ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 270 แม่สามีหกล้ม

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 270 แม่สามีหกล้ม

ตลอดทางที่เดินทางไป อวิ๋นลี่ลี่ก็คิดหาวิธีจัดการได้แล้ว

พี่สะใภ้ใหญ่เองก็ตกใจที่เห็นหล่อนมา แต่เพราะร้านนี้ได้มาจากการแนะนำของหล่อน จึงค่อนข้างที่จะต้อนรับ

อวิ๋นลี่ลี่เผยรอยยิ้นบนใบหน้า สักพักก็พูดขึ้น “เมื่อสองวันก่อนพี่สะใภ้รองมาหาฉัน ให้ฉันช่วยถามพี่เขยสามว่าขาดคนอยู่ไหมน่ะค่ะ ฉันก็เลยบอกกับพี่สะใภ้สามไป”

“อ้อ จะมาเปิดร้านที่เมืองเจียงสุ่ยอีกร้านเหรอ” พี่สะใภ้ใหญ่อวิ๋นถาม

ในใจหล่อนก็คิดว่าบ้านพี่เขยสามของน้องสามีคนนี้มีเงินมากจริง ๆ

“ที่ไหนกันล่ะคะ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเปิดร้านในเมืองไป ตอนนี้คงไม่คิดจะเปิดที่ไหนแล้ว แต่พี่เขาก็พูดไว้เรื่องหนึ่ง ว่าอยากจะยกร้านนี้ให้พี่สะใภ้รองน่ะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยขึ้น

สะใภ้ใหญ่อวิ๋นได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าเปลี่ยนสี รีบพูดขึ้นทันที “มันหมายความว่ายังไง พวกเราก็ทำงานดีมาตลอด บัญชีของทุกเดือนก็ไม่น้อยเลยด้วย!”

“บัญชีของพี่สะใภ้ใหญ่ไม่น้อยจริง ๆ นั่นแหละค่ะ แต่เทียบกับร้านอื่น ๆ แล้ว รายได้ของร้านนี้ต่ำกว่าใครเพื่อนเลย อีกอย่างบัญชีของพี่ก็ทำไว้ไม่ดี ไม่ชัดเจน ความหมายก็คือหล่อนอยากเปลี่ยนคนนั่นเองค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ย

ขณะที่กำลังพูดคุยอยู่ พี่ใหญ่อวิ๋นก็ผ่านมาได้ยินพอดี เขาพลันชะงัก และรีบหันไปมองหน้าภรรยาของตนเองทันที ทำให้สะใภ้ใหญ่อวิ๋นรู้สึกผิดไม่กล้าหันไปมองหน้า “ทำไมพี่เขยสามของเธอทำแบบนี้ พวกเราทำงานดีจะตายไป อีกอย่างบัญชีพวกนั้นก็ไม่ได้มีจุดผิดพลาดอะไรด้วย”

“ฉันจะไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะคะ ฉันก็แค่มาเล่าให้ฟังว่าฝั่งพี่เขยสามฉันมีความคิดแบบนั้น” พอเห็นพี่ใหญ่ อวิ๋นลี่ลี่ก็พูดอย่างใจเย็น

“ลี่ลี่วางใจได้เลย พี่จะตรวจบัญชีเอง ถ้ามีอะไรผิดพี่จะเพิ่มเข้าไปให้เอง” พี่ใหญ่อวิ๋นพูดกับหล่อนเช่นนั้น

“ค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่พยักหน้า

หล่อนอยู่ได้ไม่นานก็กลับ พอหล่อนกลับไปแล้ว พี่ใหญ่อวิ๋นก็หันไปคุยกับภรรยาของตัวเองด้วยใบหน้าเย็นชา “คุณยักยอกเงินเหรอ?”

พี่สะใภ้ใหญ่อวิ๋นรู้ว่าปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว ก็เอ่ยปากยอมรับ “ก็ไม่เท่าไหร่ แค่เดือนละไม่กี่หยวน ไม่คิดว่าน้องเขยสามจะขี้เหนียวขนาดนั้น ที่บ้านก็มีเงินไม่น้อย เงินแค่นิดหน่อยก็งกไปได้! ”

“รีบกลับบ้านไปเลย คุณไม่ต้องกลับมาที่ร้านอีก ไม่ต้องมาช่วยแล้ว!” พี่ใหญ่อวิ๋นจ้องเขม็ง

พี่สะใภ้ใหญ่อวิ๋นไม่เข้าใจ “คุณเป็นอะไรไป? ที่ฉันทำไปก็เพื่อครอบครัวนะ อีกอย่างคุณทำงานอยู่ที่นี่ ฉันก็ต้องทำด้วย มันเป็นชีวิตของเราสองคนนะ จะคิดมากกับเงินไม่กี่หยวนไปทำไม!”

“กลับไป! ” พี่ใหญ่อวิ๋นตวาด

พี่สะใภ้ใหญ่อวิ๋นแค่นเสียงเหอะ แล้วก็ยอมกลับไป

พี่ใหญ่อวิ๋นเริ่มตรวจสอบบัญชีใหม่ เดือนแรกเงินขาดไป 2 หยวน เดือนที่สองขาดไป 4 หยวน เดือนที่สามขาดไป 5 หยวน…

ใบหน้าของพี่ใหญ่อวิ๋นเขียวคล้ำอย่างมีโทสะทันที

เมื่อสินค้าถูกส่งมาที่นี่ เขาจะชั่งน้ำหนักที่แน่นอนและจดลงสมุดไว้อย่างละเอียด บัญชีของทุกวันจะต้องชัดเจนขนาดที่มองผ่าน ๆ ยังรู้ จี้เจี้ยนอวิ๋นเคยเอาบัญชีของร้านค้าอื่น ๆ ให้เขาดูแล้ว เพื่อให้เขายึดรูปแบบพวกนั้นในการเช็คสต๊อกสินค้า

บัญชีพวกนี้ถ้าดูไม่ละเอียดก็ไม่เท่าใด แต่ถ้าตรวจอย่างละเอียดก็จะพบปัญหา

ถ้าวันนี้ลี่ลี่ไม่มาพูด เขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเป็นเพราะอะไรทางนั้นถึงจะเปลี่ยนคนดูแลร้าน!

ถึงแม้พี่สะใภ้ใหญ่อวิ๋นจะโมโหกลับไป แต่หล่อนกลับรู้สึกไม่สบายใจ กลัวว่าครอบครัวรองจะมาแย่งงานตำแหน่งนี้ไป

เพราะเดือนหนึ่งได้เงินถึง 40 หยวน แม้ว่าการค่าใช้จ่ายในเมืองเจียงสุ่ยจะค่อนข้างสูง แต่ก็ใช้เงินไปประมาณ 30 หยวนต่อเดือน เหลือเก็บอยู่ 10 หยวน

ถ้าซูตานหงคิดจะเปลี่ยนคนดูแล แล้วให้อวิ๋นลี่ลี่มาที่นี่ เพราะต้องการเปลี่ยนคนดูแลร้าน ตอนนี้คงไม่มีใครดีพอที่จะมาดูแลได้

แต่ถ้าการจัดการร้านยังเป็นเหมือนเดิม เธอก็อาจจะไม่ไว้หน้าใด ๆ

อีกอย่างพี่ใหญ่อวิ๋นเองก็ทำงานได้ดี ตอนทำบัญชีเดือนนี้ก็เอาเงินที่ขาดหายไปก่อนหน้านี้มาเพิ่มเข้าไปจนครบ

ถึงไม่มีใครพูดถึง แต่ก็รับรู้กันได้โดยปริยาย

แม้พี่สะใภ้ใหญ่อวิ๋นจะไม่พอใจหลังได้รู้เข้า แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร อีกอย่างที่บ้านก็ยังมีน้องสะใภ้อีกคนที่จับจ้องหล่อนอยู่

เรื่องนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็รู้ พอเห็นพี่ใหญ่อวิ๋นเอาเงินมาคืนก็ไม่ได้พูดอะไร แถมอีกฝ่ายก็เป็นญาติของน้องสะใภ้ จึงต้องไว้หน้ากันบ้าง

แต่เขาจะทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นคงจะไม่ได้ ถ้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ก็คงจะต้องหาคนมาเปลี่ยนทันที

หลังจากเข้าสู่เดือนที่สิบของปฏิทินจันทรคติ อากาศก็เริ่มเย็นลงเล็กน้อย และซูตานหงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเหรินเหรินและฉีฉี ในทุ่งนาเก็บเกี่ยวผลผลิตเกือบจะหมดแล้ว และเล้าไก่ในสวนที่ 3 ก็เริ่มมั่นคงขึ้นมาแล้ว

ซูตานหงพาเหรินเหรินและฉีฉีสองพี่น้องมาที่เล้าไก่ หลังให้น้ำพุวิเศษอย่างดีมาตลอดครึ่งปี พวกมันแต่ละตัวก็เจริญเติบโตได้แข็งแรงมาก จึงให้พวกมันเดินไปคุ้ยเขี่ยหาอาหารเองและให้อาหารบ้างเป็นครั้งคราว

สวนผลไม้ที่ 3 เลี้ยงไก่เยอะมาก เป็นกลุ่มใหญ่เต็มไปหมด คิดเป็นจำนวนถึง 7 หรือ 8 ร้อยตัว ไม่เพียงแต่จะเป็นไก่ที่มาจากสวนแห่งที่ 1 และ สวนแห่งที่ 2 แล้ว ยังมีส่วนที่ซื้อมาจากหมู่บ้านอื่นอีกด้วย

พวกมันมีจำนวนมหาศาลจนซูตานหงเริ่มกังวลใจ

สวนผลไม้ตอนนี้มีพ่อของไหลตี้ทำงานอยู่ จี้กวงซงกับไช่จ่านกั๋วก็งานยุ่งเหมือนกัน ถึงจะผ่าฟืนทำไก่ต้มไปบ้าง แต่มันก็ยังมีอยู่เยอะมาก

แม้แต่ลูกเจี๊ยบก็สามารถนำมากินได้

นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้ยังต้องยุ่งกันอีกเยอะ

งานต่อไปคือการทำลูกพลับแห้ง ซึ่งคุณแม่จี้ก็เรียกน้าไช่มาช่วย

น้าไช่จึงพูดถึงเรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นขึ้นมา “เมื่อวันก่อนฉันเข้าไปในเมืองก็ได้เห็นอวิ๋นอวิ๋นด้วยล่ะ หน้าตาดูสดใสเชียว แต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่เห็นฉัน ก็เลยไม่ได้ทักทายกัน”

คุณแม่จี้คิดในใจว่าลูกสาวของนางจะต้องเห็นน้าไช่แน่ ตอนนี้ขนาดแม่ของตัวเองก็คงไม่รู้จักไปแล้วกระมัง แล้วคนอื่น ๆ จะไปคาดหวังอะไรได้

“พี่ได้ยินข่าวลือไหม?” น้าไช่เอ่ยถาม

“ข่าวลืออะไร?” คุณแม่จี้ไม่เข้าใจ

“แม่ของหลี่จื้อล้างคอกหมูแล้วล้ม ลุกจากที่นอนไม่ได้มาสองวันแล้ว” น้าไช่เอ่ย

“มีเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?” คุณแม่จี้ประหลาดใจ นางไม่รู้เพราะทำงานยุ่งอยู่บนภูเขาทั้งวัน และไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย ”ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

“ตอนนี้ลูกสะใภ้ใหญ่กำลังกลับไปดูแล ฉันเดาว่าสองสามวันนี้หลี่จื้อจะต้องพาลูกสาวของพี่กลับมาเยี่ยมด้วยแน่ ๆ ” น้าไช่พูดขึ้น

นางพูดไม่ผิด ครั้งนี้ป้าหลี่ล้มหนักพอสมควรจนนอนนิ่งขยับตัวไม่ได้ ตัวเองก็ต้องดูแล แล้วใครจะมาดูแลหลานสาว? ให้สะใภ้ใหญ่กลับมาสองวันก็พอแล้ว จะให้มาอยู่ตลอดได้ที่ไหนกัน?

ครั้นถึงตอนเย็น หลี่จื้อก็อุ้มหยวนหยวนมาหา

“แม่ครับ ครั้งนี้น่าจะต้องรบกวนจริง ๆ แล้วนะครับ” หลี่จื้อถอนหายใจ

“วันนี้แม่เพิ่งได้ยินเรื่องจากน้าไช่ แม่เราเป็นยังไงบ้าง?” คุณแม่จี้เอ่ยถาม

“แม่ของผมอาการทรงตัวแล้ว แต่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนที่นอน ดูแลหยวนหยวนไม่ไหวหรอกครับ” หลี่จื้อตอบ

“อวิ๋นอวิ๋นไม่ลาออกจากงานเหรอ?” คุณแม่จี้ถามกลับไป

หลี่จื้อส่ายหน้า ในใจของคุณแม่จี้จึงรู้สึกหมดหวังในตัวลูกสาวของนางแล้ว

นางรับตัวหลานสาวมา แต่สำหรับหลานสาวแล้วนางก็เหมือนคนแปลกหน้า ตอนนี้เธอมีอายุได้ 5 เดือนย่าง 6 เดือน เริ่มจดจำคนได้แล้ว กับหลี่จื้อเธอรู้สึกสนิทด้วย แต่กับคุณแม่จี้ นางคือคนแปลกหน้า

คุณแม่จี้เพิ่งจะได้อุ้ม เธอก็คิดถึงอ้อมกอดของพ่อเสียแล้ว

หลี่จื้อจึงทำได้แค่อุ้มลูกสาวมาก่อน รอให้เธอได้กินอาหารเย็น กล่อมให้เธอหลับ เขาถึงจะขี่จักรยานกลับไปตามลำพังในยามค่ำคืน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ให้คนอย่างสะใภ้ใหญ่อวิ๋นมาดูแลร้านนี่อันตรายมาก เงินนิดหน่อยก็เอา แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

ป้าหลี่จะเป็นอะไรมากไหมนี่ คนอายุเยอะล้มทีนี่ปัญหาใหญ่เลยนะคะ และเป็นอย่างที่คาด อย่าได้คาดหวังว่านังอวิ๋นจะมาช่วยดูแลอะไรใครเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท