ตอนที่ 209 เชอร์รี่ที่ทุกคนชื่นชอบ
“เหลืออีกครึ่งเดือนกว่าครับ ถ้าถึงเวลานั้นผมจะให้พวกเขาไปหา” ลูกชายคนรองกล่าว
ปีนี้พ่อของเขาดูมีชีวิตชีวากว่าปีก่อน ๆ ชายชราบอกว่าเพราะได้ของกินจากร้านของจี้เจี้ยนอวิ๋น ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสุขภาพจิตที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้
พวกพี่น้องของเขาก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่ต้องบอกว่าของที่ขายในร้านจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นอร่อยจริง ๆ เมื่อรับประทานอาหารด้วยกันหลังปีใหม่ทุกคนก็กลับมาอย่างราบรื่น
“จริงสิครับ พ่อตาก็อยากได้น้ำผึ้งด้วย ถ้าปีนี้มีขายอีก พ่ออย่าลืมซื้อน้ำผึ้งแล้วส่งมาให้ผมด้วยนะครับ”
“รู้แล้ว”
หลังจากนั้นลูกสะใภ้คนที่สามก็โทรมาขอเชอร์รี่อีก 2 กล่อง
ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น ลุงเกาจึงสั่งเชอร์รี่อีก 9 กล่อง ให้บ้านของลูกชายทั้ง 3 คน ครอบครัวละ 3 กล่อง สำหรับตัวเขาเองยังมีที่ซื้อมาเมื่อวานเหลืออีกครึ่งกล่อง ส่วนเชอร์รี่ทั้ง 9 กล่องนั้น ให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ไปจัดการกันเอง
เนื่องจากเขาซื้อเชอร์รี่ไปไม่น้อย จี้เจี้ยนเยี่ยจึงอาสาเอาไปส่งให้เอง หลังจากกลับมาก็ได้บอกเรื่องนี้กับจี้เจี้ยนอวิ๋น ว่าลุงเกาผู้นี้ทั้งใจกว้างและร่ำรวยจริง ๆ
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม ลุงเกานั้นเป็นคนมั่งคั่งจริง ๆ ตอนนี้เงินบำนาญของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 45 หยวนต่อเดือน และค่าเช่าร้านอีก 2 แห่งของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เขามีรายได้จากส่วนนี้ 20 หยวนต่อเดือน รวมทั้งหมดเป็น 65 หยวน
บวกกับความกตัญญูของลูกชายและลูกสะใภ้ เงินในมือของเขาจะยังมีน้อยอยู่อีกหรือ?
ตราบใดที่สินค้าของเขามีคุณภาพดี ลุงเกาก็ไม่ลังเลที่จะซื้อมันอย่างที่ชายชราเคยพูด “ฉันเพิ่งมีชีวิตที่ดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อก่อนลำบากมาครึ่งชีวิต ตอนนี้จึงต้องชดเชยบ้างน่ะ”
ใช่แล้ว คนในรุ่นของพวกเขามีชีวิตที่ยากลําบากจริง ๆ ตอนนี้เขาต้องมีความสุขได้แล้ว
ดังนั้นมันจึงไม่นับเป็นการผลาญเงินแต่อย่างใด ตราบใดที่พวกเขาได้กินดีและมีความสุข การใช้เงินก็ไม่ใช่ปัญหา
เมื่อผู้สูงวัยคนอื่น ๆ ได้เห็นลุงเกาส่งของไปให้ลูกหลาน พวกเขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะทำตาม
ถึงอย่างไรปีนี้เชอร์รี่ก็อุดมสมบูรณ์อย่างมาก ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงนํามาขายที่ตลาดในเมืองเจียงสุ่ยอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังส่งไปให้จี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่อีก 1 กล่อง
“ไม่ต้องหรอกพี่สาม พี่เก็บไว้ขายก็พอแล้ว” จี้เจี้ยนเหวินได้ยินยามเฝ้าประตูเข้าไปส่งข่าวก็ออกมารับ ครั้นออกมาพี่สามก็ไม่พูดอะไรนอกจากยัดเชอร์รี่ใส่ในอ้อมอก เขาจึงรีบปฏิเสธ
“ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่พอขาย ยังมีอีกเยอะ ฉันไปก่อนล่ะ ตอนนี้ยุ่งมาก” หลังจากพูดจบ จี้เจียนอวิ๋นก็ขับรถออกไป
เมื่ออวิ๋นลี่ลี่ออกมา จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ขับรถออกไปแล้ว เธอมีความสุขมากเมื่อเห็นเชอร์รี่กล่องนี้ “พี่สามเอาเชอร์รี่มาให้เยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
“อืม” จี้เจี้ยนเหวินพยักหน้า “จะจัดการกับมันยังไงดี?”
“ฉันอยู่นี่แล้ว คุณไปสอนต่อเถอะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่รับมันมา
จากนั้นหล่อนก็ถือกลับไปที่ห้องทํางาน ตอนนี้กําลังอยู่ในช่วงเวลาเรียน ในห้องทํางานจึงมีอาจารย์ไม่มากนัก เมื่อหล่อนเอามันเข้ามาก็แบ่งใส่ถุงครึ่งหนึ่งเพื่อเอากลับไปกินที่บ้าน ส่วนที่เหลือ 2 ชั่ง แบ่งไปให้คณบดี
และอีก 3 ชั่งเก็บไว้ให้บรรดาคุณครูในสำนักงาน
เมื่อเหล่าคุณครูเลิกจากชั้นเรียน อวิ๋นลี่ลี่ก็ยกเชอร์รี่มาแบ่งให้พวกหล่อน “พี่สามของฉันมาเยี่ยม ที่บ้านเขาปลูกเชอร์รี่เลยเอามาฝาก ทุกคนล้างแล้วแบ่งกันกินเถอะจ้ะ”
“โอ้ นั่นเชอร์รี่เหรอ?” ทุกคนดูมีความสุขมาก
“เชอร์รี่พวกนี้เหมือนที่ลี่ลี่เอามาเมื่อปีที่แล้วรึเปล่า?”
“หลังจากที่ได้กินไปครั้งหนึ่ง ฉันก็คิดถึงมันตลอดเลย”
“…”
บรรดาคุณครูมีความสุขอย่างมาก โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ดูจะชื่นชอบกันเป็นพิเศษ
มีบางคนมาถามถึงราคา แต่เมื่ออวิ๋นลี่ลี่บอกไป ครูสาวเหล่านั้นต่างก็รู้สึกเจ็บปวด เนื่องจากราคาของมันค่อนข้างแพงไปหน่อย
ทว่าอวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้พูดอะไร หล่อนรู้ดีว่าเชอร์รี่ของพี่สามอย่างไรก็ขายได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออก คุณครูเหล่านี้ช่วยให้ขายได้ที่ไหน?
ครึ่งหนึ่งที่ถูกแบ่งเก็บไว้ หล่อนก็เอากลับมากินที่บ้านกับจี้เจี้ยนเหวิน
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเยียนเอ๋อร์ถึงไม่อยากมาที่นี่” อวิ๋นลี่ลี่กินเชอร์รี่พลางทอดถอนใจ
ลูกสาวของหล่อนถูกเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านเดิม ตอนนี้เด็กน้อยอายุ 4 ขวบแล้ว ความจริงสามารถเข้าเรียนอนุบาลได้แล้ว แต่เยียนเอ๋อร์กลับไม่ยอมมา ทั้งยังบอกว่าอยากกินผลไม้ ไม่ใช่ไปโรงเรียนอนุบาล รอให้อายุ 7 ขวบ ถึงค่อยเข้าโรงเรียนประถม!
จี้เจียนเหวินหัวเราะ “ลูกสาวของคุณได้กินดีอยู่ดี คุณยังไม่มีความสุขอีกเหรอครับ?”
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าลูกสาวของเขาใช้ชีวิตอย่างไรในบ้านเกิด ผลไม้พวกนี้ไม่ใช่ว่าเธอกินได้ตามใจชอบหรอกหรือ?
“ไม่มีความสุขที่ไหนกัน ฉันต้องมีความสุขสิคะ” อวิ๋นลี่ลี่ถอนหายใจ เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไม่มีความสุข
แม้ว่าตอนปีใหม่หล่อนจะทิ้งเงินไว้ให้แม่สามี 10 หยวนเป็นค่าอาหารของลูกสาว แต่ 10 หยวนจะพอได้อย่างไร ท้ายที่สุดแล้วลูกสาวของหล่อนยังมีหนังสือภาพเรียนให้เรียนอยู่อีกไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีอาหารสำหรับเด็กวัย 4 ขวบ ซึ่งเด็กน้อยก็อ้วนท้วนสมบูรณ์และไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ เห็นได้ชัดว่าเธอโตขึ้นและถูกสอนให้สุภาพอย่างมาก
“ปีนี้เชอร์รี่ของพี่สามน่าจะขายดีมาก” อวิ๋นลี่ลี่กล่าว
“คุณอย่ากินหมดล่ะ เหลือไว้สัก 2 ชั่ง เอาให้แม่คุณกินด้วย” จี้เจี้ยนเหวินบอก
ปีนี้พวกเขาสองสามีภรรยาชำระค่าบ้านไปแล้ว เหลือหนี้ที่ติดค้างพ่อตาแม่ยาย 500 หยวน และคุณพ่อกับคุณแม่จี้อีก 300 หยวน ที่ยังไม่ได้จ่ายคืน
“เท่านี้ละกันค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
จี้เจี้ยนเหวินยิ้มแล้วกลับห้องไปตรวจการบ้าน
แม้ว่าสองสามีภรรยาจะรัดเข็มขัดกันอย่างหนัก พวกเขาก็ยังขาดเงินอยู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้ทั้งคู่มีบ้านเป็นของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องเช่าอีกต่อไป จึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคง
อวิ๋นลี่ลี่หิ้วเชอร์รี่สด 3 ชั่ง กลับไปที่บ้าน
“โอ้ น้องรองกลับมาแล้ว” เมื่อเข้าประตูมาเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ สีหน้าของหล่อนก็พลันบูดบึ้ง
อวิ๋นลี่ลี่ไม่สนใจอีกฝ่ายนัก อันที่จริงหล่อนกับเจี้ยนเหวินไม่ได้มีปัญหาเรื่องการซื้อบ้านกับพี่น้องตระกูลจี้เท่านั้น แต่ทางบ้านของหล่อนก็เหมือนกัน
“พี่สามเอาเชอร์รี่มาฝากน่ะค่ะ ฉันเห็นว่าปีที่แล้วพ่อกับแม่ชอบกินมันเลยเอามาให้” อวิ๋นลี่ลี่กล่าว
เมื่อสะใภ้ใหญ่อวิ๋นเห็นเชอร์รี่ที่เธอหิ้วมา ก็แค่นเสียงแล้วซักเสื้อผ้าต่อ โดยไม่สนใจหล่อน
อวิ๋นลี่ลี่เดินเข้าไปในบ้าน
ครอบครัวของหล่อนย้ายมาจากที่อื่นเพื่อมาตั้งรกรากอยู่ในเมืองเจียงสุ่ยและซื้อบ้านหลังนี้ ทั้งพ่อ แม่ และพี่ชายต่างก็อาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อพี่ใหญ่กับพี่รองแต่งงานมีลูก ยิ่งทำให้บ้านหลังนี้ดูคับแคบลงไปถนัดตา
ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนจะแยกออกไปซื้อบ้าน แต่เงินส่วนนั้นกลับถูกหล่อนนำไปใช้ก่อน พี่ชายทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร ถึงอย่างไรมันก็เป็นการยืมเงิน แต่ทั้งพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองของหล่อนกลับก่อเรื่องขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นพวกหล่อนจึงไม่สามารถแสดงสีหน้าที่ดีต่อกันได้อีก
“ลี่ลี่กลับมาแล้วเหรอ?” เมื่อเห็นลูกสาวคนรอง คุณแม่อวิ๋นก็ดีใจมาก
“แม่คะ พ่อล่ะ?” อวิ๋นลี่ลี่ยิ้ม
“พ่อเขาออกไปหาคนเล่นหมากรุกแล้ว” คุณแม่อวิ๋นหัวเราะ