ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 252 ต่อไปนี้ผมจะมารับคุณเอง

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 252 ต่อไปนี้ผมจะมารับคุณเอง

“ย่าคะ หนูยังเด็กอยู่เลยนะคะ” หยางต้าหยาเอ่ยทั้งหน้าแดงเรื่อ

“เท่าที่รู้มา กวงซงยังไม่อยากแต่งงานเร็ว ๆ นี้หรอก เขาตั้งใจจะรออีก 3 ถึง 5 ปี ถ้า 5 ปี นานไป 3 ปีก็ไม่นานนัก ต่อให้แค่ 3 ปี ตอนนั้นหลานก็อายุ 18 ปีแล้ว ถึงวัยแต่งงานได้พอดี” คุณป้าหยางบอก

“งั้นค่อยคุยเรื่องนี้อีก 3 ปีไม่ได้เหรอคะ?” หยางต้าหยามีท่าทีเขินอาย

“เด็กโง่ ถ้าหลานนึกดูดี ๆ ต้องรีบตกลงปลงใจทันทีแน่ ไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นที่ต้องตาต้องใจของสาว ๆ ในหมู่บ้านแค่ไหนน่ะ?” คุณป้าหยางเอ่ย

เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะฝ่ายนั้นมีลูกชายคนเดียว ซ้ำพื้นเพครอบครัวก็ดีพร้อม อีกทั้งยังไม่เคยแต่งภรรยามาก่อน นับว่าเป็นเรื่องดีมาก หากได้ให้กำเนิดลูกชาย ชีวิตที่เหลือจะสุขสบายขนาดไหนล่ะ? มีอะไรให้ต้องเสียใจกัน?

“หนูก็มีคนมาจีบเยอะเหมือนกันนะคะ” หยางต้าหยาว่าขึ้นเสียงค่อย

คุณป้าหยางหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางลูบศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดู “พอไปอยู่ในเมืองก็เถียงเก่งขึ้นเยอะเลยนะ ไม่หัวอ่อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็ดีแล้ว หลานสาวคนโตของย่าเป็นที่หมายปองขนาดนี้ แต่หลานก็ต้องเลือกคนดี ๆ จากบรรดาพวกเขานะ และก็ต้องเริ่มดู ๆ ไว้ให้เร็วที่สุดด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะพลาดเจอผู้ชายดี ๆ ได้”

หยางต้าหยายังคิดวนเวียนกับเรื่องนี้หลังออกมาจากบ้านย่า เธอใจลอยไปครู่ใหญ่จนเดินชนกับใครสักคนเข้า

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

หยางต้าหยาเอ่ยออกมาทันที

ทันทีที่เงยหน้ามอง เธอก็เห็นจี้กวงซงที่แม้ไม่ได้หล่อเหลาแต่ก็แข็งแรงสมชาย เมื่อนึกถึงคำที่ย่าบอกกับเธอ ก็ชวนให้ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

“สาวน้อย วันนี้กลับมาบ้านเหรอ?” จี้กวงซงมีท่าทีสุขุม และถามเธอ

“ค่ะ” หยางต้าหยาคิดว่าเขาตั้งใจออกมาที่นี่เพื่อดักพบเธอ และมันทำให้เธอเขินอายไม่น้อย เธอเหลือบมองเขาและบอก “บ้าน… ยังมีงานต้องกลับไปทำที่บ้าน ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“ครับ” จี้กวงซงพยักหน้ารับ

เขาคิดในใจว่าไม่ได้เจอหลานสาวตระกูลหยางมาตั้งนาน เธอดูสะสวยขนาดนี้ได้อย่างไรกันนะ? ผิวพรรณขาว ท่าทางอ่อนโยน ดูสะอาดสะอ้าน เพียงแค่อายุน้อยไปเสียหน่อย

จี้กวงซงยังไม่ได้คิดการใหญ่ถึงขั้นนั้น เขาไม่เคยนึกถึงเลยด้วยซ้ำ ในสายตาของเขา เธอเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังเด็กเท่านั้น

เขาไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ จนกระทั่งไปหาพี่ชายของเขาอย่างเจี้ยนอวิ๋น

เป็นจี้เจี้ยนอวิ๋นที่เรียกเขามาหา เมื่อเจี้ยนอวิ๋นรู้เรื่องนี้ เขาก็ยิ้มและเอ่ย “ฉันว่าฉันเห็นสาวน้อยคนหนึ่งมาแถวนี้ไม่ใช่เหรอ? เธอน่าจะเพิ่งกลับไป นายน่าจะบังเอิญเจอเธอนะ”

“ผมบังเอิญเจอเธอจริงครับ บอกไม่ถูกว่าคิดยังไงเหมือนกัน เธอเดินชนผมทั้งที่ผมอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ เฉยเลย” จี้กวงซงบอก

“แสดงว่าพวกเธอน่าจะชะตาต้องกันอยู่นะ” ซูตานหงบอกพร้อมรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“พี่สะใภ้ครับ” จี้กวงซงขึ้นเสียงและว่าขึ้น “ถ้าเธอชะตาต้องกับผมจริง มันก็คงจะดีมากครับ ผมว่าเธอก็ดูน่ารักดี”

“ไหน ๆ นายก็มองว่าเธอน่ารักดีแล้ว คิดจะลองทำความรู้จักดูก่อนไหมล่ะ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

จี้กวงซงท้วงขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย เขาชะงักไป ก่อนยิ้มออกมา “พี่สาม อย่าล้อเล่นสิครับ ตอนนี้ต้าหยาอายุเท่าไหร่เอง? เธอยังเด็กอยู่เลย เห็นผมเป็นตาเฒ่าตัณหากลับเหรอครับ”

“ถ้านายชอบเธอ จะหมั้นไว้ก่อนก็ได้นี่ ส่วนเรื่องแต่งงาน รอสัก 3 ถึง 5 ก็ยังไม่สาย อีก 3 ปี เธอก็จะอายุ 18 นายก็จะอายุ 23 ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนี่ จริงไหม?” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

จี้กวงซงโพล่งขึ้นทันที “นั่นมันเรื่องอีก 3 ปีข้างหน้า ยังเร็วเกินไปจะมาพูดตอนนี้ครับ”

“นายก็เห็นหลานสาวบ้านนั้นแล้วนี่ เธอสวยซะขนาดนั้น ผ่านไป 3 ปี เธอก็จะกลายเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ไม่รู้เหรอว่ามีผู้ชายในหมู่บ้านมาชอบพอเธอมากขนาดไหน? ถ้าพี่ชายอย่างฉันไม่ช่วย นายคิดว่าตัวเองจะจีบเธอติดเหรอ ซื่อบื้อหรือเปล่าเนี่ย?” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกกับเขา

จี้กวงซงอมยิ้มเมื่อนึกถึงภาพหยางต้าหยา เด็กสาวคนนี้ดูน่ารักมาก ผ่านไป 3 ปีจะต้องมีชายหนุ่มมาตามจีบเธอมากแน่ บางทีอาจมีหนุ่มในเมืองมาเทียวไล้เทียวขื่อกับเธอก็เป็นได้

“เธอยังอายุน้อยอยู่เลยนะครับ เธอจะกังวลเรื่องนี้หรือเปล่า?” หากแต่จี้กวงซงยังออกอาการเขินอายอยู่บ้าง เขาคิดว่าเด็กสาวยังอายุน้อยเกินไป มันเป็นประเด็นเล็กน้อยที่ติดอยู่

“นายยังไม่ต้องแต่งงานตอนนี้เสียหน่อย แต่เป็น 3 ปีข้างหน้าต่างหาก ถ้าเข้ากันได้ดี นายก็ไปจัดการเรื่องนี้เอง เอาละ นายกลับไปได้แล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่าจบ เขาก็ไล่อีกฝ่ายกลับไป

ทันทีที่จี้กวงซงกลับถึงบ้าน คุณแม่ของเขาก็ถามเขา จี้กวงซงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหงแนะนำเขาให้หยางต้าหยา

เมื่อได้ยินชื่อหยางต้าหยา คุณแม่ของเขาก็ดวงตาเป็นประกาย แม้นางจะไม่ต้องการก้าวก่าย แต่มันก็นับว่าเป็นเรื่องดี

นางรู้จักหยางต้าหยา หลายปีที่ผ่านมาลูกสาวคนโตของหยางอ้ายมู่กับหม่าฮุ่ยเติบโตขึ้นทีละนิด และเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ตอนนี้เธอช่วยงานที่ร้านของพี่รองของตานหง เดือนหนึ่งกลับมาไม่บ่อยนัก แต่เมื่อไม่นานมานี้นางเจออีกฝ่ายอยู่บ้าง ถึงได้เห็นว่าเธอเปลี่ยนไปมากขนาดไหน

เธอดูดีมากทีเดียว นางได้ยินว่าเธอตั้งใจทำงานที่ร้าน ทั้งยังมีรายได้มั่นคงทุกเดือน สมัยนี้เด็กสาวหลายคนพากันไปทำงานที่โรงงาน แต่นางกลับคิดว่าสิ่งที่ดีกว่าการเป็นสาวโรงงานก็คือการทำงานที่ร้านค้า

อย่างน้อยต้าหยาก็ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเด็กสาวที่ทำงานในโรงงาน เพราะถึงอย่างไรเธอก็ต้องคอยต้อนรับขับสู้ลูกค้าที่แวะเวียนมา ไม่ได้เอาแต่ทำงานในโรงงานโดยไม่ได้ใช้สมอง

“กวงซง แกคิดว่ายังไงล่ะ?” คุณแม่ของเขาถามลูกชาย

“เธอยังเด็กเกินไปครับ” จี้กวงซงยังคงยืนกรานเช่นเดิม หากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่มีความสุข

ผ่านไป 3 ปี เธอก็จะอายุ 18 ถึงตอนนั้นก็ไม่เด็กเกินไปแล้ว

“ถ้าไม่อยากให้สายไป แกก็รอจนกว่าเธอจะอายุ 18 ตอนนั้นแกก็จะอายุ 23 ถึงวัยที่จะแต่งงานพอดี” คุณแม่ของเขาเอ่ย

เดิมทีนางต้องการเร่งรัดกว่านี้ แต่เด็กสาวก็ยังอายุน้อยเกินไปไม่ใช่เหรอ? ตราบใดที่เธอเป็นคนดี ให้นางรออีก 3 ปีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ถึงอย่างไรตอนนี้ลูกชายนางก็อายุยังไม่มาก และเขายังไม่พร้อมแต่งงาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่ได้ลองดูใจกันก่อน

จี้กวงซงมีท่าทีเขินอายเล็กน้อยก่อนบอก “แม่จะเอายังไงเหรอครับ?”

“เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องนี้เอง ตอนเย็นต้าหยาจะกลับเข้าเมือง แกขี่จักรยานไปส่งเธอสิ” คุณแม่ของเขาแนะ

“ครับ” จี้กวงซงรับคำ

เย็นวันนั้นตอนที่หยางต้าหยามาถึงหน้าหมู่บ้าน จึงได้เห็นจี้กวงซงเข็นจักรยานมารอเธอ ใบหน้าเธอขึ้นริ้วแดงทันที

“ผมจะขี่ไปส่งเองครับ” จี้กวงซงยังเขินอายอยู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเก็บอาการได้อยู่แท้ ๆ เป็นเพราะว่าเด็กสาวคือว่าที่ภรรยาของเขาอย่างนั้นเหรอ?

“คุณไม่ได้ยุ่งอยู่เหรอคะ? ฉันกลับเองได้ค่ะ” หยางต้าหยาบอก

“ไปส่งคุณจะใช้เวลาขนาดไหนกันเชียว? คงพอ ๆ กับที่คุณกลับมานั่นแหละ” จี้กวงซงบอก

หยางต้าหยาจึงยอมให้เขามาส่งที่เมือง เขายังถามเธออีกว่าจะกลับบ้านอีกทีเมื่อไร และบอกว่าจะมารับ พร้อมกำชับไม่ให้เธอกลับเองคนเดียว

เมื่อสะใภ้รองซูเห็นจี้กวงซงมาส่งเธอจึงถามหยางต้าหยา หยางต้าหยามีอาการเขินไม่น้อย เธอบอกว่าเขาเป็นคนในหมู่บ้าน พี่สะใภ้อย่างตานหงเป็นคนแนะนำให้รู้จัก

สะใภ้รองซูกลัวว่าเธอจะถูกหลอกจึงบอกให้ซูจิ้นตั๋งกลับไปถาม เมื่อถามจนได้ความและได้รับการยืนยันจึงโล่งใจ

“เขาเป็นคนดี ขยันทำงาน ครอบครัวใช้ชีวิตสมถะ ดูภูมิฐานขึ้นเรื่อย ๆ แต่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่” ซูจิ้นตั๋งบอกกับสะใภ้รองซู

ถึงอย่างไรเขาก็อายุมากกว่าภรรยา

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ชะตาดอกท้อต้องกันแล้ว ถ้าถึงตอนนั้นจะรอรับสุรามงคลนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน