ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 218 ผมทำงานได้เยอะมากนะ!

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 218 ผมทำงานได้เยอะมากนะ!

วันรุ่งขึ้นจี้เจี้ยนอวิ๋นพาเหรินเหรินกับฉีฉีที่กินข้าวอิ่มแล้วขึ้นไปบนภูเขาด้วยกัน

จากนั้นสองคนพี่น้องก็มองดูคุณพ่อของตนฝึกฝนคุณอาที่ไม่เอาไหน คุณอาโดนซัดจนล้มลงไปแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ แต่คุณพ่อก็หันกลับไปซ้อมเขาต่ออีกครั้ง

“พะ… พี่สามปรานีผมเถอะ พี่ให้ผมมาเป็นคู่ฝึกซ้อม แต่พี่เอาแต่ซ้อมผมอยู่ฝ่ายเดียวนะ!” จี้เจี้ยนเหอร้องขอความเมตตา

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่พูดอะไรกับเขาเลย มาถึงก็ออกหมัดใส่เขาเหมือนเขาเป็นกระสอบทราย ออกหมัดไปก็หันไปพูดกับลูก ๆ ทั้งสองคน “ดูไว้ให้ดีนะ ถ้าพวกลูกโตขึ้นไปแล้ว จะเป็นคนที่มีความสามารถ หรือจะเป็นคนที่โดนกระทำแบบอาเจี้ยนเหอล่ะ พวกลูกอยากโดนซ้อมแบบนี้ไหม?”

“ไม่อยาก!” เหรินเหรินรีบตอบอย่างว่องไว

“ไม่” ฉีฉีเริ่มพูดได้บ้างแล้ว ก็พูดตามพี่ชายของตน

“แล้วจะเรียนกับพ่อไหม?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยถาม หมัดลุ่น ๆ ซัดเข้าที่ท้องของจี้เจี้ยนเหอ พลังหมัดทำเอาอีกฝ่ายล้มตัวงอลงไปกองกับพื้น

เหรินเหรินมองอย่างตื่นเต้น คุณพ่อของเขาแข็งแรงมาก น่าชื่นชมสุด ๆ ไปเลย!

ตัวเขาโตแล้ว จึงสามารถเรียนรู้การต่อยมวยจากพ่อได้ แต่กับฉีฉีนั้นไม่เหมือนกัน เด็กชายตัวน้อยเดินตรงไปที่จี้เจี้ยนเหอแล้วยกเท้าเล็ก ๆ ไปวางไว้บนใบหน้าของผู้เป็นอา

“เฮ้ย หลานทำอะไรเนี่ย?” จี้เจี้ยนเหอที่นอนหมดสภาพเป็นศพร้องออกมาอย่างเศร้าโศก

“นี่แหนะ!” ฉีฉีตะโกน จากนั้นหมัดเล็ก ๆ ก็กระแทกเข้าที่หน้าของจี้เจี้ยนเหอ

จี้เจี้ยนเหอเอามือปิดหน้าตัวเอง เขารู้สึกอับอายมาก แม้แต่หลานตัวน้อยของเขาก็ยังสามารถต่อยเขาได้เลย!

ชั่วโมงเรียนในช่วงเช้าเหรินเหรินกับฉีฉีถือว่าทำออกมาได้ดี ทั้งตัวของสองพี่น้องเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

จี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นยังไม่ได้กินข้าวเช้า ส่วนสองพี่น้องนั้นกินกันมาบ้างแล้ว แต่ก็หิวขึ้นมาอีกแล้วเช่นกัน ทั้งสองอาบน้ำพร้อมกับผู้เป็นพ่อ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็กลับไปกินข้าวเช้า

“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ?” ซูตานหงเอ่ยถาม

“พ่อเก่งมากเลยครับ ต่อยคนจนลุกไม่ขึ้นเลย!” เหรินเหรินว่าและหันไปมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาชื่นชมอย่างแรงกล้า

“อื้ม ๆ” ฉีฉีเองก็พยักหน้าไปด้วย

“งั้นตอนเย็นไปอีกดีไหมจ๊ะ?” ซูตานหงพูดยิ้ม ๆ

“ดีครับ!” สองพี่น้องพร้อมใจกันตอบ

ตั้งแต่นั้นมา ความสุขของเด็กชายสองพี่น้องก็คือความเจ็บปวดของจี้เจี้ยนเหอ

จี้เจี้ยนเหอรู้สึกว่าชีวิตตัวเองเหมือนตกนรกทั้งเป็น เขาถึงขั้นต้องหาเรื่องเพื่อหลีกเลี่ยงจากการโดนทุบตี ช่วงนี้แอปเปิ้ลเริ่มสุกแล้ว เขาอาสาที่จะไปช่วยเก็บมัน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการทำงานแบบนี้ก็ดีไม่ใช่เล่น

แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องสิ้นหวังก็คือจี้เจี้ยนอวิ๋นที่ไม่ยอมปล่อยเขาไป สั่งให้เขาไปฝึกซ้อมทุกวัน ฝึกเสร็จก็กลับบ้าน

ช่วงเวลาเช่นนี้ผ่านไปเป็นเดือน เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นเสพติดการทุบตีเขาไปแล้วหรือเปล่า ขนาดยุ่งมากขนาดนี้ยังหาเวลาพาลูกชายทั้งสองมาทุบตีเขาได้เลย

เมื่อโดนซ้อมอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน เขาก็ได้รับเงิน 30 หยวนที่เป็นเงินเดือนเดือนแรกของตัวเอง

แต่ในใจของจี้เจี้ยนเหอนั้นช่างขมขื่น

ทว่าซูเจวียนกลับสุดแสนจะดีใจ สั่งให้เขาไปทำงานนี้ต่อ

“คุณต้องการตัวผม หรือต้องการเงินกันแน่เนี่ย?” จี้เจี้ยนเหอพูดและมองไปยังคนไร้จิตสำนึกที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้น

“อย่าพูดถึงเรื่องนี้ได้ไหมคะ พรุ่งนี้คุณก็ต้องไปอีก ฉันว่าคุณดูแข็งแรงขึ้นนะ” ซูเจวียนว่า

“นั่นก็เป็นเพราะว่าพ่อแบ่งเนื้อมาให้ผมกินบ้างน่ะสิ” จี้เจี้ยนเหอสูดจมูก

ทุกวันตอนเช้าเขาขึ้นเขาไปซ้อมโดยที่ไม่ได้กินข้าวเช้าไปเลยสักครั้ง หลังจากโดนทุบตีเสร็จพ่อของเขาก็กลับมาจากสวนเพื่อกลับมากินข้าว

อาหารเช้าของอากับอาสะใภ้ดีมาก ๆ บางครั้งก็มีไข่เค็มหรือไม่ก็หมูผัดผักดอง เขาพอใจกับอาหารมาก และเขาก็โดนซ้อมหนักขึ้นเรื่อย ๆ พอมองตัวเองดี ๆ แล้วก็เหมือนจะดูแข็งแรงขึ้นมาจริง ๆ

แต่เขาไม่รู้เลยว่าเพราะจี้เจี้ยนอวิ๋นต่างหากที่สั่งให้พ่อเขานำมันขึ้นมาด้วย อย่างพ่อเขานั่นเหรอจะเอาข้าวพวกนั้นขึ้นมาให้ แยกบ้านกันไปแล้วก็ต้องดูแลตัวเอง

ลุงจี้เองก็บอกกับจี้เจี้ยนอวิ๋นไปแล้วว่าไม่ต้องสนใจ แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับหัวเราะออกมา “ให้เขาได้กินดีหน่อยครับ เลี้ยงเอาไว้ให้ดี หลังจากนั้นก็ค่อยใช้เขายกหินไปซ่อมอ่างเก็บน้ำ”

ดังนั้นลุงจี้จึงไม่ได้เถียงอะไรออกมา นั่นเป็นลูกตัวเองแท้ ๆ ซ่อมอ่างเก็บน้ำนั่นไม่ใช่งานง่าย ๆ เลยให้จี้เจี้ยนเหอกินข้าวเช้าดี ๆ สักหน่อยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร จี้เจี้ยนเหอกินเพียงอาหารเช้าก็ดูดีขึ้นมาก ข้าวบ้านนี้เลี้ยงคนได้ดีจริง ๆ นั่นแหละ

พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านมาถึงเดือนสิบ ผลไม้ทั้งสองสวนถูกเก็บเกือบจนหมดสวนแล้ว เหลือเพียงพวกต้นพลับที่ขอให้คุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้ไปช่วยก็เสร็จ

จี้เจี้ยนอวิ๋นเริ่มรวบรวมคนที่มีร่างกายแข็งแรงมาเพื่อซ่อมอ่างเก็บน้ำ ทุกคนล้วนเป็นชายฉกรรจ์ที่ไม่ขี้เกียจ ทำงานได้เงินหนึ่งหยวนต่อหนึ่งวัน หนึ่งเดือนก็เท่ากับ 30 หยวนพอดี แถมยังรวมถึงข้าวกลางวันอีกด้วย!

พอมีข่าวออกมาผู้คนก็แห่มาสมัครเพียบ

คนในหมู่บ้านเดียวกันต่างแยกแยะออกว่าใครเป็นใคร จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเลือกมาเพียง 10 คน ส่วนคนอื่น ๆ ก็ให้กลับไปก่อน ถ้าต้องการคนเพิ่มอีกก็จะเปิดรับสมัครใหม่

คนพวกนั้นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นใครกัน ใครล่ะจะกล้าขัดเขาเพียงแค่เขาก้าวเดินมาข้างหน้า? นอกจากนี้เขายังพูดจาไพเราะ พูดว่ามันเทศปีนี้จะได้ราคามากกว่าปีก่อนตั้ง 2 เฟิน แล้วก็บอกให้พวกเขาดูแลพวกมันให้ดี พอถึงเวลาก็เอาไปส่งบนภูเขา

อย่าดูถูกเงิน 2 เฟินเชียว ครึ่งชั่งก็ได้เงินเพิ่มมา 2 เฟิน ถ้า 5 ชั่งก็เป็น 2 เหมา 50 ชั่งก็เป็น 2 หยวน ถ้าได้ 500 ชั่งก็ได้ถึง 20 หยวน เป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อย ๆ เลยทีเดียว

เพราะมันเทศให้ผลผลิตที่สูงมาก ถึงฤดูร้อนจะมีผลผลิตที่น้อยกว่าฤดูใบไม้ผลิ แต่หนึ่งแปลงก็น่าจะได้ผลผลิต 1,000 ชั่ง ในเมื่อ 500 ได้ 20 หยวน 1,000 ชั่งก็จะได้เงินมากขึ้นถึง 40 หยวน!

แถมบางแปลงยังได้มากกว่านั้น มันเทศพันกว่าชั่งจะทำเงินได้มากเท่าใดกันนะ?

ในตอนแรกก็ยังมีคนไม่เห็นด้วย แต่พอได้ฟังคำพูดเอาใจ ก็ทำให้รู้สึกเชื่อมั่นได้

อย่างไรก็ตามจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังทำหน้าที่ดูแลการขนส่งในหมู่บ้าน ราคาที่พูดถึงไปก็เป็นราคาของปีที่แล้ว จะไม่ขอพูดถึงมันแล้วกัน

หลังจากนั้นก็มีคนมาถาม จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ตอบกลับไปอย่างยิ้ม ๆ “ราคาของผมก็ไม่ต่ำ เลยให้เพิ่ม 2 เฟิน เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ผมพาทุกคนรวยไปด้วยกันไม่ดีเหรอ”

ใช่เลย ใครจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนในหมู่บ้านเดียวกับจี้เจี้ยนอวิ๋น ก็ต้องบอกอยู่หมู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว ไม่งั้นก็คงไม่ได้เงินเพิ่ม 2 เฟิน

นี่คือข้อดีของการเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกับจี้เจี้ยนอวิ๋น!

“คุณลุง ผมก็ทำได้นะครับ!” วันนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นสั่งให้คนที่จะไปซ่อมอ่างเก็บน้ำกลับไปก่อน ให้พรุ่งนี้ทุกคนแบกหินและปูนไปด้วย เขากำลังจะกลับไปที่บ้านของตน แต่มีเด็กรูปร่างผอมที่ตัวเพียงครึ่งเดียวของจี้เจี้ยนอวิ๋นพูดขึ้นมา

จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้จักเขา เลยหัวเราะออกมาเบา ๆ “จี้เฟิง นายยังไม่โตเลย จะไปทำอะไรได้ นั่นมันต้องใช้ความแข็งแรงและเหนื่อยสุด ๆ ไปเลยนะ”

เป็นเพราะเงิน 30 หยวนต่อเดือนเป็นจำนวนไม่น้อย คนพวกนี้ขี้เกียจและว่างงาน อาจจะไม่ไปทำงานพรุ่งนี้ทั้งหมด

“ผมทำได้ ผมทำงานได้เยอะมากนะครับ หินพวกนั้นผมก็แบกได้!” จี้เฟิงรีบตอบ

เด็กคนนี้อาศัยอยู่กับย่าแก่ ๆ ส่วนญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ก็ไม่อยู่กันตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้วด้วยโรคร้าย

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สงสารเจี้ยนเหอ โดนรังแกแม้กระทั่งฉีฉี ขอให้ปรับตัวได้นะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน