ตอนที่ 223 ชีวิตคนเรามันเป็นยังไงกัน
จี้อวิ๋นอวิ๋นเห็นท่าทางของเขาเป็นแบบนี้ก็กลับไปนอนบนเตียงด้วยความโมโห
การแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เขาเอาแต่ยุ่งอยู่กับงานและไม่เคยสนใจว่าหล่อนจะรู้สึกอย่างไร!
“รอจนคลอดลูกแล้ว ฉันจะหางานทํา!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดโพล่งขึ้นมา
หลี่จื้อขมวดคิ้ว “คุณอยู่ที่บ้านเลี้ยงลูกเถอะ ผมจะรับสอนพิเศษในช่วงวันหยุดฤดูร้อนและฤดูหนาวเอง…”
“ไม่ ฉันจะไปทำงาน!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดอย่างตรงไปตรงมา
“งั้นตอนปีใหม่ผมจะกลับไปคุยกับคุณแม่ว่าถ้าถึงเวลานั้นให้ช่วยเลี้ยงลูกให้” หลี่จื้อพูดได้เพียงเท่านั้น
จี้อวิ๋นอวิ๋นแค่นเสียงและไม่สนใจเขา
หลี่จื้อส่ายหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก
ทางฝั่งคุณแม่จี้ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ลูกสาวที่แต่งงานไปแล้ว ถ้าดีก็มา ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องมา ตอนนี้นางเด็ดเดี่ยวมาก!
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาวคนนี้ นางเหนื่อยเกินกว่าจะยุ่งด้วย
เมื่อถึงวันตงจื้อ* ซูตานหงก็ได้ห่อเกี๊ยวจำนวนมากพร้อมไส้ต่าง ๆ
*ในวันตงจื้อตามปฏิทินจันทรคติ ทางตอนเหนือของจีนไม่ว่าจะรวยหรือจน อาหารประจำเทศกาลที่ขาดไม่ได้ก็คือเกี๊ยว
ฉีฉีชอบกินไส้กุ้งมากที่สุด ตอนนี้เจ้าหนูน้อยอายุ 1 ขวบครึ่ง ฟันซี่เล็ก ๆ ของเขาคมมาก ตอนกินไก่ตุ๋นเขาต้องได้แทะน่องไก่ เวลากินเกี๊ยวก็กินจุมาก ตอนนี้สามารถกินเองได้แล้ว ไม่จําเป็นต้องให้แม่ป้อนเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังมีท่าทางต่อต้านผู้เป็นแม่อีกต่างหาก
ในขณะที่เหรินเหรินนั้นไม่เลือกกิน ให้อะไรมาเขาก็กินได้ แต่จะชื่นชอบไส้เนื้อสับเป็นพิเศษ
ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นไม่มีทางเลือกกิน เกี๊ยวที่ภรรยาของเขาทำไว้ช่างอร่อยเกินคำบรรยาย เขาชอบกินทุกไส้เลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยังมีส่วนของคุณพ่อกับคุณแม่จี้อีกไม่น้อย ลุงจี้เองก็มากินเกี๊ยวกับพวกเขาด้วย
ลุงจี้ถอนหายใจ “พวกเธอตาแหลมมาก เลือกภรรยาให้จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ดีกว่าสะใภ้อีกหลายบ้านเลย”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทอดถอนใจ แต่ภรรยาของจี้เจี้ยนอวิ๋นช่างเป็นคนที่มีความกตัญญูจริง ๆ มีอะไรก็ยกมาให้ ดูน้องชายกับน้องสะใภ้ของเขาสิ อายุน้อยกว่าเขาแค่ 2 ปี แต่ดูเด็กกว่าเขามาก ไม่ใช่เพราะได้กินดีอยู่ดีหรอกหรือ?
คุณแม่จี้ชอบที่จะฟังคนอื่นชื่นชมซูตานหง จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ไม่ต้องถอนหายใจหรอกค่ะ ฉันว่าหลังจากนี้คู่ของเจี้ยนชวนก็คงไม่ต่างกัน”
“นั่นก็ไม่เลวเลย แต่ฉันยังทำงานได้ ไม่ต้องให้พวกเขาเลี้ยงดูหรอก” ลุงจี้ก็เป็นคนที่เก่งมาก เขาส่งเงินให้ที่บ้านเดือนละ 20 หยวน หักจากเงินเดือนปัจจุบันของเขาก็ยังเหลือเก็บอีกเดือนละ 15 หยวน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้จึงเก็บเงินได้ไม่น้อย
เขาต้องการหาเวลาไปเปิดบัญชีที่ธนาคารในตัวเมือง เพื่อเป็นเงินฝากที่เก็บไว้ใช้ในยามชรา สำหรับลูกชายสองคนนั้น ลูกชายคนเล็กก็ไว้ใจไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด ส่วนลูกชายคนโตเขาไม่อยากรบกวนมากนัก หากชายหนุ่มกตัญญูรู้คุณ ต่อไปเงินบำนาญของเขาย่อมมอบให้ลูกชายผู้นี้
เมื่อลุงจี้กินอาหารเสร็จก็กลับมาที่สวนผลไม้แห่งที่ 2 และได้พบกับลูกชายคนโตที่เชิงเขา
จี้เจี้ยนชวนยิ้มเมื่อเห็นพ่อของเขา “พ่อไปกินข้าวกับอารองมาเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว” ลุงจี้ตอบ
“ที่บ้านของผมทำเกี๊ยวเอาไว้ พ่อไปกินด้วยกันสิครับ” จี้เจี้ยนชวนกล่าว
ลุงจี้พยักหน้า “น่าสนใจ แต่พวกแกกินกันเถอะ ฉันกินที่บ้านอารองมาเยอะจนอิ่มแล้ว”
เมื่อหลี่เหอฮวาเห็นว่าจี้เจี้ยนชวนกลับมาเพียงลำพัง หล่อนจึงเอ่ยถาม “คุณพ่อล่ะคะ?”
“พ่อกินข้าวกับที่บ้านอารองแล้วครับ” จี้เจี้ยนชวนพูด
หลี่เหอฮวาได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้น “ฉันบอกให้คุณรีบไปแต่เนิ่น ๆ ก็ไม่ฟัง เวลานี้ฉันเดาว่าทางนั้นน่าจะกินเสร็จแล้ว”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้จะกินกันเร็วขนาดนี้ ทุกทีเวลานี้ยังไม่กินกันเลย” จี้เจี้ยนชวนพูด ตอนนี้เพิ่งจะ 5 โมงเย็น ปกติแล้วพวกเขามักจะกินอาหารกันตอน 5 โมงครึ่ง
“ตอนนี้คุณพ่ออาศัยอยู่บนภูเขาแล้ว ฝ่ายคุณแม่ก็ไม่สนใจอะไรเลยจริง ๆ” หลี่เหอฮวาขมวดคิ้ว
“ยังไงผมก็วางแผนไว้แล้ว ต่อไปพวกเราจะเป็นคนดูแลคุณพ่อ ส่วนเจี้ยนเหอก็ให้เลี้ยงดูคุณแม่ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ” จี้เจี้ยนชวนพูด
เขายังรู้สึกว่าแม่ของเขาไม่สนใจพ่อของเขาเลยด้วยซ้ำ ดูพ่อของเขาตอนนี้สิ คนเราควรจะแก่มากขึ้น แต่ได้ยินว่าตั้งแต่เข้าฤดูหนาว จี้เจี้ยนอวิ๋นมักจะต้มชาเก๋ากี้พุทราจีนไปให้ ทำให้เลือดลมของเขาไหลเวียนดีมาก
เมื่อหลายปีก่อนเขาลำบากมามาก ตอนนี้แก่แล้วไม่ใช่ว่าต้องบำรุงสุขภาพเป็นการชดเชยหรือ? เพียงแต่ว่าสภาพครอบครัวของเขามีขีดจำกัดและยังมีลูกหลายคน
เห็นได้ชัดว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้ปฏิบัติต่อพ่อของเขาอย่างไม่เป็นธรรม แม้ว่าจะปล่อยให้พ่อของเขาอาศัยอยู่บนภูเขา แต่สภาพอากาศก็ดีเยี่ยม ทั้งยังมีนาฬิการาคาแพงเรือนใหญ่แขวนอยู่ตรงผนัง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องเวลา
จากสภาพปัจจุบันของพ่อแล้ว เขาดูอ่อนเยาว์กว่าเมื่อก่อนมาก
หลี่เหอฮวาพูด “ตลอดปีที่ผ่านมาอารองคงไม่ค่อยได้กินดีเท่าไหร่ คุณหาเวลาไปบอกพ่อหน่อยเถอะค่ะ ให้พ่อมากินที่บ้านเราดีกว่าไหม?”
“ช่างเถอะ อาศัยการใช้ชีวิตอย่างประหยัดแบบคุณ อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้กินเนื้อสักรอบ ไม่มีอะไรเทียบได้กับอาหารของอารองหรอก ผมคิดว่าทั้ง 3 มื้อนั่นมีทั้งไข่และเนื้อครบเลยล่ะ” จี้เจียนชวนโบกมือ
หลี่เหอฮวาจึงไม่พูดอะไรอีก
จี้เจี้ยนเหอกับซูเจวียนก็กินเกี๊ยวเช่นกัน จู่ ๆ ซูเจวียนก็พูดขึ้น “ตอนนี้คุณพ่อให้เงินคุณแม่แค่เดือนละ 20 หยวน ที่เหลืออีก 15 หยวนหายไปไหนแล้ว?”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ จี้เจี้ยนเหอก็รู้ว่าภรรยาตัวเองอยากจะสื่ออะไร จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมแนะนำให้คุณตัดใจซะเถอะ เงินอีก 15 หยวนนั้น พ่อไม่มีทางยกให้เราหรอก!”
“ฉันก็ไม่ได้คิดจะเอาเงินของคุณพ่อหรอก แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินเลี้ยงดูในอนาคตหรอกเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ คุณพ่อของคุณจะมาอยู่อาศัยกับเราก็ได้ แต่ถ้าเป็นคุณแม่ของคุณฉันไม่ยอมแน่ อย่าคิดจะมากินข้าวฉันแม้แต่ครึ่งเม็ด!” ซูเจวียนกล่าว
“ยังเร็วเกินไป ไว้ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ” จี้เจี้ยนเหอตอบ
หลังจากกินเกี๊ยวเสร็จเขาก็กลับไปนอน
เขาเหนื่อยแทบตายอยู่แล้ว เนื่องจากช่วงนี้ต้องไปตกปลาที่อ่างเก็บน้ำทุกวัน จี้เจี้ยนอวิ๋นยังกำหนดให้เวลาเขาอีกด้วย หากไม่สามารถจับปลาได้ทันก็รอรับหมัดได้เลย
ก่อนหน้านั้นเขาไปที่อ่างเก็บน้ำเพื่อป้องกันหินถล่มทุกวัน เป็น 1 เดือนแห่งความเหนื่อยล้าเหมือนกับทุกคนที่ได้รับค่าแรง 30 หยวน และก่อนที่เขาจะได้ป้องกันหินถล่มยังโดนทุบตีอีกตั้งนานเท่าไหร่?
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตั้งแต่นั้นมา เขาจะไม่มีวันที่ดีอีกเลย
ซูเจวียนไม่สนใจเขา หล่อนรู้แค่ว่าทุกเดือนต้องมีเงินเข้าบัญชี ไม่อย่างนั้นหล่อนจะไม่ปล่อยให้จี้เจี้ยนเหอมีชีวิตที่ดีแน่!
แต่ก็ยังปล่อยให้จี้เจี้ยนเหอได้มีเวลางีบหลับ หลังจากนั้นก็เข้ามาปลุกเขา “คุณยังไม่ไปทำงานอีกเหรอคะ รีบไปทำงานเถอะ”
“ผู้หญิงคนนี้นี่ มีใครเป็นเหมือนคุณไหม!” จี้เจี้ยนเหออดพูดขึ้นมาไม่ได้
ตอนนี้ซูเจวียนไม่กลัวเขาแล้ว หล่อนแข็งแกร่งทั้งภายในและภายนอก ทั้งยังกล่าวออกมาโดยตรง “รีบไปส่งของเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นเดือนนี้เราจะกินอะไรกัน?”
จี้เจี้ยนเหอสบถออกมาสองครั้ง แต่ก็ยอมรับชะตากรรม
จี้เจี้ยนอวิ๋นให้เขาขับสามล้อเพื่อส่งสินค้าไปยังร้านค้ารอบ ๆ และทำใบแจ้งชำระอีกหลายอย่าง เขาตกปลาตลอดช่วงเช้าที่อากาศหนาวเย็น จนกระทั่งถึงเที่ยงวันกว่าจะได้กลับมาพัก ขณะที่กำลังจะนอนหลับฝันดีก็ต้องตื่นขึ้นมาส่งของอีก
ทุกวันนี้ชีวิตของเขาเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ถ้าเขาไม่ยอมไปทำงาน ตอนนี้แม่ไม่ยอมให้เงินสักเฟิน ภรรยาของเขาจะต้องขอหย่าแน่
หากหย่าร้างเขาก็ต้องกลายเป็นคนโสด
เฮ้อ เขากำลังทำอะไรอยู่นี่ ชีวิตของคนเรามันเป็นยังไงกัน
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชีวิตคู่ถึงคราวขมแล้ว สงสารหลี่จื้อจริง ๆ ที่แต่งงานกับเธอน่ะอวิ๋นๆ
สู้ต่อไปนะเจี้ยนเหอ ขี้เกียจเมื่อไหร่เมียขอหย่าแน่
ไหหม่า(海馬)