ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 184 การเงินขัดสน

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 184 การเงินขัดสน

  

เห็นได้ชัดว่าเหรินเหรินสนิทสนมกับคุณยายของเขามาก ส่วนฉีฉีนั้นตราบใดที่ไม่มีใครขัดขวางการคลานเล่นไปรอบ ๆ ของเขา เขาก็ไม่ก่อปัญหาอะไร

เวลาสามวันผ่านไปในชั่วพริบตา จี้เจี้ยนอวิ๋นได้เรียนรู้วิธีการดองไข่เค็มอย่างสมบูรณ์ตามเคล็ดลับของแม่ยาย เขาดองไข่ไว้จำนวนหนึ่งและรอวันที่จะได้ขับรถไปขายที่เมืองมหาวิทยาลัย

ใช้เวลาประมาณ 20 วัน ไข่เค็มก็ได้ที่ หรือถ้าอยากให้เร็วขึ้น แค่ครึ่งเดือนก็ใช้ได้แล้ว สามารถกำหนดเวลาเองได้ โดยที่ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก

เมื่อถึงวันที่คุณแม่ซูต้องกลับบ้าน จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงขับรถไปส่ง ไข่พวกนี้จะไม่มีทางเสียเปล่าเพราะคุณแม่ซูเป็นคนดองไว้เอง เขาจับไก่ตัวผู้ 2 ตัว มาจากภูเขาด้านข้างเพื่อมอบให้แม่ยายเอากลับไปกินบำรุงร่างกาย นอกจากนี้ยังมีลูกพลับแห้งมอบให้นางเอาไปฝากหลานชายอีกด้วย

ทว่าครั้งนี้เขาไม่มีเงินให้ เนื่องจากจ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากการเก็บเกี่ยวครั้งที่แล้ว เขาได้ให้เงินแม่ยายไป 100 หยวน น่าจะยังพอมีเหลืออยู่บ้าง

กลุ่มหญิงสูงวัยในหมู่บ้านซูเจียต่างอิจฉานางเป็นอย่างมาก “ทุกครั้งที่เธอไปเยี่ยมลูกสาวกลับมา ก็ได้ของติดไม้ติดมือมาเยอะแยะเลยนะ”

“ฉันบอกเจี้ยนอวิ๋นว่าไม่ต้อง แต่เขาก็ยังเอามาให้ค่ะ บอกว่าช่วงนี้ฉันผอมลงไปเยอะ ต้องบำรุงร่างกายบ้าง ดูเถอะว่าฉันน้ำหนักลดตรงไหนกัน ตอนนี้อ้วนจะแย่แล้ว” คุณแม่ซูพูดกับบรรดาพี่สาวน้องสาว ในขณะที่พูดก็ยังหิ้วกรงไก่ที่มีไก่ 2 ตัวไว้ในมือ

“ฉันก็ว่าเธออ้วนขึ้นเยอะเหมือนกัน” หญิงสูงวัยคนหนึ่งพูดขึ้น

“ปีนี้ผมหงอกของเธอก็ไม่ค่อยขึ้นด้วย” หญิงอีกคนร่วมแสดงความคิดเห็น

บรรดาพี่สาวน้องสาวอีกหลายคนต่างยกยอคุณแม่ซูจนนางยิ้มกว้างด้วยความพอใจ “เป็นเพราะความกตัญญูของเจี้ยนอวิ๋น ไม่อย่างงั้นชีวิตฉันคงลำบากมาก ดังนั้นถ้าจะเลือกลูกเขย ต้องมองให้กว้าง ดูให้ดี ไม่ใช่แค่ว่าเขาจะมาแต่งงานกับลูกสาวเรา แต่ลูกเขยยังถือว่าเป็นลูกชายของเราอีกครึ่งหนึ่งด้วย พวกเธอเห็นรึเปล่าล่ะ เจี้ยนอวิ๋นดีกับฉันยิ่งกว่าลูกชายแท้ ๆ อีก”

แม้ว่าบางคนในกลุ่มจะไม่ค่อยชอบใจสีหน้าโอ้อวดของนางนัก แต่พวกนางก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นความจริง

เพราะอะไรหญิงสูงวัยคนนี้ถึงได้ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะลูกสาวของนางได้แต่งงานกับลูกเขยที่มีความสามารถ? เป็นเพราะลูกเขยของนาง ทั้งซูจิ้นจวินและซูจิ้นตั๋งถึงได้มีรายได้มหาศาล

โดยเฉพาะซูจิ้นตั๋งลูกชายคนที่ 2 ของนาง เขาเป็นคนขยันขันแข็งมาตั้งแต่ยังเด็ก จึงยอมรับได้ไม่ยากถ้าหากเขาจะตั้งตัวได้

แต่กับลูกชายคนโตซูจิ้นจวินนั้น เขาเป็นที่รู้กันดีในหมู่ชาวบ้านว่าคือตัวเกียจคร้าน ทั้งตะกละและสันหลังยาว เมื่อเทียบกับคนทั้งหมู่บ้าน เขาคือคนที่วิ่งเร็วที่สุดหากถูกเรียกไปกินข้าว แต่เมื่อมีงานที่ต้องทำเขากลับอยู่เฉย ๆ

ทว่าตอนนี้ แค่ไปช่วยงานน้องเขยในสวน เขาสามารถหาเงินได้ถึง 30 หยวนต่อเดือน!

ได้ยินมาว่าค่าแรงอาจจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต  

หากไม่ใช่เพราะเป็นพี่ชายของภรรยา น้องเขยอย่างจี้เจี้ยนอวิ๋นจะอยากต้อนรับเขาเหรอ? เกรงว่าจะไม่อยากมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นการที่คุณแม่ซูบอกว่าควรมีวิสัยทัศน์ที่ดีในการเลือกลูกเขย นั่นนับว่าสมเหตุสมผลจริง ๆ

ประเด็นถัดไปที่บรรดาพี่สาวน้องสาวพูดถึง คือการทำสัญญาอ่างเก็บน้ำของจี้เจี้ยนอวิ๋น

หมู่บ้านซูเจียก็ได้รับส่วนแบ่งจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เช่นกัน ครั้งล่าสุดที่จี้เจี้ยนอวิ๋นนำเงิน 1,000 หยวนออกมา หมู่บ้านซูเจียยังไม่ได้รับการจัดสรร เป็นหมู่บ้านต้าวานที่อยู่ถัดไปได้รับการแจกจ่ายก่อน

แต่ส่วนที่เหลือกำลังจะมาในเร็ว ๆ นี้ ยังมีเงินอีก 2,200 หยวน

คุณแม่ซูไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวเรื่องนี้ นางบอกเพียงว่าไม่รู้อะไรมากนัก แค่ไปช่วยดูแลหลานชายทั้งสองคน ส่วนเรื่องอื่น ๆ นางไม่ได้สนใจ

บรรดาพี่สาว น้องสาวหรือจะเชื่อคำที่บอก คุณแม่ซูจึงพูดขึ้น “เจี้ยนอวิ๋นวางแผนจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ เมื่อถึงตอนนั้นเขาต้องใช้เงินอีกมาก ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน ค่าทำสัญญาอ่างเก็บน้ำต้องใช้เงินมากกว่า 3,000 หยวน ซึ่งเงินมากกว่า 3,000 หยวนนี้ สามารถไปซื้อบ้านในเมืองได้เลยด้วยซ้ำ!”

ความสนใจของพวกนางจึงได้เปลี่ยนไป และเริ่มพูดคุยกันถึงค่าธรรมเนียมการทำสัญญา

เงินกว่า 3,000 หยวน ถือเป็นเงินจำนวนมหาศาล พวกเขาทำไร่ไถนาและเก็บเงินทั้งชีวิต ได้เพียง 300 ถึง 400 หยวน ก็นับว่าดีมากแล้ว!

คุณแม่ซูเลิกสนใจพวกนางและเดินกลับบ้านไป

สะใภ้ใหญ่ซูยังไม่กลับมา ตอนนี้หล่อนกำลังทำงานอย่างหนักในทุ่งนาและพาลูก ๆ ไปเก็บกะหล่ำปลีชุดสุดท้ายด้วย

เมื่อหล่อนกลับมาก็เห็นว่ามีไก่อยู่ในสวน

“ฆ่าไก่ตัวหนึ่งสิ พวกเธอเอาไปกินบำรุงร่างกายกันมื้อเย็นวันนี้” คุณแม่ซูกล่าว

“ขอบคุณค่ะคุณแม่!” สะใภ้ใหญ่ซูรีบขอบคุณแม่สามี ไม่ต้องบอกว่าหล่อนดีใจแค่ไหน หล่อนรู้ทันทีว่าเมื่อแม่สามีกลับมาจากเยี่ยมลูกสาวจะต้องมีเนื้อมาให้กิน และครั้งนี้ก็ไม่ทำให้หล่อนผิดหวัง

ลูก ๆ ทั้งสามคนของหล่อนต่างก็ดีใจไม่แพ้กัน ที่เย็นนี้จะมีไก่ให้กิน!

คุณแม่ซูได้ตรวจสอบไก่และไข่ในสวนหลังบ้านแล้ว แม่ไก่ได้รับการดูแลอย่างดี ส่วนไข่ก็อยู่ในปริมาณเท่าเดิม ไม่ได้แย่ลงไปมาก

ด้วยเหตุนี้นางจึงยกเนื้อให้กิน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หึหึ! นางคงได้ถลกหนังศีรษะสะใภ้ใหญ่เป็นแน่ นอกจากจะไม่ได้กินเนื้อไก่แล้ว แม้แต่ขนไก่ก็จะไม่ได้กินด้วยซ้ำ!

หลังจากที่จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ให้สัญญากับภรรยาว่าเขาจะหยุดพัก 1 วัน ตอนนี้เขากลับมางานยุ่งอีกแล้ว เมื่อไปส่งแม่ยายกลับบ้านเสร็จก็ขับรถตรงเข้าเมืองทันที

เขาอยากไปดูเรือที่สั่งทำเอง

เนื่องจากเขาสั่งทำเรือที่ดีที่สุด จึงต้องจ่ายในราคา 700 หยวน ซึ่งแพงเอาการอยู่

จากราคา 700 หยวน เขาจ่ายมัดจำครึ่งหนึ่งก่อน ส่วนอีกครึ่งที่เหลือจะจ่ายเมื่อเรือเสร็จ

สิ่งสำคัญในตอนนี้คือเขาเหลือเงินอยู่ไม่มากแล้ว ดังนั้นจึงทำได้แค่รอเงินเข้าออกรายวัน

ตอนนี้เรือกำลังถูกสร้าง จี้เจี้ยนอวิ๋นพอใจกับมันมาก เมื่อดูเสร็จแล้วเขาก็กลับไป

หากไม่ติดว่าการเงินขัดสน เขาคิดว่าเรือลำเดียวคงไม่พอ อย่างน้อยต้องมีเรือสัก 2 ลำ

แต่ตอนนี้ยังเอาเรือออกไปไม่ได้ เขาจึงมีความคิดที่จะขอยืมเรือจากชาวบ้านละแวกใกล้เคียงไปก่อน ซึ่งแถวนี้ยังพอมีคนตกปลาอยู่บ้าง แม้จะไม่มากนักแต่ก็มีอยู่ตลอด

หลังจากกลับมาจี้เจี้ยนอวิ๋นก็มุ่งหน้าไปหาชาวบ้าน เพราะตอนนี้อ่างเก็บน้ำเป็นของเขาแล้ว เขาจึงวางแผนที่จะเลี้ยงลูกปลา ขนาดคุณแม่ซูยังรู้เลยว่าอ่างเก็บน้ำต้องทำการกวาดล้าง แล้วทำไมเขาถึงจะไม่รู้?

นอกจากสั่งซื้อลูกปลาแล้ว เขายังคิดจะตรวจสอบดูว่าปลาที่เหลืออยู่ในอ่างเก็บน้ำจะสามารถช่วยบรรเทาวิกฤตทางการเงินก่อนถึงปีใหม่ได้หรือไม่

หลังจากนั้นเขาจึงมาหาชาวประมงเจ้าของเรือประมง 2 ลำ และขอให้ช่วยจับปลาตัวใหญ่ขึ้นมาจากอ่างเก็บน้ำให้หมด เพื่อเป็นการทำความสะอาดสถานที่ ส่วนค่าแรงจะจ่ายให้ 20 หยวน เมื่อช่วยกันทำงานเสร็จ

คนบนเรือประมงทั้งสองต่างตอบตกลง เพียงแต่ว่าอวนของพวกเขาขาดเล็กน้อย จึงต้องใช้เวลาซ่อมแซมอีก 2 วัน

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้จี้เจี้ยนอวิ๋นคงจะไปซื้ออวนใหม่และให้พวกเขาเก็บไว้ใช้ในภายหลัง แต่ตอนนี้ให้พวกเขาซ่อมอวนไปก่อน ทว่าอวนตกปลาของสองครอบครัวนี้ก็ยังไม่เพียงพอ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงซื้ออวนมาเพิ่มอีก 3 ปาก และใช้เงินในมือจนหมด ส่วนเงินของภรรยาไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อยมาตั้งแต่ต้น เขาไม่เคยคิดถึงเงินที่มีอยู่ในมือของภรรยาเลยด้วยซ้ำ

ภรรยาของเขาตั้งใจเก็บเงินไว้ให้ครอบครัว เขาจึงไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินในส่วนนี้

หากต่อไปเงินไม่พอก็แค่ซื้อด้วยชื่อเสียงตัวเอง ตอนนี้ยังจะมีใครกลัวจี้เจี้ยนอวิ๋นเบี้ยวหนี้อีกเหรอ?

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ตอนนี้เงินช็อตแต่อีกหน่อยก็ฟื้นค่ะ คนอย่างเจี้ยนอวิ๋นฟุบไม่นานหรอก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท