ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 203 แต่งงานแล้วยังวางท่าเป็นบรรพบุรุษคนอื่นอีกเหรอ

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 203 แต่งงานแล้วยังวางท่าเป็นบรรพบุรุษคนอื่นอีกเหรอ?

  

จี้เจี้ยนชวนมองดูความเป็นอยู่ของพ่อเขาแล้วก็ยิ้มออก ด้วยรู้ดีว่าภรรยาของตนเป็นคนกตัญญูแต่ก็กลัวความจนอยู่ไม่น้อย ตอนนี้แม้จะหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ประหยัดมากยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นพ่อที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบครึ่งเดือนดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น เขาจึงรู้ว่าการที่พ่อใช้ชีวิตอยู่ในสวนผลไม้นั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าไปอยู่บ้านกับเขาเสียอีก  

ถึงอย่างไรที่บ้านก็ได้เห็นเนื้อและปลาแค่อาทิตย์ละครั้ง ที่ยังมีไข่ให้กินอยู่ทุกวันเพราะภรรยาเลี้ยงเอาไก่เอาไว้หลายตัว ไม่อย่างนั้นแม้แต่ไข่คงไม่ได้กิน

 

แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แค่พริบตาเดียวลูก 3 คนในบ้านก็โตแล้ว ช่วงนั้นเขาแต่งงานเร็ว และภรรยาก็คลอดลูกในช่วงเวลาที่ไม่ห่างกันมากนัก หลังจากคลอดลูกคนที่ 3 แล้ว การวางแผนครอบครัวก็เพิ่งจะเข้มงวดขึ้น ดังนั้นเขาจึงรอดพ้นจากหายนะมาได้   

แต่ถึงอย่างนั้นการมีลูก 3 คนก็กดดันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเวลารอกินข้าว ครอบครัวของเขามีที่นาอยู่ไม่กี่หมู่สำหรับปลูกข้าวสาลี ซึ่งภรรยาของเขาเป็นคนรับผิดชอบการเก็บเกี่ยว แต่บางครั้งผลผลิตที่ได้ก็ยังไม่พอกินจนต้องไปซื้อจากชาวบ้าน  

ทุ่งข้าวสาลีไม่กี่หมู่ แปลงผักเล็ก ๆ ในสวนหลังบ้านสำหรับปลูกแตงโมและผักต่าง ๆ ไก่ 4 ตัวในเล้าอยู่หน้าลานบ้าน ทั้งหมดนี้คือทรัพย์สินของครอบครัวเขา

 

ตอนนี้เขามีรายได้เดือนละ 35 หยวน แต่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว เมื่อลูกชายคนโตเริ่มเข้าเรียนก็จะมีค่าใช้จ่ายอีกประมาณ 10 หยวนต่อเดือน แม้ว่าจะประหยัดสักเท่าไหร่ก็ตาม

หลังจากนั้นอีกไม่นานลูกคนที่ 2 และ 3 ก็จะเข้าเรียนเช่นกัน ถึงตอนนั้นเงินเดือนหนึ่งเดือนจะเหลือสักเท่าไร?

ดังนั้นแม้ว่าชีวิตตอนนี้จะค่อนข้างดี แต่ภรรยาของเขาก็ยังประหยัดอดออม ทุกปีเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวในสวนผลไม้ที่งานค่อนข้างยุ่ง ภรรยาของเขามักจะขึ้นมาทำงานด้วย แม้จะได้เงินไม่เยอะมาก แต่ก็พอที่หล่อนจะใช้ประทังชีพได้อีกหลายเดือน การที่ต้องดูแลงานในทุ่งนาด้วยทำให้หล่อนไม่สามารถไปทำงานได้ทุกวัน แต่เมื่อหาเงินได้ 20 ถึง 30 หยวน หล่อนก็พอใจมากแล้ว 

อันที่จริงเมื่อก่อนเขาจะนําเงิน 5 หยวนไปให้แม่ของเขาทุกเดือน เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะเลี้ยงดูแม่เมื่อยามแก่เฒ่า แต่ตอนนี้ต่อให้มีเงินอยู่ในมือของแม่ นางก็ไม่ยอมอยู่อย่างสงบ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาอยากดูแลครอบครัวตัวเองก่อน

 

หลังจากที่ทุกคนยุ่งอยู่กับงาน วันแต่งงานของจี้อวิ๋นอวิ๋นก็มาถึง

งานแต่งงานของจี้อวิ๋นอวิ๋นกับหลี่จื้อจัดขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวสตรอว์เบอร์รี่ ถึงแม้จะยุ่งขนาดไหน แต่คุณแม่จี้ก็วางงานลงแล้วกลับมาดูเป็นครั้งคราวว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง 

ซูตานหงไม่เข้าไปแทรกแซง เธอต้องดูแลเหรินเหรินกับฉีฉี เนื่องจากคุณแม่จี้ต้องรับผิดงานที่บ้านและสวนผลไม้ ดังนั้นเธอจึงมักไปช่วยดูแลเยียนเอ๋อร์ที่สวนผลไม้ให้แทน 

เฝิงฟางฟางต้องไปทํางานอีกครั้ง อวิ๋นลี่ลี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หล่อนรับปากว่าจะลากลับมาในวันที่จัดงานเลี้ยง แต่มาได้แค่วันนั้นวันเดียว ใครใช้ให้วันนั้นตรงกับวันพุธพอดีล่ะ? กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ  

ระหว่างนั้นจึงเหลือเพียงจี้มู่ตานที่ว่างอยู่ 

แต่จี้มู่ตานกับจี้อวิ๋นอวิ๋นไม่ค่อยลงรอยกันนัก หล่อนจึงไม่เต็มใจมาช่วย

จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงพูดกับแม่ของหล่อน “พี่ชายและพี่สะใภ้สี่มีสอนที่เมืองเจียงสุ่ยทุกวัน หนูเลยไม่ว่าอะไร แต่อีก 3 คนที่เหลือนี่สิ ไม่มีอะไรดีสักอย่าง หนูกำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว พวกหล่อนมีสิทธิ์อะไรมาทำเหมือนมองไม่เห็น!” 

“เป็นแม่ของแกต่างหากที่ต้องจัดงานแต่งงาน ไม่ใช่พวกพี่สะใภ้ของแกสักหน่อย แกยังจะต้องการอะไรอีก? แล้วคิดดูว่าที่พวกพี่สะใภ้เป็นแบบนี้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะแกทำตัวเองเหรอ?” คุณแม่จี้ด่าลูกสาวทันที

จี้อวิ๋นอวิ๋นทําหน้าไม่พอใจ “ตอนนี้หนูจะต้องแต่งงานแล้ว พวกหล่อนไม่ควรมาถือสาหนู!”  

“นับว่าดีแล้วที่แกได้แต่งงาน ในเมื่อรู้ตัวแล้วก็ควรหัดทำตัวให้มีเหตุผล ถ้าหลังแต่งงานไปยังไม่รู้จักควบคุมอารมณ์แบบนี้ คงจะได้มีชีวิตที่ดีหรอก!” คุณแม่จี้ทุ่มเทความพยายามเป็นพิเศษในการพาหล่อนออกไปจัดการสิ่งต่าง ๆ แต่สิ่งที่ลูกสาวคนนี้พูดทำให้นางโมโหขึ้นมาจริง ๆ จนป่านนี้แล้วหล่อนยังคงพูดจาไร้สาระถึงพี่สะใภ้เหล่านั้นไม่เลิก 

 

ในอนาคตหากลูกสาวยังคงสร้างปัญหา คนที่คอยช่วยเหลือได้ก็คงมีแค่นาง ถึงอย่างไรพี่ชายพี่สะใภ้ก็ไม่ใช่พ่อแม่และสามี!  

หลังจากเตรียมงานมาทั้งสัปดาห์ จี้อวิ๋นอวิ๋นก็ได้แต่งงานออกไป  

 

เหล้ามงคลถูกจัดวางที่บ้านของคนขายเนื้อหลี่ในหมู่บ้านต้าวาน บ้านของเขากว้างขวางพอสำหรับจัดโต๊ะจำนวน 15 ชุด คนขายเนื้อหลี่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต้าวานเป็นครอบครัวใหญ่ มีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงมากมาย งานแต่งงานนี้จึงค่อนข้างครึกครื้น  

พี่น้องของจี้เจี้ยนอวิ๋นต่างก็หาเวลาไปร่วมงาน เฝิงฟางฟาง จี้มู่ตานและอวิ๋นลี่ลี่ก็ไปร่วมงานนี้เช่นกัน แต่ซูตานหงไม่ไปร่วมด้วย เธอไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋น อีกทั้งเธอก็มีข้ออ้างที่ชัดเจนว่ายังมีเด็ก 3 คนที่ต้องดูแล  

แต่ถึงเธอจะไม่ได้ไป คนอื่น ๆ ก็ไปกันมากมาย เป็นหน้าเป็นตาให้จี้อวิ๋นอวิ๋นเพียงพอแล้ว  

อีกอย่างจี้อวิ๋นอวิ๋นแต่งงานครั้งนี้ก็ได้เงินไปไม่น้อย นอกจากสินเดิมเชิดชูหน้าตาคุณพ่อคุณแม่จี้ที่ซูตานหงไม่แน่ใจชัดเจนนักว่ามากเท่าไหร่แล้ว เฝิงฟางฟาง จี้มู่ตานและอวิ๋นลี่ลี่ แต่ละครอบครัวต่างก็ให้เงินอีก 20 หยวน  

นี่คือสิ่งที่เฝิงฟางฟางมาปรึกษาแล้วว่าจะให้ด้วยกัน

แม้ว่าความสัมพันธ์กับน้องสามีคนนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็เป็นการหวังให้หล่อนได้ยืนหยัดเคียงข้างสามีอย่างมั่นคง เพื่อที่ในอนาคตจะได้ไม่ต้องร้องไห้กลับไปสร้างปัญหาให้พวกเขาที่บ้านไม่ใช่หรือ?  

ดังนั้นทั้ง 4 ครอบครัว จึงรวมเงินกันเป็น 80 หยวน  

ทางด้านคุณพ่อกับคุณแม่จี้ ซูตานหงประเมินว่าอย่างน้อยต้องมีให้ 200 หยวน หรืออาจจะ 300 หยวน  

ถึงอย่างไรตอนนี้คุณแม่จี้ก็มีรายได้ไม่น้อย ช่วงนี้เป็นเก็บฤดูกาลเก็บเกี่ยวสตรอว์เบอร์รี่ และต่อไปก็จะเป็นแตงโม ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณแม่จี้ดูแล หากจะมอบเงินครึ่งหนึ่งให้ลูกสาวก็ยังนับว่ามีเงินเหลือใช้อีกมาก

แต่เงินพวกนี้จะจัดการอย่างไรนั่นเป็นเรื่องของแม่สามี ซูตานหงไม่สนใจ

ท้ายที่สุดจี้อวิ๋นอวิ๋นก็แต่งงานออกไปแล้ว

เดิมทีซูตานหงคิดว่าเมื่อจี้อวิ๋นอวิ๋นแต่งงานแล้ว น่าจะไม่ค่อยได้กลับมาอีก แต่หลังจากนั้นเพียง 3 วัน จี้อวิ๋นอวิ๋นกับหลี่จื้อก็กลับมา และหลังจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์ไปแล้ว ในวันจันทร์จี้อวิ๋นอวิ๋นก็กลับมาที่บ้านของหล่อนอีกครั้ง

เพราะช่วงนี้เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวสตรอว์เบอร์รี่ที่ยุ่งวุ่นวาย หล่อนจึงคิดกลับมาช่วย เนื่องจากหล่อนไม่ได้ทำงานอยู่ในเมือง จึงจะกลับไปอยู่ที่นั่นแค่ในช่วงวันหยุดของหลี่จื้อ

คุณแม่จี้รู้สึกไม่ค่อยดีนัก “แกเพิ่งแต่งงานก็กลับมาอยู่บ้านแม่แล้ว ทำแบบนี้แม่สามีของแกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? กลับไปที่บ้านของแม่สามีแกซะ ไปทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้า และทำอาหารให้แม่สามีของแก!” 

“ตอนหนูอยู่บ้านแม่ยังไม่เห็นได้ทำ แล้วทำไมแต่งงานเข้าบ้านแม่สามีถึงต้องทำด้วย? หนูกินข้าวบ้านหล่อนไปสักเท่าไหร่กัน ยังไงหนูก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเถียงขึ้นมาทันที 

หล่อนหลีกเลี่ยงงานของสะใภ้ด้วยการกลับมาที่บ้านของตัวเอง อีกทั้งที่บ้านของแม่สามีก็ทำให้หล่อนทนอยู่ต่อไปไม่ได้ ครอบครัวนั้นเลี้ยงหมูไว้ 3 ตัว ทุกวันต้องทนดมกลิ่นเหม็น ๆ จนเกือบจะสำลักตายอยู่แล้ว!

“แกยังมีจิตสำนึกในการเป็นลูกสะใภ้ที่ดีอยู่ไหม? มีลูกสะใภ้ที่ไหนไม่ต้องทำงาน แกแต่งงานแล้วยังวางท่าเป็นบรรพบุรุษคนอื่นอีกเหรอ?” คุณแม่จี้นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะมีความคิดแบบนี้ จึงระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท