ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 237 เปลี่ยนคนดูแลสวนบนภูเขา

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 237 เปลี่ยนคนดูแลสวนบนภูเขา

ปีนี้เป็นปีที่ทุกคนฉลองปีใหม่กันอย่างมีความมีสุขมาก โดยเฉพาะหลายครอบครัวที่มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เพราะพื้นที่นี้มีการเปิดโรงงานเสื้อผ้าหลายแห่ง และต้องการคนเป็นจำนวนมาก ซึ่งคนงานที่กำลังมองหาก็คือคนในพื้นที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ใครที่อายุถึงก็ได้รับเข้าทำงานหมด

ต่อให้เงินเดือนไม่ได้เยอะมากมาย แต่ถ้าทำได้ดี เดือนหนึ่งก็อาจจะได้ถึง 23 ถึง 24 หยวน เงินเท่านี้สำหรับจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ถือว่าเยอะ แต่สำหรับคนอื่น ๆ เงินเดือนขนาดนี้นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

เพราะเงินจำนวนนี้โดยพื้นฐานแล้วก็สามารถหามาเก็บไว้ได้อย่างง่ายดาย

โรงงานเสื้อผ้านั้นสามารถทำเงินได้อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังก็มีการสร้างขึ้นมาอีกโรงงานหนึ่งและต้องการคนอีกมาก ค่าจ้างของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น 1 ถึง 2 หยวน ซึ่งทำให้คนงานที่ไปทำงานตัดด้ายและทำเสื้อผ้ามีความสุขมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีใหม่นี้ที่โรงงานของพวกเขายังจ่ายเงินอุดหนุนเงินเดือนพิเศษครึ่งเดือนอีกด้วย ทำให้มันเป็นปีที่ดีสำหรับพวกเขาที่จะกลับบ้านและมุ่งมั่นที่จะตั้งใจทำงานในปีต่อมา

หนุ่มสาวที่ไปทำงานก่อนหน้านั้นก็พากันยินดีปรีดา

ไม่ต้องพูดถึงหมู่บ้านอื่น ๆ เลย ผู้คนจำนวนมากในหมู่บ้านนี้ก็เข้ามาทำงานที่โรงงานเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับสวัสดิการจากจี้เจี้ยนอวิ๋นได้

อย่างไรก็ตามผู้คนในหมู่บ้านร่ำรวยขึ้นมากเพราะแรงผลักดันของจี้เจี้ยนอวิ๋นอย่างเห็นได้ชัด มันเทศคือรายได้หลักในทุกปี และทางด้านของซูจิ้นตั๋งยังต้องการผักและผลไม้สดจำนวนมากเพื่อส่งขาย ซึ่งเขาจะเข้ามาซื้อในหมู่บ้านนี้เป็นที่แรก

ช่วงนี้จึงเป็นช่วงของงานชั่วคราว ทุกปีมีงานชั่วคราวไม่น้อยเลย ถึงแม้จะได้เงินไม่เยอะ แต่มันก็เงินที่สำคัญ โดยทั่วไปแล้วก็สามารถหางานทำได้ง่ายเพราะงานทำสวนคืองานหลักของครอบครัว

แต่ในหมู่บ้านมีอยู่สองครอบครัวที่ฐานะไม่ดีนัก เนื่องจากการทำสัญญาพื้นที่บนภูเขา สองครอบครัวที่อยู่ในหมู่บ้านนี้อันที่จริงก็มีฐานะที่ค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากการทำสัญญาสวนผลไม้ได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง จึงมีความขัดสนตามมาบ้าง

ตระกูลหนึ่งคือตระกูลของเหล่าหม่าที่อยู่หน้าหมู่บ้าน ส่วนอีกตระกูลคือตระกูลของเหล่าไช่ที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน

ตระกูลหม่ากับจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน พวกเขาเป็นคนที่อื่นที่มาตั้งรกรากที่นี่ แต่ตระกูลไช่นั้นแตกต่างออกไป เพราะน้าไช่นั้นเป็นแม่สื่อให้กับจี้อวิ๋นอวิ๋น

เพียง 5 วันหลังจากชาวบ้านเฉลิมฉลองปีใหม่ปีนี้อย่างมีความสุข น้าไช่ก็มาหาคุณแม่จี้ “พี่คะ ปีนี้เจี้ยนอวิ๋นจะทำสัญญาสวนผลไม้อีกไหม?”

คิดว่าคุณแม่จี้เป็นใครกัน นางฟังเพียงประโยคเดียวก็เข้าใจได้ในทันที เลยพูดขึ้นว่า “เธอจะพูดถึงสวนผลไม้ของลุงเธอใช่ไหม”

“อันที่จริงฉันว่าจะมาเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ในช่วงปีใหม่ ตอนนี้ขอถามเลยแล้วกันค่ะ เมื่อวานก็ย้ำไปรอบหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอคะพี่สาว?” น้าไช่เอ่ย

เพราะนางเป็นแม่สื่อให้จี้อวิ๋นอวิ๋นได้ดีมาก เลยกล้าพอที่จะแบกหน้ามาหาคุณแม่จี้ แต่ปกติแล้วน้าไช่มักจะพึ่งพาตัวเองและไม่ค่อยชอบทำอะไรแบบนี้

“ไม่ใช่ว่าฉันเคยบอกไปแล้วเหรอ ว่าสวนของลุงเธอฉันดูแลไม่ไหว” คุณแม่จี้ตอบกลับไป

น้าไช่เลยพูดขึ้นว่า “เนินเขาของพวกเราตรงไหนที่ดูแลไม่ไหวกันคะ? เนินเขานี้ตอนแรกพี่จี้ก็ยุ่งมากแต่ยังดูแลไหว แถมยังมีของคุณลุงข้างบ้านนั่นอีก ไม่เหมือนกันหรือคะ? ใครจะไปคิดว่าวันนี้ภูเขาลูกนั้นจะดูเขียวขจีขนาดนี้ พูดตามความจริงก็คือเจี้ยนอวิ๋นเป็นคนมีความสามารถ ส่วนตานหงก็เป็นผู้หญิงดวงค้ำจุนสามี ทำให้คนอื่นอิจฉากันไม่น้อย!”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณแม่จี้นั้นชอบฟังประโยคนี้มาก แต่ก็ยังคงยิ้มอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “มันไม่ได้ดีอะไรอย่างที่เธอพูดหรอก ก็แค่มีโชคแค่นั้นเอง”

“ที่ฉันพูดไปก็คือสิ่งที่คนในหมู่บ้านไม่ยอมพูดออกมานั่นแหละค่ะ แล้วหมู่บ้านอื่น ๆ เขาก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้น เจี้ยนอวิ๋นก็มีความสุข ซูตานหงก็เกิดมาทำให้สามีเจริญ การดูแลของหล่อนทำให้เจี้ยนอวิ๋นโชคดีทั้งกายทั้งใจเลยทีเดียว” น้าไช่กล่าว

คุณแม่จี้ยิ้มและพูดออกมา “แต่เธอก็รู้เรื่องที่เขาเปลี่ยนมือดูแลสวนผลไม้นี่ เรื่องที่ป้าของเจี้ยนอวิ๋นทำเอาไว้น่ะทำให้เขาเฉยชากับเรื่องนี้ไปเลย”

เมื่อน้าไช่ได้ยินเช่นนั้นก็ถ่มน้ำลาย แล้วก่นด่าขึ้นมาเบา ๆ “ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของนังนั่นแล้ว ตอนที่เราเป็นสาว ๆ หล่อนก็เป็นคนไร้คุณธรรม เห็นใครดีกว่าไม่ได้ จิตใจก็ไม่เคยคิดดี ดูสภาพตอนนี้ของหล่อนสิ อยู่บ้านคนเดียว ไม่มีใครสนใจเลยสักคน!”

หลังจากที่ป้าหลี่ได้เห็นจี้เจี้ยนอวิ๋นเข้าครอบครองสวนผลไม้ของนาง นางก็จะพูดถึงเขาว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้สารพัด เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะคืนสวนให้ตน น้าไช่เองก็ได้ยินเช่นนั้น นอกจากถ่มน้ำลายใส่แล้วก็ไม่ได้สนใจอีก

ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แต่ยังมีคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านด้วย พอพวกเขาได้ยินที่ป้าหลี่พูดแบบนั้นก็มองเป็นเรื่องตลก

มีใครไม่รู้บ้างว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นตรงไปตรงมากับคุณลุงจี้ขนาดไหน ถึงได้พูดกับคุณลุงจี้ไปว่ามันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว แถมยังคืนค่าธรรมเนียมการทำสัญญาให้กับครอบครัวนั้นเป็นจำนวนมากอีกด้วย

แต่ในเมื่อสวนผลไม้นี้ตกมาอยู่ในมือของจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้ว นางจะมาเกี่ยวข้องอะไรได้อีก?

เขาถอนกล้าพันธุ์ชุดเก่าออก ซื้อกล้าพันธุ์ใหม่มาปลูก และจ้างคนมากมายเพื่อรดน้ำและใส่ปุ๋ย แล้วบ้านนั้นมาเกี่ยวอะไรด้วย?

อีกอย่างสามีและลูกชายคนโตของนางก็ยังทำงานแลกเงินเดือนกับเขาอยู่เลย เงินเดือนสำหรับ 2 คน ก็เท่ากับ 60 หยวน แบบนี้แล้วยังกล้าไปพูดว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ดีอีกงั้นเหรอ!

“ตอนที่มีเรื่อง ฉันมองว่าเจี้ยนอวิ๋นน่าจะไม่ได้อยากรับช่วงต่อจากใคร ถ้ามีเรื่องขึ้นมาก็คงจะวุ่นวาย ไปทำสัญญาโดยตรงที่หมู่บ้านดีกว่า ยังมีเนินว่างอีกมาก” คุณแม่จี้กล่าว

น้าไช่รีบพูดต่อทันที “พี่คะ ฟังที่ฉันพูดนะ ครอบครัวของลุงฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ในเมื่อเจี้ยนอวิ๋นอยากจะทำสวนผลไม้ ก็ให้เจี้ยนอวิ๋นลองเอาไปคิดดูสักหน่อย ตอนนี้เขาจัดการสวนไม่ได้แล้วอยากจะขายต่อ เจี้ยนอวิ๋นให้เงินนิดเดียวก็ได้ แค่อย่าให้มันน้อยเกินไปก็พอ”

คุณแม่จี้ตอบ “งั้นฉันจะลองช่วยพูดให้ดู เพราะเธอเป็นคนพูดหรอกนะฉันถึงได้ยอมช่วยพูดให้ ถ้าเป็นคนอื่นฉันจะไม่ตอบรับแบบนี้แน่นอน”

“ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันเองก็แบกหน้ามาพูดเหมือนกัน” น้าไช่กล่าวอย่างยิ้ม ๆ

นางเองก็รู้ว่าถ้าคุณแม่จี้ยอมที่จะพูดกับเจี้ยนอวิ๋น แสดงว่าเรื่องนี้ใกล้เป็นความจริงแล้ว

เมื่อน้าไช่กลับไป นางก็รีบตรงไปยังบ้านของลุงตัวเองทันที

“เป็นไงบ้าง” ป้าสะใภ้เอ่ยถาม

“ป้าสะใภ้ ฉันพูดไปหมดแล้ว ฉันเริ่มด้วยที่เรื่องแย่ ๆ ก่อน ถ้าเกิดว่าสวนของป้าตกอยู่ในมือของเจี้ยนอวิ๋นแล้วป้าไปพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเขา ฉันจะเป็นคนแรกที่จะให้เรื่องนี้ไม่จบด้วยดี” น้าไช่กล่าว ที่ผ่านมานางออกตัวเป็นคนไปพูดเอง ถ้าเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาทีหลังก็จะทำให้ชื่อเสียงของนางป่นปี้ไม่มีชิ้นดี !

“จะไปทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ พวกเราไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้น หน้าเธอก็คงจะไม่เหลืออยู่บนบ่าแล้วล่ะ” ป้าสะใภ้ไช่กล่าว

น้าไช่พยักหน้า “งั้นก็เตรียมตัวเถอะค่ะ ฉันคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

“ไม่รู้ว่าตอนที่สวนผลไม้รับสมัครคน จะให้หลานชายไปทำงานด้วยได้ไหม?” ป้าสะใภ้ไช่กล่าว

“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้ด้วยแล้ว ให้คุณลุงไปคุยกับเจี้ยนอวิ๋นเองแล้วกัน แต่ถ้าให้ฉันเดา จ๋านกั๋วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะเขาเป็นคนขยัน ส่วนจ๋านเฟยฉันมองว่าไม่รอด” น้าไช่คิดไปพูดไป

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มีสัญญาสวนผลไม้มาเพิ่มอีกแล้ว จะรับไว้หรือจะเทดีคะเจี้ยนอวิ๋น แล้วสวนนี้เป็นของครอบครัวน้าไช่ด้วย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท