ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 221 เก็บเงินให้หลานชายของฉันเรียนมหาวิทยาลัย!

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 221 เก็บเงินให้หลานชายของฉันเรียนมหาวิทยาลัย!

 

“ไม่มากหรอกครับ แค่ 2,000 ถึง 3,000 หยวนเท่านั้นเองครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

คุณแม่จี้ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ปีนี้ทําเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องประหยัดเงินให้มากขึ้น อีกไม่นานเหรินเหรินกับฉีฉีจะเข้าโรงเรียนกันแล้วนะ”

“แม่วางใจเถอะครับ ผมรู้” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า

“ถ้าแกรู้ แม่ก็จะไม่พูดเรื่องนี้อีก ถึงตานหงจะไม่ว่า แต่ก็อย่าให้มันมากเกินไปนะ” คุณแม่จี้กระซิบ 

“ผมกับภรรยาเข้าใจกันดีครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด

คุณแม่จี้ไม่สนใจเขาอีกต่อไป เมื่อกลับขึ้นไปบนภูเขาก็พูดกับสามี “เจี้ยนอวิ๋นบอกว่าใช้เงินไม่เยอะ แค่ 2,000 ถึง 3,000 หยวนน่ะค่ะ” 

หนังตาคุณพ่อจี้กระตุก ทว่าไม่พูดอะไรมาก อ่างเก็บน้ำถูกสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง หากไม่มีอะไรผิดพลาดคงใช้ได้ถึงสองชั่วอายุคน 2,000 ถึง 3,000 หยวนงั้นเหรอ? นี่น่าจะไม่ถึงครึ่งของทุนสร้างเลยด้วยซ้ำ!

ด้วยความที่เป็นผู้ชาย คุณพ่อจี้จึงมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนกว่าคุณแม่จี้

 

เงินที่จี้เจี้ยนอวิ๋นใช้สร้างอ่างเก็บน้ำในครั้งนี้มากกว่าตอนทำสัญญาเช่าไปมาก การปรับปรุงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้เขาหมดเงินไปเกือบ 5,000 หยวน

เงินทั้งหมดที่หามาได้ในปีนี้ถูกใช้ไปกับการสร้างอ่างเก็บน้ำ แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็รู้สึกว่าการจ่ายเงินจำนวนนี้ไม่ได้ไร้เหตุผล

เนื่องจากเขาเป็นผู้ดูแลกระบวนการทั้งหมด จึงไม่มีคนงานคนไหนทำงานอย่างเกียจคร้านเลย แม้แต่จี้เจี้ยนเหอก็ตาม ทุกคนต่างทำงานให้เขาอย่างเต็มที่

ตอนที่ฝนตกหนักในปีนี้เขาไม่ได้แสดงท่าทีออกมา แม้ความจริงแล้วจะยังกังวลอยู่เล็กน้อยว่าจะเกิดอุบัติเหตุบนอ่างเก็บน้ำหรือไม่ ทว่าตอนนี้ตราบใดที่ฝนไม่ตกหนักจนเกินรับมือ อ่างเก็บน้ำย่อมไม่มีอะไรผิดพลาด เขาสามารถวางใจได้แล้วจริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณดังกล่าวถูกเขาล้อมรั้วไว้รอบแล้ว พื้นที่ทั้งหมดจึงเป็นอาณาเขตของจี้เจี้ยนอวิ๋น

เขาปลูกผลไม้บนภูเขาทั้ง 2 ลูก และยังปลูกหญ้าอาหารสัตว์ไว้มากมาย ต้นฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าเขาจะหาแพะมาเลี้ยง 

ความจริงแล้วยังมีที่ดี ๆ สำหรับเลี้ยงเป็ดด้วย แต่คงต้องพับแผนนี้ไว้ก่อนและรอให้ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า เนื่องจากตอนนี้อากาศเริ่มหนาวเหน็บแล้ว

“คุณตุ๋นอะไรอยู่เหรอครับ? กลิ่นหอมมากเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามขึ้นเมื่อกลับถึงบ้าน

“ตุ๋นขาหมูอยู่ค่ะ” ซูตานหงตอบ 

“ไม่เลวเลย เหลือไว้ให้ผม 2 ขาด้วยนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

“รู้แล้วค่ะ” ซูตานหงยิ้มและกลอกตาใส่เขา ไม่นานขาหมูตุ๋นก็ทำเสร็จ ส่งกลิ่นหอมดึงดูดใจเป็นอย่างมาก “คุณเอาไปให้พ่อกับแม่ก่อนนะคะ” 

“ยังไม่ถึงเวลาเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดเมื่อมองดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงครึ่งเท่านั้น

“ช่วงนี้คุณแม่เหนื่อยมาก ฉันหุงข้าวเสร็จแล้ว คุณยกขึ้นไปได้เลยนะคะ วันนี้ให้พวกเขากินข้าวเร็วสักหน่อย” ซูตานหงกล่าว 

พวกเขาเริ่มทำงานตั้งแต่เดือนสิบ ตอนนี้ล่วงเลยมาถึงเดือนสิบเอ็ดแล้ว เป็นเวลากว่า 1 เดือนที่คุณแม่จี้ได้พาหวังหงฮวากับคนอื่น ๆ ไปทําลูกพลับแห้งกับน้าไช่ตั้งแต่เช้าถึงตอนเที่ยง แม้จะมีคุณพ่อจี้มาช่วยกันทำ แต่งานก็เยอะอยู่มาก

ซูตานหงมีหน้าที่ดูแลเยียนเอ๋อร์ เหรินเหรินกับฉีฉี เธอจึงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังเห็นถึงความความลําบากของแม่สามี

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเร่งให้จี้อวิ๋นอวิ๋นรีบออกไป หากไม่มีเรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นคอยกวนใจ แม่สามีของเธอจะมีความสุขมากขนาดไหนกัน?

ซูตานหงทำอาหารอีก 2 จานอย่างรวดเร็ว อย่างแรกคือผัดฟักทองใส่กระเทียมและปลาหัวโตที่ถูกจับมาจากอ่างเก็บน้ำ ตอนนี้เริ่มจับปลาที่อ่างเก็บน้ำได้แล้ว ซึ่งลุงสวี่กับซูอันปังจะต้องจับปลาไปขายในเมืองมหาวิทยาลัยทุกวัน มันจึงเป็นอาหารที่มีเก็บไว้กินเองที่บ้านด้วย ส่วนอาหารอีกอย่างคือซุปไข่ใส่สาหร่าย

จากนั้นก็ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นยกกล่องอาหารขนาดใหญ่ขึ้นไปส่ง อย่างไรเสียผู้ชายคนนี้ก็แข็งแรงมาก เธอจึงไม่เกรงใจที่จะเรียกใช้เขา

จี้เจี้ยนอวิ๋นนำอาหารมาส่งด้วยรอยยิ้ม

คุณแม่จี้เพิ่งคิดจะทําอาหาร พอเห็นดังนั้นก็พูดขึ้น “ทําไมเอาอาหารขึ้นมาล่ะ?”

“ภรรยาของผมบอกว่าช่วงนี้คุณแม่เหนื่อยมากแล้ว อยากให้พักผ่อนบ้าง หล่อนเลยทำอาหารเย็นมาให้ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดพร้อมกับจัดจาน

“กินแค่นิดหน่อยก็ได้ ทำอะไรมาเต็มไปหมด” เมื่อคุณแม่จี้เห็นอาหารก็ยิ้มออกมาทันที

“ภรรยาของผมเป็นคนกตัญญูนี่ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มแล้วหันไปพูดกับคุณพ่อจี้ “พ่อดื่มกับลุงก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะไปเรียกลุงมาที่นี่”

“ไปเถอะ” คุณพ่อจี้พยักหน้า

จี้เจี้ยนอวิ๋นไปเรียกลุงจี้และปล่อยให้พวกเขากินอาหารกันไป จากนั้นก็กลับบ้าน

ซูตานหงเตรียมอาหารเสร็จพอดี ครอบครัว 4 คนจึงเริ่มกินอาหาร ตอนนี้เหรินเหรินกินเองได้แล้ว แม้ว่าฉีฉีจะยังต้องช่วยป้อน แต่เขาก็กินจุกว่าใคร หลังจากกินโจ๊กไปคำแล้วคำเล่า เขาก็เดินออกไปเล่นข้างนอก ก่อนจะถูกผู้เป็นพ่ออุ้มกลับมาและกอดไว้ในอ้อมแขน

“ครั้งล่าสุดที่ไปหาหลี่จื้อ เขาบอกว่าอวิ๋นอวิ๋นกำลังท้องนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดขณะกินอาหาร

“ท้อง?” ซูตานหงพูดขึ้น “หล่อนปิดไว้ซะมิดเชียวนะคะ”

คุณแม่จี้ไม่ได้บอกเรื่องนี้ ดังนั้นจึงชัดเจนว่าแม่สามีของเธอก็ยังไม่รู้ แต่ซูตานหงก็พอเดาได้ว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นยังเคืองอยู่

ทว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นย่อมตั้งครรภ์ได้อยู่แล้ว ทำเหมือนไม่เคยมีใครตั้งครรภ์อย่างนั้นล่ะ ขนาดตัวเธอเองยังคลอดลูกชายมาแล้ว 2 คน ในเมื่อหล่อนไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด

อย่างไรก็ตาม หลี่จื้อคิดว่าควรบอกครอบครัวของเธอ แต่ตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นงานยุ่งมาก เขาน่าจะเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้

“งั้นพรุ่งนี้ตอนที่คุณแม่ลงมา ฉันจะบอกท่านให้เองค่ะ” ซูตานหงกล่าว

“คราวที่แล้วผมไปที่นั่น หล่อนก็ทำตัวแปลก ๆ ถ้าแม่อยากไปหาหล่อนก็ให้แม่ไป แต่คุณไม่ต้องไปหรอกนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกำชับ 

ภรรยาของเขาไม่จําเป็นต้องทนมองหน้าใคร

“ฉันรู้ค่ะ” แม้ว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นยังไม่ได้รังแกเธอ แต่ซูตานหงก็รู้สึกสบายใจเมื่อเห็นว่าสามีของเธอกำลังออกตัวปกป้อง  

วันรุ่งขึ้นตอนที่คุณแม่จี้ลงมาจากภูเขา ซูตานหงจึงรีบบอกข่าวกับนาง “น้องเขยคุยเรื่องนี้กับเจี้ยนอวิ๋นเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เขางานยุ่งมากเลยเพิ่งนึกขึ้นได้ค่ะ”

“ท้องเหรอ? ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องไปสนใจมัน ยังไงก็แต่งงานออกไปแล้ว” แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจ แม่สามีของเธอกลับมีท่าทางเช่นนี้?

ซูตานหงเห็นสีหน้าของแม่สามีจึงถามขึ้น “คุณแม่อยากหิ้วไข่ไปเยี่ยมสักหน่อยไหมคะ?”

“ฉันจะเอาไข่ไว้ขาย เก็บเงินให้หลานชายของฉันเรียนมหาวิทยาลัย ทำไมต้องไปทำอะไรเพื่อนังหมาป่าตาขาวนั่นด้วย?” คุณแม่จี้พูด

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านางโกรธมากจริง ๆ

ลูกสาวของนางตั้งครรภ์มานานแค่ไหนแล้ว เพิ่งพูดเมื่อเดือนที่แล้ว คิดว่าตอนนี้อายุครรภ์จะปาเข้าไปกี่เดือน?

แต่ลูกสาวของนางกลับเก็บตัวอยู่ในเมือง ไม่แม้แต่จะมาบอกข่าวดี!

แน่นอนว่าคุณแม่จี้ไม่มีความคิดจะตำหนิลูกชายคนที่ 3 ของนางเลย ช่วงนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นงานยุ่งขนาดไหน ใครจะมีเวลาไปคิดถึงเรื่องนังเด็กนั่นกัน?

ทว่าครั้งนี้คุณแม่จี้โมโหจริง ๆ

หากลูกสาวของนางทำงานจนยุ่งก็ไม่เป็นไร แต่เห็นได้ชัดว่าหล่อนอยู่ที่บ้านคอยให้หลี่จื้อเลี้ยงดู ทั้งวันจะทำอะไรก็ได้ แต่ก็ไม่ยอมกลับมาพูดคุยกัน

หล่อนเคยไว้หน้าใครบ้างเหรอ?

แล้วใครจะทนมองหน้าหล่อนได้?

ดังนั้นคุณแม่จี้จึงไม่ให้ไข่สักตะกร้า หล่อนอยากจะทำอะไรก็ทำ ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นแม่คนแล้ว!

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ต้องอย่างนี้ค่ะคุณแม่จี้ อย่าไปโอ๋นังหมาป่าตาขาวนี่เลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท