกนี้กันมาตั้งกี่ปีแล้ว? การปลูกมันเทศแทบจะไม่ต้องจัดการอะไรมากเลย

เมื่อมันเทศชุดนี้ขึ้นมา อาหารหมูสูตรปรับปรุงก็มีคุณภาพดีขึ้น โดยมีคนงานอีกสี่คนรวมคุณลุงจี้อยู่บนภูเขาด้านข้างเป็นผู้ดูแล

ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลกับผลไม้อีกต่อไป เพราะพวกมันยังคงมีชีวิตอยู่แม้จะไม่ค่อยถูดรดน้ำ มีบางครั้งที่ไปรดน้ำในตอนเย็นก็สามารถอยู่ได้นานหลายวัน

ตอนนี้งานหนักจึงอยู่ที่โรงเลี้ยงไก่และหมู

ยังมีไก่อีกมากที่เลี้ยงไว้ แม่ไก่กว่า 400 ตัวถูกเลี้ยงมาเกือบครึ่งปีแล้ว และเมื่อ 2 เดือนก่อน แม่ไก่บางตัวก็เริ่มออกไข่ ทว่าตอนนี้อากาศเย็นลง จำนวนไข่ไก่จึงไม่มากเท่าเดิม แต่ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

เมื่อโรงเลี้ยงไก่เข้าที่เข้าทางแล้ว งานที่ยุ่งวุ่นวายในขณะนี้ก็คือการดูแลหมูทั้ง 21 ตัว

เนื่องจากจี้เจี้ยนอวิ๋นบอกว่าจะเชือดพวกมันก่อนถึงปีใหม่ จึงต้องรีบใช้ประโยชน์จากช่วงสองเดือนนี้ในการขุนหมูให้อ้วนพีมากยิ่งขึ้น

วันคืนเปลี่ยนผัน จนเข้าสู่เดือนสิบเอ็ด

เมื่อได้กินหัวมันเทศเป็นเวลาหนึ่งเดือน ลักษณะของหมูทั้ง 21 ตัวก็ดูดีขึ้น ทำให้จี้เจี้ยนอวิ๋นพึงพอใจเป็นอย่างมาก

ในเดือนสิบเอ็ดนี้อากาศหนาวเย็นมาก ผักกาดขาวในสวนจึงเติบโตได้เพียงครึ่งเดียว ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพาทุกคนไปเก็บเกี่ยวมัน

เมื่อเดือนที่แล้วพวกหมูได้กินมันเทศเป็นจำนวนมาก คราวนี้ยังมีผักกาดขาวให้กิน นับว่าเป็นอาหารอันโอชะของหมูในโรงเลี้ยงอีกอย่างหนึ่ง

โดยเฉพาะผักกาดขาวที่ถูกต้มสุกแล้ว อื้อหือ ไม่ต้องบอกเลยว่ามันมีกลิ่นหอมขนาดไหน

บรรดาหมูกินโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเบื้องหลังทุกคนต่างจับจ้องมาด้วยความคาดหวังว่าพวกมันจะเติบโตพอที่จะนำไปเชือดขาย

วันนี้คุณแม่ซูมีเวลาว่างอย่างหาได้ยาก นางจึงคิดจะไปเยี่ยมลูกสาวและหลานชายทั้งสอง แต่นางก็ครุ่นคิดอยู่นาน เพราะไม่รู้ว่าควรจะเอาอะไรไปฝากพวกเขาดี

หากเอาไข่ไปด้วย ลูกเขยของนางเองก็ทำฟาร์มไก่ ของแบบนี้หายากตรงไหน? ไหนจะเนื้อไก่อีก? ส่วนเนื้อสัตว์อื่น ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้านางหอบหิ้วไปให้ ลูกสาวของนางต้องบอกให้เอากลับมาแน่นอน

สะใภ้ใหญ่ซูรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก ทำไมหล่อนถึงไม่มีแม่แบบนี้บ้าง? ครั้งล่าสุดที่กลับบ้าน แม่ของหล่อนกลับถามถึงเงินที่ได้จากการทำงานพิเศษเพราะไม่ได้รับเงินส่วนแบ่ง ทั้งยังถูกด่าว่าทำไมไม่รู้จักกตัญญูบ้าง?

ฟังดูเหมือนง่ายที่หล่อนจะสามารถหาเงินได้ภายใต้สายตาของแม่สามี แต่ความจริงแล้วหล่อนไม่มีเงินเลยและเอาแต่กังวลว่าเมื่อไรถึงจะเก็บเงินสร้างบ้านได้ แถมแม่ของหล่อนก็มาเรียกร้องขอเงินอีก ทั้งยังกล่าวอีกว่าครอบครัวของหล่อนมีรายได้มากมายทุกเดือนแล้ว ในเมื่อหล่อนมีเงินก็ควรจะแบ่งเงินบางส่วนให้แม่บ้าง

หล่อนแค่รับฟังแต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่หล่อนไม่อยากกลับบ้านในช่วงปีใหม่นี้ หลังปีใหม่ผ่านพ้นไปแม่ของหล่อนจะต้องขอเงินเพิ่มอีกแน่นอน

เมื่อมองเห็นแม่สามีที่กระวนกระวายอยู่นาน สะใภ้ใหญ่ซูจึงเอ่ยขึ้น “แม่คะ แม่ไปเถอะค่ะ น้องสามีจะอยากได้ของหายากอะไรกัน? หล่อนแค่อยากให้แม่ไปหาเท่านั้นแหละค่ะ”

แม้จะฟังดูมีเหตุผล แต่คุณแม่ซูก็พูดจากระทบกระเทียบขึ้น “เธอคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนแม่ของเธอรึไง มาเยี่ยมลูกสาวก็คิดแต่จะหาผลประโยชน์จากบ้านลูกสาว ฉันยังพอละอายใจอยู่บ้าง จะให้ไปเยี่ยมลูกสาวกับหลานชายมือเปล่าได้ยังไง?”

แม้สะใภ้ใหญ่ซูจะถูกตำหนิ แต่หล่อนก็มีจิตใจแข็งแกร่งและไม่เก็บมันมาใส่ใจ ที่สุดแล้วในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม่สามีของหล่อนก็ปฏิบัติกับหล่อนอย่างเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่กว่าแต่ก่อนมาก เนื่องจากสามีของหล่อนมักจะปฏิบัติต่อแม่ของเขาด้วยความกตัญญูกตเวที

หล่อนจะขอเงินฝากครึ่งหนึ่งมาเก็บไว้ในมือก่อนได้ไหม? อย่าแม้แต่จะคิดเลยดีกว่า แค่ปีนี้แม่สามีบอกว่าหล่อนทำตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับแต่ก่อนจนนางไม่เก็บเงินจากงานพิเศษอีก ตอนนี้หล่อนก็รู้สึกพอใจมากแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็เอาไข่เค็มไปฝากน้องสาวสิคะ หล่อนชอบกินนี่คะ” สะใภ้ใหญ่ซูกล่าวอย่างใจกว้าง โดยไม่คิดเสียดายของกินกับแม่สามีเหมือนที่เคยเป็นมา

เพราะว่าน้องสามีและน้องเขยของหล่อนไม่เคยปล่อยให้แม่สามีกลับมามือเปล่า

“ไข่เค็มก็ยังไม่ใช่ของดีอะไร” คุณแม่ซูแย้ง

“แค่น้องสามีชอบกินก็ดีแล้วนะคะ” สะใภ้ใหญ่ซูยืนยัน

คุณแม่ซูคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายจึงนำไข่เค็มออกมา

แน่นอนว่าซูตานหงชอบไข่เค็มมาก จี้เจี้ยนอวิ๋นกับเหรินเหรินเองก็ชอบกินไข่เค็มเช่นกัน

“แม่คะ แม่ต้องสอนเจี้ยนอวิ๋นทำไข่เค็มแล้วล่ะ พวกเราเองก็อยากทำไข่เค็มบ้าง” ซูตานหงพูดด้วยรอยยิ้ม

นี่คือสิ่งที่จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดได้เมื่อไม่นานมานี้ เขาอยากเอาไข่เค็มไปขายด้วย เพราะไข่เค็มนับว่าเป็นสินค้าแปลกใหม่และช่วยเพิ่มความหลากหลายไม่ใช่เหรอ?

“ได้สิ ถ้าเจี้ยนอวิ๋นว่างแล้วก็ไปหาแม่แล้วกัน แม่จะสอนเขาเอง!” คุณแม่ซูรับปากทันทีหลังจากได้ยินคำพูดนั้น

นางรู้ดีว่าคุณแม่จี้กับคุณพ่อจี้ทำของแบบนี้ไม่เป็น คุณพ่อจี้เป็นช่างไม้ แม้ว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้ทำงานนั้นแล้ว ส่วนคุณแม่จี้แม้จะเคยเลี้ยงไก่มาก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลี้ยงไก่ที่บ้านเพื่อทำไข่เค็ม วิธีดองไข่เค็มให้มีกลิ่นหอมและมันเยิ้มนั้น เป็นเคล็ดลับที่นางไม่เคยบอกใคร

สำหรับจี้เจี้ยนอวิ๋นลูกเขยของนางนั้น เขาปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นลูกชายแท้ ๆ ชายหนุ่มคนนี้กตัญญูต่อนางด้วยใจจริง นางจึงอยากตอบแทนเขาเช่นกัน ในตอนที่ตานหงตัดสินใจจะให้เงินรายเดือนกับนาง เขายังมอบเงินให้นางเป็นการส่วนตัวอีก 100 หยวน

เงิน 100 หยวนเป็นจำนวนที่มากเกินไป นางไม่สามารถรับมาได้อย่างเด็ดขาด แต่เขาก็ยืนกรานให้นางรับไป

นอกจากจะให้เงินแล้ว ในบางครั้งเขายังมีเนื้อติดมันแบบที่นางชอบมาฝากอีกด้วย ช่างไม่เคยตระหนี่กับแม่ของภรรยาจริง ๆ

ลูกเขยดี ๆ แบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

หลายต่อหลายครั้งที่นางรู้สึกว่าสามีผู้ล่วงลับได้ทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุด นั่นคือการหาลูกเขยที่แสนดีคนนี้ให้ลูกสาวคนเดียวของเขา

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ตั้งแต่เป็นตานหงร่างนี้ ดูเหมือนคนที่บ้านแม่จะมีนิสัยดีขึ้นนะเนี่ย

แม่ยายเอ็นดูขนาดเต็มใจสอนทำไข่เค็มแล้ว ต้องขยันเรียนรู้แล้วล่ะค่ะเจี้ยนอวิ๋น

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท