ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 262 ตั้งร้านค้าในเมือง

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 262 ตั้งร้านค้าในเมือง

  

แน่นอนว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นย่อมมีความสุขกับที่ได้เห็นสหายของเขาเจริญรุ่งเรือง

เมื่อเหล่าฉินมายืมเงินไป 500 หยวน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ให้เขายืม

ในความเป็นจริงแล้วเขาเองก็รู้สึกกระตือรือร้น อยากจะสร้างร้านในเมืองสักร้านหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เจอร้านที่เหมาะเจาะสักที

ถ้ามองหาลู่ทางเปิดร้านขายของ ก็ต้องมองหาคนที่ไว้ใจได้ด้วย เหมือนเหอเจี่ยกับซุนต้าซานสองคนนี้ อันที่จริงเป็นเพราะซูตานหงไว้ใจเหอเจี่ยเป็นทุนเดิม จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงได้ยอมพยักหน้าตกลง ไม่อย่างนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจะสามารถมอบธุรกิจให้คนที่เขาไม่รู้จักมาก่อนดูแลได้อย่างไร?

แต่ว่าตอนนี้วิสัยทัศน์ของภรรยาของเขาใช้ได้เลยทีเดียว ซุนต้าซานกับเหอเจี่ยฝ้าร้านทั้งสองร้าน และบัญชีทุกอย่างก็มีการคำนวณอย่างชัดเจนเหมือนเช่นเคย

ทุกครั้งที่จัดส่งสินค้า รายการสินค้าทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้ในสินค้าคงคลัง ซึ่งโดยทั่วไปไม่มีความแตกต่างกับสมุดบันทึกของพ่อเขาเลย

นอกจากนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยังให้พวกเขายืมเงินเพื่อซื้อบ้านอีกด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีบ้านขนาด 80 ตารางเมตรในสถานที่อย่างเมืองมหาวิทยาลัย

ทั้งคู่จึงขายของให้เขามากกว่าเมื่อก่อนเพื่อที่จะหาเงินให้มากขึ้นในแต่ละเดือน

ถึงจะเพิ่มขึ้นเป็นเงินไม่มากแต่ก็เป็นจำนวนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นพอใจ การที่จะหาซื้อร้านค้าในเมืองสักแห่งก็ต้องได้หาคนที่เหมาะสม

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงมาคุยกับภรรยาของตัวเองในเรื่องนี้

ซูตานหงยิ้ม “คุณลองไปถามจี้เฟิงกับย่าของเขาดูสิคะว่าสองย่าหลานจะยอมไปช่วยไหม เดือนหนึ่งให้สองย่าหลานไป 50 หยวน แค่รับผิดชอบขายของ เรื่องส่งของก็ให้เราสองคนเป็นคนไปส่งเอง ”

อันที่จริงจี้เจี้ยนอวิ๋นแค่พูดขึ้นมาลอย ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะหาคนให้จริง ๆ

พอได้ยินแบบนั้แล้วก็รู้สึกว่าไม่เลวเลยทีเดียว

“สมแล้วที่เป็นภรรยาของผม ผมจะลองไปพูดกับพวกเขาดูก่อน!” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ซูตานหงส่ายหน้าไปมาแล้วปล่อยเขาไป ผู้ชายของเธอคนนี้อยู่ว่างไม่ได้เลย ช่างสรรหางานทำได้ทั้งวี่ทั้งวัน

พอเห็นเหล่าฉินเปิดร้าน ตัวเขาก็อยากทำบ้าง ดังนั้นปล่อยเขาทำไปแล้วกัน

เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นมาถึง จี้เฟิงกับย่าของเขาก็อยู่บ้านพอดี

“คุณลุง มาได้ยังไงครับเนี่ย” จี้เฟิงนำเก้าอี้มาให้จี้เจี้ยนอวิ๋นนั่งแล้วเอ่ยถาม

“มาหานายกับคุณป้าน่ะ พอดีมีเรื่องจะพูดด้วย” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย ไม่รอให้สงสัยเขาก็รีบพูดสิ่งที่ต้องการออกไป

“คุณลุง ผมทำได้ครับ ผมทำได้แน่นอน!” ครั้นจี้เฟิงได้ยินก็มีดวงตาลุกวาว

“นายต้องไปเรียนรู้งานที่เมืองมหาวิทยาลัยด้วย” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยขึ้น และก็หันไปพูดกับย่าของจี้เฟิงต่อ “คุณป้าว่ายังไงครับ”

“เจี้ยนอวิ๋น ทำไมถึงเชื่อในตัวเราสองย่าหลานล่ะ ป้าขอตอบตกลงแล้วกันจ้ะ ทุกบัญชีป้าจะทำให้ละเอียดและมาสรุปยอดตอนสิ้นเดือนนะจ๊ะ!” ย่าของจี้เฟิงเอ่ยตกลงโดยดี

ครอบครัวของนางเหลือเพียงหลานชายคนนี้คนเดียวแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากจี้เจี้ยนอวิ๋น เพราะทุกวันนี้แทบจะเอาตัวกันไม่รอด และเสี่ยวเฟิงก็โตขึ้นเรื่อย ๆ อีกไม่กี่ปีก็ต้องมีภรรยาแล้ว

แต่ในเมื่อสภาพครอบครัวเป็นแบบนี้ ใครจะมาสนใจกัน?

นางเริ่มวิตกกังวล ใช้ชีวิตอย่างประหยัด อยากจะช่วยเหลือหลานชายเรื่องหาภรรยาให้เขา แต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก

ทว่าตอนนี้กลับมีเงิน 50 หยวนต่อเดือนมาอยู่ตรงหน้านาง ทำแค่ขายของเท่านั้น ย่าของจี้เฟิงจึงคิดว่าตัวนางทำได้ ส่วนหลานชายก็โตแล้วย่อมช่วยนางได้แน่นอน!

“งั้นตกลงตามนี้นะ เช้าวันพรุ่งนี้นายกับเหอซานไปเมืองมหาวิทยาลัยซะ ไปเรียนรู้งานกับคุณลุงต้าซาน ถ้ารู้สึกว่าทำได้ก็กลับมา” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

“ครับ!” จี้เฟิงแววตาลุกวาว

วันต่อมาเด็กหนุ่มก็ได้ขึ้นรถบรรทุกเป็นครั้งแรกในชีวิต มันให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองบินได้ทั้ง ๆ ที่เขาก็แค่นั่งอยู่บนรถเท่านั้นเอง แล้วเขาก็มาถึงเมืองมหาวิทยาลัย

สวี่เหอซานเล่าแผนการของจี้เจี้ยนอวิ๋นให้ฟัง ซุนต้าซานตบเข้าที่หน้าอกของเขาเป็นอันตกลง

จี้เฟิงทำงานเป็นผู้ช่วยเด็กฝึกงานในเมืองมหาวิทยาลัย

ต้องบอกว่าซูตานหงมีวิสัยทัศน์ที่เป็นเลิศ เมื่อเธอมองแล้วรู้สึกว่ามันเป็นไปได้ ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยสักนิด

จี้เฟิงเด็กน้อยคนนี้ยังไม่โตมากนัก ตอนนี้เขามีอายุ 15 ปีเต็มก็จริง แต่เนื่องจากโตมาในสภาพความเป็นอยู่อันจำกัดจำเขี่ย เขาจึงมีสภาพผ่ายผอม เพราะความยากจนก็เลยทำให้เขาอยู่อย่างยากลำบาก

หลังจากที่เขามาถึง ซุนต้าซานก็คิดว่าน่าจะให้เขาขึ้นมาดูแลกิจการได้แล้ว

แต่ซุนต้าซานให้เขาลองขายของและทำบัญชีก่อน ฝึกอยู่สองสามวัน เห็นว่าจี้เฟิงทำได้อย่างง่ายดายก็รู้สึกพอใจ แต่ก็ไม่ได้ให้กลับไปในทันที ให้เขาฝึกงานต่อให้ชินเสียก่อน

เพราะเมื่อถึงเวลานั้นจี้เฟิงจะต้องเป็นคนดูแลร้าน ถึงแม้จะมีย่าคอยช่วย แต่ย่าของเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว ดังนั้นเขาจะต้องเป็นผู้นำ

อีกอย่างจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ส่งมอบงานนี้มาให้เขา ซุนต้าซานจึงต้องอบรมให้ดี ไม่งั้นอาจจะเสียชื่อเสียงได้

หลังเรียนรู้งานได้ 7-8 วัน จี้เฟิงก็ทำงานเป็นเกือบหมดแล้ว และยังได้เรียนรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากนั้น เขาได้เรียนการเชือดไก่จากซุนต้าซาน ที่ถึงแม้จะเชือดได้แล้วแต่ก็ยังช้าอยู่ดี นอกจากนี้ยังมีการฆ่าปลาอีกด้วย ซึ่งเขาก็เรียนรู้มันจากที่นี่ ส่วนที่เหลือนั้นก็คล่องตัวแล้ว

ด้วยเวลาไม่ถึง 10 วัน จี้เฟิงก็พ้นสภาพจากเด็กฝึกงานแล้ว

ก่อนเขาจะกลับ เขาก็ขอบคุณซุนต้าซานเสียยกใหญ่ ซึ่งการเรียนในครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณคุณแม่ซุนคุณพ่อซุนด้วยที่ดูแลเขามาโดยตลอด แล้วเขาก็กลับไปพร้อมสวี่เหอซาน

ในเวลานี้เอง จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไปซื้อร้านค้าที่มีทำเลผู้คนพลุกพล่านได้แล้ว เพราะมันเป็นทำเลที่ดีราคาจึงแพงไปด้วย แต่ดูแล้วราคาก็ไม่ถือว่าแพงมากมายอะไร จี้เจี้ยนอวิ๋นเลยตัดสินใจซื้อมัน

เรียกได้ว่าปีนี้เงินรายรับที่เข้ามาก็จ่ายออกไปแล้ว แผนที่จะเก็บเงินซื้อรถก็คงไม่ได้ซื้อแล้ว

แต่ยังไงจี้เจี้ยนอวิ๋นก็พอใจกับร้านค้านี้เป็นอย่างมาก เหลือเพียงเรียกคนมาตกแต่งซ่อมแซม ซึ่งเพิ่งทำเสร็จไปเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกสองวันก็ย้ายของเข้าได้แล้ว

หลังจากจี้เฟิงกลับมาจากเมืองมหาวิทยาลัย จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่มีเวลาให้เขาได้หยุดพัก สั่งให้เขาเข้าไปดูแลร้านทันที

“คุณลุง ผมเชือดไก่เป็นแล้วนะครับ” จี้เฟิงที่ไม่เห็นว่าในร้านมีสุ่มไก่ก็เอ่ยขึ้นมา

“ดีเลย อีกวันสองวันนี้ลุงจะไปซื้อตู้เย็นมา ถ้ามีเวลาว่างก็เชือดไก่ขายไปก่อน” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้ารับแล้วพูดขึ้น

ของที่ขายในร้านตอนนี้ค่อนข้างผสมปนเปกันไปหมด มีข้าวสาร มีถั่วเหลือง ดอกไม้ ไข่ และก็มีผลไม้จากบนภูเขา เพราะเป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไปจับปลาและกุ้งมาขายเพิ่มอีกด้วย ซึ่งทำให้กิจการดำเนินไปดีมาก

ราคาทั้งหมดถูกกำหนดไว้อย่างดี และสามารถใช้ลูกคิดคำนวณได้ง่าย

ผ่านไปไม่กี่วัน จี้เฟิงกับย่าของเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจนชินแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นมองว่าสองคนย่าหลานเหมาะกับที่นั่นมาก ดูมีชีวิตชีวาทุกวัน เขาเองก็เริ่มวางใจแต่ก็ฝากฝังไว้กับเหล่าฉินว่าถ้าเขาว่างเมื่อไหร่ก็แวะไปดูทั้งสองคนย่าหลานบ้าง

ร้านของจี้เฟิงอยู่ไกลกับร้านของเหล่าฉินอยู่พอสมควร ไม่ได้อยู่ในเขตเดียวกัน จึงไม่มีโอกาสเป็นคู่แข่งกัน เหล่าฉินเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร บอกว่าถ้าเขามาส่งของเมื่อใดก็จะแวะมาส่งให้ด้วย แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ปฎิเสธไป

เหล่าฉินไม่ได้สนใจในเรื่องพวกนั้น อีกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นธุระกงการอะไรของเขาอยู่แล้ว ก็แค่ทางผ่านเท่านั้น

แต่สำหรับภรรยาของเขาคงจะมีปัญหาแน่ ดังนั้นช่างมันแล้วกัน จี้เจี้ยนอวิ๋นสั่งคนให้มาส่งของก็จบแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เด็กน้อยได้มีอนาคตดีอีกคนหนึ่งแล้ว พี่จี้นี่สมกับเป็นหินนำโชคจริง ๆ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน