ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 257 สายฝนเทกระหน่ำ

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 257 สายฝนเทกระหน่ำ

อย่างไรก็ตามในตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่มีเวลามาคิดเรื่องเหล่านั้น ช่วงนี้ของทุกปีเขาต้องเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต เนื่องจากเดี๋ยวจะไม่ทันการเอาได้

เดือนกรกฎาคมเป็นช่วงที่งานรัดตัวมาก ข้าวในนากำลังออกรวงสวย แต่เห็นได้ชัดว่าสภาพอากาศไม่ค่อยดีนัก โชคดีที่คนงานที่เขาจ้างมาล้วนมีประสบการณ์ สำหรับงานเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นพวกเขาก็เชี่ยวชาญเช่นกัน

ดังนั้นในวันที่ 2 หลังจากที่เขากลับมา เขาก็สั่งให้ทุกคนเกี่ยวข้าวทันที ช่วง 2 วันนี้ยังมีแดดดี พอดีกับช่วงที่ควรนำข้าวไปตากแดดทิ้งไว้สัก 2 วัน ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีปัญหา แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัยก็พอจะทนได้หลายวันอยู่

ไม่ใช่เพียงแค่ข้าว แต่ยังรวมถึงพืชผลอื่น ๆ ในไร่ด้วย โดยจี้เจี้ยนอวิ๋นลงไปเก็บเกี่ยวด้วยตนเอง ส่วนคนงานคนอื่น ๆ นั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นพาจี้เจี้ยนเหวินมาช่วยงาน เช่นเดียวกันคนงานคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ติดงานที่สวนบนภูเขา

หลายวันมานี้ทุกคนจึงยุ่งกันมาก ทั้งการเก็บเกี่ยวและการนำไปตากแดด จนกระทั่งพืชผลทั้งหมดถูกเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ แต่ฝนก็ยังไม่ตกลงมา ทุกคนจึงพากันโล่งใจทั้งหมด

เป็นที่รู้กันว่าฤดูกาลนี้เป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศเลวร้ายที่สุด ต่อให้บางครั้งเกิดขึ้นไม่นานนัก ก็อาจทำให้ผลผลิตที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปเกือบปีสูญเปล่าไปทั้งหมดได้

ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องเร่งมือ ไม่ว่าฝนจะตกหรือไม่ก็ไม่เป็นไร

สภาพอากาศเป็นอย่างนี้ไปราวครึ่งเดือน หลังจากครึ่งเดือนนั้น ในที่สุดเทพเซียนก็ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกยามที่สายฝนเทกระหน่ำลงมา

“ฝนตกหนักมากเลย” ฉีฉีที่ยืนอยู่ริมระเบียงมองสายฝนเทลงมาห่าใหญ่ ก่อนเอ่ยขึ้น

“ไม่เบาจริง ๆ ด้วย” เหรินเหรินพยักหน้า

“ปลาที่อ่างเก็บน้ำของเราจะตายไหม?” ฉีฉีถามพี่ชาย

คำถามชวนสนเท่ห์เช่นนี้ทำให้เหรินเหรินถึงกับอึ้งไป ก่อนเขาจะส่ายหน้า “ไม่ต้องห่วง ปลาไม่กลัวน้ำท่วมหรอกนะ เพราะพวกมันว่ายน้ำได้อย่างไรล่ะ!”

คำตอบที่ได้ทำให้ฉีฉีพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ ก่อนเอ่ยขึ้น “ถ้าฝนหยุดแล้ว ผมจะไปให้อาหารเป็ดกับพ่อ!”

“ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเป็ดหรอก เดี๋ยวพวกมันก็ไปกินปลาตัวเล็กกับกุ้งที่อ่างเก็บน้ำเองนั่นแหละ” เหรินเหรินบอก มันเป็นสิ่งที่แม่ของเขาสอนมา

“ปลากับกุ้งพวกนั้นต้องเลี้ยงให้โตแล้วเอาไปขายสิ!” ฉีฉีท้วงขึ้น

“ถ้าให้เป็ดกินของพวกนั้นก็จะออกไข่ได้มากขึ้น แล้วก็จะขายได้เงินมากกว่าอีกนะ” เหรินเหรินเถียงกลับ

“ห้ามกิน ให้พวกมันกินข้าวโพดไปสิ!” ฉีฉีว่าอย่างไม่พอใจ

ปลาตัวเล็กกับกุ้งสามารถเอาไปขายทำเงินได้ เมื่อได้เงินมา เขาก็จะนำไปซื้อกระเป๋านักเรียนใบเล็ก ๆ และลูกบอลเอามาเล่นได้!

“งั้นก็รอบอกพ่อตอนที่พ่อกลับมาแล้วกัน” เหรินเหรินเหนื่อยใจกับเขา

ซูตานหงกำลังปักฝ้าลายดอกไม้อยู่ริมหน้าต่าง เธอกลั้นหัวเราะเมื่อได้ยินสองพี่น้องเถียงกันเรื่องธุรกิจ

สองพี่น้องคุยเรื่องนี้กันอย่างเป็นจริงเป็นจัง ครั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาในสภาพสวมชุดกันฝน ฉีฉีก็เฝ้ารอเขาอย่างตื่นเต้น

เมื่อพ่อของเขาถอดชุดกันฝนออก เขาก็เข้ามาสวมกอดผู้เป็นพ่อ

“วันนี้ดื้อหรือเปล่า?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามขณะอุ้มเด็กชายขึ้น

“ผมฝึกระบายสีกับพี่ครับ แล้วก็ไม่ได้ดื้อกับแม่ด้วย” ฉีฉีว่าขึ้น ก่อนจะพูดถึงเรื่องเป็ดที่กินปลาตัวเล็กกับกุ้ง “มันเปลืองจะตาย ให้พวกมันกินแค่ข้าวโพดก็พอนี่ครับ ห่านก็กินข้าวโพดเหมือนกัน พวกมันก็โตมาอ้วนทั้งนั้น ครั้งที่แล้วไปอุ้ม มันก็ไม่ได้จิกผม เป็นคนอื่นคงไม่กล้าอุ้มแน่ครับ”

ฉีฉีอมยิ้มเมื่อว่าจบ

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “นาน ๆ ทีเป็ดของเราถึงจะกินของพวกนั้น ปลากับกุ้งต้องเก็บเอาไปขาย จะปล่อยให้พวกมันกินหมดได้ยังไงล่ะ?”

ฉีฉีรู้สึกพึงพอใจ

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มแต่ไม่ได้ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงอย่างไรในอ่างเก็บน้ำก็มีปลากับกุ้งอีกมาก ส่วนเป็ดนั้นพวกเขาจะต้องให้อาหารก่อนพาไปที่อ่างเก็บน้ำ พวกมันจะได้กินน้อยลงหลังให้อาหารไปแล้ว และกินพวกปลากับกุ้งได้ไม่มากนัก

ตอนนี้เองซูตานหงก็ยกน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงมาให้

“ผมอยากกินบ้าง” ฉีฉีบอก

จี้เจี้ยนอวิ๋นยื่นแก้วให้เขาจิบเล็กน้อย เด็กชายทำหน้าเบ้ เขาอยู่เล่นกับพ่อตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนผละไปอ่านหนังสือกับพี่ชายต่อ ถึงแม้ในใจจะอยากเล่นต่อก็ตาม

จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ดื่มน้ำขิงเข้าไปก็รู้สึกว่าทั้งร่างอบอุ่นขึ้นมาก และบอกกับภรรยาพร้อมรอยยิ้ม “ปีนี้ฝนตกหนักมาก หนักกว่าปีก่อนเยอะเลยนะครับ”

“ถ้าฝนหยุดตกแล้วคุณก็ขึ้นไปที่สวนบนภูเขาสิคะ ตอนนี้สวนยังโล่ง ๆ อยู่ จะปล่อยให้ฝนตกโดยไม่วางแผนปลูกผลไม้ไม่ได้หรอกค่ะ” ซูตานหงเอ่ย

ฝนมักตกหนักในช่วงนี้ของทุกปี ก่อนจะซาลงหลังจากนี้ แต่ถ้าไม่มีต้นไม้รับฝนที่ตกมาในช่วงนี้ก็จะไม่สามารถเก็บซับน้ำไว้ในดินได้

ดังนั้นบนภูเขาจะมีสภาพโล่งเตียนเป็นเขาหัวโล้น

แต่สวนทั้ง 3 แห่งของครอบครัวเธอนั้นแตกต่างจากที่อื่น ในขณะที่สวนแห่งที่ 3 กำลังลงต้นกล้า สวนแห่งแรกกับแห่งที่ 2 ก็โตเต็มที่แล้ว

สวนบนภูเขาจึงเขียวชอุ่มและบรรยากาศดี

เป็นเพราะหมั่นรดน้ำพุวิเศษตลอดปี เธอจึงรู้สึกได้ว่ารากของต้นผลไม้ได้หยั่งลึกลงไปในดิน ต่อให้ฝนตกหนักดินก็คงไม่ถล่ม

แต่ถึงกระนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังไม่สบายใจและบอกให้พ่อแม่ของเขาลงมาจากภูเขา

บนสวนยังมีสุนัขใหญ่ 3 ตัว หากเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย พวกมันจะลงมาเห่าเตือนให้เรียกตำรวจทันที

อย่างไรก็ตามไม่ว่าฝนจะตกหนักในช่วง 3 วันแรกเพียงไหน สวนบนภูเขาก็ยังคงต้านทานไหว แม้แต่เขาหัวโล้นของลุงหม่ายังไม่เป็นไร

คุณพ่อกับคุณแม่จี้บอกว่าเจี้ยนอวิ๋นทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเอง ทั้งสองจึงกลับขึ้นไปอยู่ที่สวนบนภูเขา

พวกเขาเคยชินกันการอยู่ที่สวนบนภูเขาแล้ว ในขณะที่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่ที่บ้านด้านล่าง

แน่นอนว่าจี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่พาเยียนเอ๋อร์กลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว

เนื่องจากอีกไม่นานเธอต้องเข้าเรียนชั้นอนุบาล ตอนนี้อวิ๋นลี่ลี่กำลังสอนหนังสือให้ลูกสาว แต่ในท้ายที่สุดหล่อนก็พบว่า…

“เจี้ยนเหวิน ฉันว่าเยียนเอ๋อร์น่าจะเข้าเรียนชั้นประถมได้เลยนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก

เรื่องของเรื่องคือเมืองนี้ไม่มีโรงเรียนอนุบาล ที่เมืองเจียงสุ่ยมีเพียงโรงเรียนประถม อีกทั้งยังเป็นการเข้าเรียนก่อนเพียง 1 หรือ 2 ปี ถือเป็นช่วงที่พอเหมาะ

“เข้าเรียนชั้นประถมเลยเหรอครับ?” จี้เจี้ยนเหวินมีท่าทีตกใจ ช่วงนี้เขากำลังเขียนนิยาย และวางแผนจะลองส่งไปให้ทางหนังสือพิมพ์พิจารณา หากโชคดีได้รับการตีพิมพ์ ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของภรรยา เขาก็วางมือจากสิ่งที่ทำอยู่

“ฉันถามคำถามเยียนเอ๋อร์เยอะเลยค่ะ แล้วเยียนเอ๋อร์ก็ตอบได้หมดเลย” อวิ๋นลี่ลี่บอก

“หนูนับเลขได้อยู่แล้วค่ะ ให้น้องใหญ่มานับ น้องใหญ่เขาก็นับได้เหมือนกัน พี่เสี่ยวตงเป็นคนสอนหนู แล้วก็อ่านจากหนังสือที่คุณอาสามซื้อให้ด้วยค่ะ” เยียนเอ๋อร์เอ่ย

น้องใหญ่ในความหมายของเธอคือเหรินเหริน ดังนั้นน้องรองก็ต้องเป็นฉีฉีอย่างไม่ต้องสงสัย

พี่เสี่ยวตงคือโหวหวาจือ เขาเป็นเด็กอายุมากที่สุดในสมาชิกครอบครัวรุ่นนี้ และยังเป็นพี่ใหญ่สุดในหมู่พี่น้องด้วย

“งั้นเดี๋ยวพ่อจะทดสอบลูกอีกทีก็แล้วกัน” จี้เจี้ยนเหวินเองก็นึกสนใจเช่นกัน

เขาค้นพบว่าลูกสาวสามารถเข้าเรียนชั้นประถมได้เช่นกัน ความรู้ของเธอเทียบเท่าความรู้ระดับชั้นประถมได้ ที่สำคัญคือเธออ่านหนังสือออก คลังคำศัพท์ที่เธอจดจำได้นั้นพอ ๆ กับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ทีเดียว

จี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่สบตากัน พวกเขาตัดสินใจได้ และพาลูกสาวเข้าเรียนชั้นประถมทันที!

“พรุ่งนี้ฉันจะไปหาอวิ๋นอวิ๋น คุณจะไปด้วยกันไหมคะ?” อวิ๋นลี่ลี่หันมาถาม

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ตกลงธุรกิจกันให้ดี ๆ นะคะพี่น้องคู่นี้ ถ้าไม่ลงตัวก็ถามปะป๋าก่อนนะ

เยียนเอ๋อร์เติบโตมาดีจริง ๆ ค่ะ รู้สึกภูมิใจ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท