ตอนที่ 248 เป็นโชคแก่สามีและลูกชาย
ที่จี้เจี้ยนอวิ๋นรับตัวแม่ยายมา สาเหตุหลักเพียงแค่อยากให้นางได้พักผ่อนสัก 2 ถึง 3 วัน แต่แม่ยายของเขากลับไม่เกียจคร้าน หากให้นางอยู่บ้าน สู้ปล่อยให้นางไปคุยกับแม่ของเขาบนภูเขาจะดีกว่า
สองพี่น้องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์นั้นดีขึ้นทุกปี
และตามคำบอกเล่าของแม่ยาย เมื่อได้มองดูผลไม้บนภูเขา ในใจของนางช่างสบายอกสบายใจยิ่งนัก นางจึงมีความสุขที่ได้ขึ้นไปบนภูเขา
ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงปล่อยนางไป
แต่เห็นได้ชัดว่าเพียงไม่กี่วันที่มาพักแม่ยายของเขานั้นอารมณ์ดีมาก เหรินเหรินกับฉีฉีก็ชอบนางเช่นกัน กระทั่งนางกําลังจะกลับก็ตัดใจจากนางไม่ได้
หลังจากอยู่ได้เพียง 3 วัน คุณแม่ซูก็กลับไป จี้เจี้ยนอวิ๋นขับรถไปส่ง พร้อมกับหยิบแตงโมลูกใหญ่กับไก่ 1 ตัว ให้แม่ยายนำไปบํารุงร่างกาย
จากนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็เข้าสู่ฤดูผลกาลไม้ที่วุ่นวายรอบใหม่ ในตอนนี้เชอร์รี่ของครอบครัวเขาเติบโตเต็มที่แล้ว สายพันธ์ุที่ครอบครัวเขาปลูกค่อนข้างโตช้า ได้ยินว่าบางที่ออกสู่ตลาดเร็วกว่า ว่ากันว่าจะออกวางขายในเดือนมีนาคมและเมษายน แต่ที่อยู่บนภูเขาของพวกเขาน่าจะเป็นปัญหาเรื่องหลากหลายสายพันธุ์ จึงออกผลผลิตค่อนข้างช้า และโตในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนเท่านั้น
แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกว่าถึงอย่างนั้นเชอร์รี่ของเขาก็ดีที่สุด
ครั้นเชอร์รี่สุกแล้ว ผู้ที่มีความสุขที่สุดก็คือฉีฉี
เจ้าเด็กคนนี้ชอบกินเชอร์รี่เป็นชีวิตจิตใจ แถมยังมีฝีมืออีกด้วย เวลากินเชอร์รี่จะพ่นเมล็ดออกมา จึงไม่ต้องกังวลว่าเขาจะสำลัก
เมื่อเห็นว่าเขารู้วิธีกิน ซูตานหงก็ไม่สนใจเขา
เธอไม่ควบคุมลูก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหรินเหรินหรือฉีฉี เธอจะให้อิสระแก่พวกเขาสองพี่น้องอย่างมาก เพื่อที่พวกเขาจะได้ดูแลตัวเอง
ชาติที่แล้วแม่ของเธอสอนพี่ชายของเธอเช่นนี้ ดังนั้นนิสัยของบรรดาพี่ชายจึงค่อนข้างป่าเถื่อน แม้ว่าจะเดินอย่างสุภาพ แต่ก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ส่วนตัวเธอนั้นกลับอ่อนแอกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม่ของเธอไม่ปล่อยให้เธอออกไปข้างนอกมากนัก และขอให้เธอรอการแต่งงานโดยที่ไม่ต้องออกไปนอกประตู
เมื่อนึกถึงชีวิตที่แล้ว ซูตานหงส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ
เป็นเพราะการศึกษาของชาติก่อนนั้นเข้มงวดเกินไป ดังนั้นเธอจึงอ่อนแอและถูกฝนในฤดูใบไม้ร่วงคร่าชีวิตไป
ในชีวิตนี้หากเธอมีบุตรสาว เธอจะต้องเลี้ยงดูอย่างเสรี เพื่อให้ลูกสาวสามารถอยู่ได้อย่างอิสระและไม่ถูกจำกัดจากโลกภายนอก เหมือนกับพวกพี่ชาย
เธอคิดอย่างนั้น และรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา
ซูตานหงยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ในตอนแรก เพราะเธอกับจี้เจี้ยนอวิ๋นคุมกําเนิดอยู่บ่อยครั้ง เธออยากมีลูก ทว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นขอให้เธอค่อย ๆ รอจนกว่าฉีฉีจะโตขึ้นก่อนค่อยว่ากัน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทำลายสุขภาพของเธอด้วย
ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงอยู่หลายครั้ง
บวกกับช่วงนี้อากาศข้างอับชื้น เห็นได้ชัดว่าฝนกําลังจะตก แต่เธอจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย
ทว่าช่วงนี้ความอยากอาหารของเธอเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมารู้สึกว่าตัวเองกินได้มากขึ้น โดยเฉพาะชอบกินเชอร์รี่ เหรินเหรินกับฉีฉีสองพี่น้องต้องหิ้วกลับมาให้เธอกินเป็นจำนวนมากทุกวัน และเธอคนเดียวก็สามารถกินมันได้ทั้งหมด
และเธอไม่เพียงแค่กิน แต่ยังนอนหลับด้วย
ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ผิวพรรณของเธอก็เปล่งปลั่งดูดีขึ้น ช่วงนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยุ่งมาก แต่ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้านเจอภรรยาก็ชอบเป็นพิเศษ ท่าทางแบบนี้น่าเอ็นดูมาก มองแล้วทําให้คนอารมณ์ดี
ระหว่างกินอาหารเย็น ซูตานหงก็กินข้าวไป 2 ชาม และดื่มซุปหัวปลา 1 ชาม แน่นอนว่าในระหว่างมื้ออาหารก็กินของอย่างอื่นเข้าไปมากมาย
ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
เหรินเหรินกับฉีฉียังไม่คิดเรื่องนี้ แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับเห็นเข้า แม้ตอนแรกยังไม่ทันได้สังเกต แต่ตอนนี้เขากลับให้ความสนใจเป็นพิเศษ
จากนั้นก็เริ่มหวนนึกถึงช่วงนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว เพราะเขาคิดถึงภรรยามากเป็นพิเศษ จึงฉวยโอกาสที่เจ้าลูกชายทั้งสองขึ้นไปเล่นบนภูเขาตอนกลางวันแสก ๆ ลากภรรยาของเขามาก่อกวนอยู่ 2 รอบ เนื่องจากคิดถึงมากเกินไป จึงไม่มีเวลาใส่ของสิ่งนั้น
ดังนั้นจะไม่มีปลาที่เล็ดลอดผ่านตาข่ายไปเชียวหรือ?
จี้เจี้ยนอวิ๋นอยากจะหัวเราะ เดิมทีก็กังวลอยู่บ้าง แต่พอเห็นท่าทางของภรรยาที่ผิวพรรณแดงระเรื่อมีเลือดฝาด เขาก็โล่งใจ และเมื่อเขาโล่งใจ เขาก็มีความสุข
คราวนี้เขาเป็นคนล้างจานและเก็บตะเกียบ ส่วนภรรยาของเขาพาลูกชายทั้งสองพร้อมกับต้าเฮยที่กินอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้วออกไปเดินเล่น
ซูตานหงย่อมไม่รู้ความคิดในใจของสามี แต่สําหรับความคิดของเขาที่จะทํางานบ้าน แน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธ
เธอพาเหรินเหริน ฉีฉีและต้าเฮยไปยังสวนผลไม้แห่งที่ 3 ปกติเวลานี้พวกเขาสามแม่ลูกจะใช้เวลารดน้ำต้นไม้ที่สวนผลไม้แห่งที่ 3 สองคนพี่น้องกำลังรดน้ำด้วยกัน แต่ละคนถือบัวรดน้ำอันเล็กเอาไว้
เมื่อสามคนแม่ลูกกับต้าเฮยขึ้นมา จี้กวงซงและไช่จ่านกั๋วยังคงรดน้ำต้นไม้ผลไม้อยู่
ซูตานหงพาสองพี่น้องรดน้ำพุวิเศษลงไป เธอไม่ค่อยได้มาบ่อย แต่นาน ๆ ทีจะเข้ามาดูตลอด
จี้กวงซงกับไช่จ่านกั๋วไม่สนใจ เพราะนี่เป็นสวนผลไม้ของบ้านเธอ เป็นเรื่องปกติที่เถ้าแก่เนี้ยอย่างเธอจะมาเยี่ยม
“พี่สะใภ้วางใจได้ ผมรู้สึกว่าสวนผลไม้แห่งนี้จะสามารถเติบโตได้ในปีนี้ครับ” จี้กวงซงบอกกับเธอ
“ต้องปลูกขึ้นสิ” ซูตานหงยิ้ม
“ทุกคนในหมู่บ้านบอกว่าเป็นพี่สะใภ้ที่นำความโชคดีและความเจริญรุ่งเรืองมาให้ ตอนแรกผมไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วครับ” จี้กวงซงก็ยอมรับเช่นกัน
เดิมทีเมื่อเขามาทํางานนี้ ความจริงแล้วเขาก็เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากตระกูลไช่ไม่ได้ดูแลสวนผลไม้ แต่ใครจะรู้ เมื่อถึงมือพี่เจี้ยนอวิ๋นของเขา มันกลับมีสัญญาณของการเจริญเติบโตขึ้น
เมื่อมองดูท่าทางพี่สะใภ้ตานหงของเขา ดูแล้วมันคงไม่ด้อยไปกว่านี้
ซูตานหงยิ้ม เมื่อเห็นว่าเขากับไช่จ่านกั๋วรดน้ำเสร็จแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขากลับไปก่อน เหรินเหรินกับฉีฉีกําลังถอนหญ้าอยู่ ซูตานหงจึงต้องรอพวกเขาทั้งคู่
เมื่อสองพี่น้องเล่นกันจนเกือบเสร็จแล้ว ซูตานหงจึงพาพวกเขาลงจากภูเขา
มีต้าเฮยอยู่ด้วย เธอไม่กังวลเลยว่าจะมีคนไม่มีตากล้ามาล่วงเกิน และนี่ก็ยังอยู่ในหมู่บ้านของพวกเขา แต่พอลงจากภูเขาก็เห็นจี้เจี้ยนอวิ๋นเดินมาทางนี้ ฉีฉีจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเป็นคนแรก
ครอบครัว 4 คนและอีกคนที่อยู่ในท้องรวมเป็น 5 กลับบ้านด้วยกัน
ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับชาวบ้านมากมายบนถนน สายตาของพวกเธอเพ่งมองไปที่ซูตานหง
มองแล้วก็ต้องทอดถอนใจ คนเหมือนกันแต่มีชะตากรรมต่างกัน ไม่อยากยอมรับเลยจริง ๆ แต่ดูภรรยาของจี้เจี้ยนอวิ๋นสิ เธอช่างสูงส่งจริง ๆ เมื่อคนอื่นมีชะตาชีวิตเช่นนั้น พวกเธอจะพูดอะไรได้อีก?
เมื่อเห็นสวนผลไม้แห่งที่ 3 นี้กลับมาฟื้นขึ้นอีกครั้ง เป็นเรื่องจริงที่ภรรยาของเจี้ยนอวิ๋นนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ ตระกูลไช่ไม่อาจจัดการสวนผลไม้ได้ เมื่อมาถึงมือของครอบครัวเธอ เธอก็เดินไปดูเป็นครั้งคราว เพื่อนำพาความเจริญขึ้นไปให้ จากนั้นจึงมีสัญญาณของการเติบโต
นี่ช่างเป็นโชคของสามีและลูกชายจริง ๆ
และนี่ก็เป็นหัวข้อที่ครึกครื้นที่สุดในหมู่บ้าน จากนั้นหลายครอบครัวที่ลูกชายในหมู่บ้านยังไม่ได้แต่งงานก็เสียใจที่คุณแม่ซูให้กำเนิดลูกสาวเพียงคนเดียวในหมู่บ้านซูเจีย ถ้าคลอดอีกสัก 2 ถึง 3 คน ต่อให้สินสอดทองหมั้นแพงแค่ไหน พวกนางก็ยอมกัดฟันสู่ขอสะใภ้ผู้มีบุญญาธิการเช่นนี้สักคน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท้องที่สามมาแล้ว คราวนี้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายน้า
ไหหม่า(海馬)