ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 229 ของขวัญและส่วนลด

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 229 ของขวัญและส่วนลด

เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นและซูตานหงกลับมา ก็มีคนมามุงดูอยู่ไม่น้อย ชาวบ้านต่างรู้ว่าสองสามีภรรยาได้ไปเที่ยวที่ปักกิ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่หรอกหรือ?

จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็ใจกว้าง เขานำรูปถ่ายออกมาให้ทุกคนดู มีทั้งกําแพงเมืองจีนที่ถ่ายไว้ และอื่น ๆ อีกมากมาย จนทําให้ชาวบ้านต่างอุทานออกมาไม่หยุด   

การได้ไปเยือนเมืองหลวงย่อมเป็นความปรารถนาของคนทั้งประเทศ 

ท้ายที่สุดซูตานหงก็หยิบลูกอมตรากระต่ายขาว(1)ออกมาแบ่งให้คนละ 2 เม็ด เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มรสความหวาน หลังจากได้ฟังจี้เจี้ยนอวิ๋นเล่าเรื่องพระราชวังต้องห้ามไปไม่น้อย ต่างก็กลับไปด้วยความพึงพอใจ   

“เอาไปแบ่งให้พวกพี่น้องของลูกด้วยนะ” ซูตานหงมอบลูกอมมันหมู(2)อีกถุงให้กับเหรินเหริน 

ทั้งสองพี่น้องมีเพื่อนในหมู่บ้านอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ออกไปเที่ยวข้างนอกกลับมาก็ต้องมีของอร่อย ๆ ให้ได้ลิ้มลอง   

ลูกอมมันหมูนี้อร่อยมาก ซูตานหงเองก็ชอบกิน  

“เยียนเอ๋อร์ไปกับพวกเขาสิ แล้วแบ่งให้พวกพี่สาวน้องสาวของหนูกินด้วย” ซูตานหงกล่าว   

ดังนั้นเหรินเหริน ฉีฉีและเยียนเอ๋อร์จึงออกไปแบ่งปันขนมกับเพื่อนฝูงของพวกเขา   

“คุณแม่มานี่สิคะ ฉันซื้อของมาให้ด้วยค่ะ” ขณะที่คุณแม่จี้กำลังหัวเราะชอบใจและอยากหยิบรูปถ่ายขึ้นไปบนภูเขาด้วย ซูตานหงก็เอ่ยเรียก  

ในยามนี้คุณแม่จี้ย่อมอารมณ์ดีอยู่แล้ว ทั้งลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานชาย ต่างก็ได้ไปเที่ยวปักกิ่ง เมื่อพี่น้องของนางได้เห็นก็ล้วนแต่อิจฉา

 

คนเราเมื่อถึงวัยนี้ ต่อให้มองเห็นชัดเจนว่าลูกหลานปลอดภัยและมีความสุขดีก็ตาม แต่เพียงแค่ได้เห็นลูกหลานเติบโตขึ้น พวกเขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน   

“จำเป็นต้องซื้อของให้แม่ด้วยเหรอ แค่ไปเที่ยวกันสนุก ๆ ก็พอแล้ว” คุณแม่จี้พูด แต่ก็ยังคงเดินเข้ามา   

“คุณแม่ดูสิคะ ชอบต่างหูคู่นี้ไหมคะ?” ซูตานหงยื่นต่างหูทองคำให้นางแล้วถามด้วยรอยยิ้ม   

“ทำไมถึงซื้อของแพงขนาดนี้?” คุณแม่จี้เห็นดังนั้นก็รีบพูด  

 

“ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว รีบใส่เถอะค่ะ ฉันซื้อให้แม่ของฉันอีกคู่หนึ่งด้วยค่ะ” ซูตานหงพูดพลางเปิดถุงสีแดงอีกใบ ต่างหูของแม่เธอมีลักษณะคล้ายกับของคุณแม่จี้ ทว่ารายละเอียดต่างกันออกไป   

นับว่าเธอเป็นคนกตัญญูยิ่งนัก ซื้อของให้ทั้งให้แม่สามีและแม่ของตัวเอง   

“นี่จ่ายไปเยอะเลยใช่ไหม?” คุณแม่จี้ได้ยินดังนั้นก็หยิบขึ้นมาดู ยิ่งมองหญิงชราก็ยิ่งชื่นชอบอย่างไม่มีเหตุผล ต่างหูทองคู่นี้เป็นทองคำแท้ น้ำหนักรวมทั้ง 2 ข้างอยู่ที่ประมาณ 5 กรัม 

ตอนนี้ราคาทองคำนั้นไม่น้อยเลย 1 กรัมราคา 75 หยวน เกรงว่าที่ปักกิ่งจะแพงกว่าที่นี่ อีกทั้งลวดลายของของต่างหูยังงดงามขนาดนี้  

 

“อย่าถามว่าซื้อมาเท่าไหร่เลยค่ะ แค่เก็บไว้ก็พอแล้ว” ซูตานหงกล่าว  

ทองคำที่ปักกิ่งราคาไม่ถูกนัก 1 กรัมมีมูลค่า 85 หยวน ต่างหูคู่นี้น้ำหนัก 5 กรัม ราคาจึงสูงอย่างชัดเจน ของแม่เธอเองก็เช่นกัน   

เธอจ่ายเงินไปไม่มาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นจี้เจี้ยนอวิ๋นที่ซื้อลูกปัดทองคำ ต่างหูทองคำ และแหวนทองคำให้เธอ แน่นอนว่าเธอไม่กล้านำพวกมันออกมาอย่างแน่นอน ทองคำเหล่านั้นเนื้อหนาก็จริง แต่ดูไม่มีค่อยมีรสนิยมนัก

  

ทว่าในสายตาของจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้วทั้งหมดนั้นคือของสวยงาม   

เธอไม่สามารถชื่นชมกับความงามนี้ได้ แต่สำหรับกำไลหยกเหอเถียนแล้ว เธอชอบมันมากและสวมติดตัวเอาไว้   

จี้หยกเหอเถียน ถ้วยหยก และปิ่นปักผมหยก ทั้งหมดล้วนมีคุณค่า เธอจึงเก็บพวกมันไว้ในตู้ แล้วค่อยนำออกมาชื่นชมในยามว่าง   

“นี่คือกล้องยาสูบแบบโบราณ ฉันซื้อมา 2 อันจากปักกิ่งให้คุณพ่อค่ะ” ซูตานหงหยิบกล้องยาสูบขึ้นมาพร้อมกับพูด  

“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้หรอก ตอนนี้เขาไม่สูบบุหรี่แล้ว” คุณแม่จี้รีบปฏิเสธ   

กล้องยาสูบ 2 อันนี้ดูแล้วน่าจะเป็นของดี  

 

“เอาไปให้คุณพ่อเถอะนะคะ แค่ท่านเห็นแล้วมีความสุข มันก็คุ้มค่าแล้วค่ะ” ซูตานหงกล่าว   

เมื่อกลับขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง คุณแม่จี้ก็มีของติดไม้ติดมือไปไม่น้อย รวมทั้งลูกอมมันหมู ลูกอมรสนม และเป็ดปักกิ่ง   

เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมา คนงานที่แบกรับภาระหนักก็ได้รับของฝากต่าง ๆ แม้จะไม่ได้เป็ดปักกิ่งเหมือนญาติของเขา แค่ได้รับลูกอมตรากระต่ายขาว 1 ห่อ ครอบครัวของพวกเขาก็มีความสุขมากแล้ว   

แม้ว่าชีวิตของแต่ละครอบครัวจะดีขึ้นมากในช่วง 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างประหยัด นอกจากนี้ลูกอมตรากระต่ายขาวยังสามารถนำไปขายได้ อย่างน้อยการเดินทางกลับมาจากท่องเที่ยวของจี้เจี้ยนอวิ๋นและซูตานหงในครั้งนี้ ก็ทำให้เด็ก ๆ ในหมู่บ้านได้ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข   

“เมื่อไหร่คุณอาจะเชือดหมูเหรอครับ ให้ผมไปต้อนหมูได้ไหม?” จี้เฟิงเดินเข้ามาพูด   

ซูตานหงนำลูกอมตรากระต่ายขาวออกมาให้ เมื่อเด็กคนนี้เข้ามาทำงาน

“ได้สิ อีกไม่กี่วันไว้อาจะไปเรียก” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว  

จากนั้นเขาก็ขับรถสามล้อออกไปส่งเป็ดปักกิ่งให้แม่ยาย ตลอดจนญาติและเพื่อนคนอื่น ๆ  

ครั้งนี้เขาขนของฝากกลับมาไม่น้อย แต่เมื่อแบ่งกันคนละนิดละหน่อยก็เหลือไม่มากแล้ว ทว่าการเดินทางไปปักกิ่งและนำของแปลกใหม่บางอย่างกลับมาแบ่งปันกันไม่ใช่เรื่องใหญ่   

จี้อวิ๋นอวิ๋นเองก็ได้เป็ดมาหนึ่งตัว   

“คราวที่แล้วแม่ไม่ได้มาเยี่ยมเธอ เพราะว่าพี่ยุ่งมากเลยไม่ได้บอกแม่” แม้จะไม่จำเป็นต้องอธิบาย แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังคงพูดออกมา 

 

“พี่สามไม่สนใจเรื่องของฉันจริง ๆ สินะ ถึงลืมมันไปได้!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดขึ้น หลี่จื้อเดาถูกจริงด้วย   

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่สนใจเธอ และทิ้งเป็ดย่างไว้ให้ก่อนจะจากไป  

“พี่สามไม่ได้เอาไก่มาให้ฉันอีกสัก 2 ถึง 3 ตัวเหรอ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้หยิบของออกมาจากในรถต่อ จึงเอ่ยถามขึ้น  

 

เมื่อหลี่จื้อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก  

 

“พี่สามอย่าไปฟังหล่อนเลย วันนี้จะกลับเลยเหรอครับ? ดื่มชาสักถ้วยแล้วค่อยไปเถอะ” หลี่จื้อกล่าว  

“ไม่เป็นไร ฉันต้องไปส่งเป็ดย่างให้เหล่าฉินอีก เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมรบกับฉันน่ะ พวกเขาเปิดร้านอยู่ใกล้ตลาดข้างหน้า นายปั่นจักรยานไป 10 นาทีก็ถึง ถ้าอวิ๋นอวิ๋นอยากกินไก่กับไข่ก็ไปซื้อที่นั่น พวกมันมาจากภูเขาของฉันนั่นแหละ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตบไหล่เขาเบา ๆ แล้วพูด   

“ได้ครับ!” หลี่จื้อพยักหน้า  

เมื่อส่งจี้เจี้ยนอวิ๋นออกไปแล้ว หลี่จื้อก็ไม่ได้กลับเข้าบ้าน แต่ตรงไปยังสำนักงาน ในใจของเขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของจี้เจี้ยนอวิ๋นที่เอาเป็ดปักกิ่งมาให้ แต่เป็นเพราะภรรยาของเขา หลี่จื้อไม่เข้าใจเลยว่าทั้งที่บ้านพ่อตาทุกคนต่างก็เป็นคนดี ทำไมภรรยาของเขาถึงคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้?   

อีกอย่าง เขาเลี้ยงดูหล่อนไม่ดีเหรอ ถึงได้คิดรบกวนทางบ้านมารดาของหล่อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน?   

ทางด้านเหล่าฉิน เมื่อได้รับเป็ดปักกิ่งก็ดีใจเป็นอย่างมาก “ตอนที่อยู่ในค่ายยังเคยได้ยินเจ้าพวกโง่นั่นคุยโวเรื่องปักกิ่ง แต่ตอนนี้นายจะไปไหนก็ได้ทุกที่แล้ว”   

“นายก็หาเวลาพาภรรยาไปเที่ยวบ้างสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม

แม้จะเหนื่อย แต่ความรู้สึกยามได้ออกไปเที่ยวข้างนอกนั้นแตกต่างกัน ก่อนจะออกจากที่นั่น เขายังพูดถึงหลี่จื้อและขอให้เหล่าฉินลดราคาให้ชายหนุ่มแล้วค่อยมาเก็บเงินส่วนต่างจากบัญชีของเขา   

ทว่าเหล่าฉินไม่ใส่ใจนัก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพูดออกมาตามตรง ไก่ตัวหนึ่งจะราคาสักเท่าไหร่กัน เมื่อหลี่จื้อมาซื้อเขาจะขายให้เท่าราคาต้นทุน

…………………………………………………………………………………………………………………………

ลูกอมนมชื่อดัง ด้านนอกเป็นแผ่นแป้งบาง ๆ รับประทานได้ (จาก https://www.sohu.com/a/291493489_100297810)

ลูกอมท้องถิ่นของมณฑลกว่างตง ทำมาจากน้ำมันหมู แป้ง และน้ำตาล (จาก https://www.sohu.com/a/350493232_566962)

สารจากผู้แปล

บ้านสามเป็นครอบครัวเจ้านายที่ดีจริง ๆ ค่ะ ถ้าได้เป็นลูกจ้างก็คือทำงานถวายหัวแน่

เป็ดปักกิ่งก็ได้ไปแล้ว ยังจะเอาไก่อีก เป็นเปรตกลับชาติมาเกิดหรือไงยัยอวิ๋นๆ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท