ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 272 หย่าร้าง!

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 272 หย่าร้าง!

หลี่จื้อไม่อาจรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ได้อีก เขาจ้องมองชายคนนั้น ก่อนทิ้งจักรยานและพุ่งตัวไปซัดอีกฝ่าย ฝ่ายตรงข้ามไม่สูงมากนัก สูงราว 170 เซนติเมตรได้ แม้จะมีร่างท้วมกว่าเล็กน้อย แต่จะเหลือบ่ากว่าแรงของหลี่จื้อได้อย่างไร?

แม้หลี่จื้อจะโดนซัดกลับ 2 ครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าฝีมือของอีกฝ่ายด้อยกว่ามาก!

ใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามบวมช้ำด้วยฝีมือหลี่จื้อ แต่จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับดึงเขาออกห่างอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังช่วยอีกฝ่าย หล่อนดึงตัวหลี่จื้อที่คร่อมทับและตบตีอีกฝ่ายออก

“จี้อวิ๋นอวิ๋น คุณยังจำได้อยู่หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วน่ะ!” เขาโพล่งถามไปตามตรง ขณะที่ผู้คนมามุงดูมากมาย หากแต่ตอนนี้หลี่จื้อไม่คิดสนใจเรื่องนี้แล้ว ต่อให้เป็นคนใจเย็นอย่างเขา ก็ยังอดกลายเป็นคนเกรี้ยวกราดแบบในตอนนี้ไม่ได้

ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นหลุดออกมา สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่จี้อวิ๋นอวิ๋นทันที ตอนนี้ผู้คนมากมายมองหล่อนกับชายร่างท้วมผู้นอนกองอยู่บนพื้นที่ยังจับมือกันอยู่ ด้วยไม่คิดว่าผู้หญิงแต่งงานแล้วอย่างหล่อนจะหน้าไม่อายจนกล้ามีชู้ได้อย่างไร?

เรียกได้ว่าบรรยากาศตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากนั้นเรื่องนี้ยังน่าจะถูกลือไปทั่วอย่างไม่ต้องสงสัย!

หญิงสาวคนนี้คงตาบอดไปแล้วเป็นแน่ สามีของหล่อนมีความสามารถเพียงนี้โดยที่ชายร่างท้วมคนนี้เทียบไม่ติดด้วยซ้ำ ลำพังเพียงรูปร่างหน้าตาของเขาก็ดีกว่าหลายขุมแล้วไม่ใช่หรือ?

ผู้คนรอบข้างเริ่มชี้ไม้ชี้มือตรงมา

จี้อวิ๋นอวิ๋นรู้สึกเสียหน้าและเดือดดาล “หลี่จื้อ พูดไร้สาระอะไรของคุณ? คุณโจวกับฉันเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดสักหน่อย!”

หากแต่ตอนนี้หลี่จื้อหัวเสียเต็มทีแล้ว “คุณเดินจับมือถือแขนกับเพื่อนร่วมงานงั้นเหรอ? คิดว่าผมตาบอดหรือว่าโง่รึไง?”

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่ามีคนมุงมากขึ้น เขาจึงพยายามสะกดกลั้นโทสะไว้ แล้วเข็นจักรยานตรงมาก่อนบอกกับหล่อน “กลับบ้านไปคุยกันให้รู้เรื่อง!”

ครั้งนี้เขาโมโหมากจริง ๆ

“อวิ๋นอวิ๋น อย่าไปกลัวเขาเลย มีผมอยู่ทั้งคน!” คนสกุลโจวพูดกับจี้อวิ๋นอวิ๋น

จี้อวิ๋นอวิ๋นเหลือบมองเขา และกลับไปที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่จี้พร้อมหลี่จื้อ หล่อนรู้ว่าการกลับไปครั้งนี้ต้องมีเรื่องแตกหักอย่างแน่นอน

ถึงคราวจะตายก็ต้องตาย กลัวเสียที่ไหนกันล่ะ!

เหรินเหรินไปเรียกคุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้ลงมาจากสวน สถานที่คุยเรื่องนี้ไม่ใช่บ้านของซูตานหง และเธอคงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เป็นบ้านเก่าของคุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้

คุณพ่อกับคุณแม่จี้มาถึงก่อน โดยที่ซูตานหงอยู่ที่บ้านตัวเอง ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่ที่บ้านเก่าของคุณพ่อคุณแม่จี้

“คุณพ่อคุณแม่คะ เตรียมใจไว้ให้ดี อย่าคิดมากเรื่องนี้เลยนะคะ” ซูตานหงพอคาดเดาได้แล้วในตอนที่หลี่จื้อมาถึง เห็นได้ชัดว่าไปมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นมา หลี่จื้อเป็นคนใจเย็นมากไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไปมีเรื่องกับคนอื่นได้? ทั้งยังพาตัวจี้อวิ๋นอวิ๋นมาด้วยอีก ต่อให้ซูตานหงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้

การแต่งงานครั้งนี้คงมาถึงทางตันแล้ว

คุณพ่อกับคุณแม่จี้มาถึงบ้านเดิมของตน จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ฟังเรื่องราวจากหลี่จื้อแล้ว ก่อนที่คุณพ่อกับคุณแม่จี้จะมาถึง เขาก็ได้ตบหน้าจี้อวิ๋นอวิ๋นไปครั้งหนึ่ง และเอาแต่นิ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้

เมื่อเห็นพ่อแม่ของตนมาถึง เขาก็เล่าเรื่องให้ฟัง

“จริงหรือเปล่า?” คุณพ่อจี้ถามจี้อวิ๋นอวิ๋น

“ค่ะ ฉันก็แค่มีคนที่ชอบข้างนอกบ้าน ฉันทนอยู่กับหลี่จื้อไม่ได้ แล้วฉันก็จะไปหย่าด้วย!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกุมใบหน้าตัวเอง เห็นได้ชัดว่าหล่อนก็ร้องไห้เช่นกัน แรงมือของจี้เจี้ยนอวิ๋นทำให้ใบหน้าหล่อนบวมขึ้นถนัดตา

“หลี่จื้อ ฉันขอโทษแม่ของเธอด้วยนะ ที่เลี้ยงนังปีศาจมาทำร้ายเธออย่างนี้ ฉันรู้สึกผิดกับเธอมากเหลือเกิน!” คุณแม่จี้นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ลูกสาวของนางทั้งคนเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

นางอดรู้สึกผิดไม่ได้ในทันใด ก่อนจะร้องไห้โฮออกมา

“คุณแม่ครับ อย่าทำแบบนี้เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแม่เลยนะครับ” หลี่จื้อโพล่งขึ้นทันที

“เพี้ยะ!” คุณพ่อจี้ก้าวมาหาจี้อวิ๋นอวิ๋น ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของจี้อวิ๋นอวิ๋น เขาตบหน้าหล่อนอย่างแรง

“พ่อ นี่พ่อก็ตบฉันเหมือนกันเหรอ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นถามขณะจ้องเขม็ง

“พรุ่งนี้แกไปหย่ากับหลี่จื้อซะ หลังจากหย่าก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับฉันอีก จากนี้ไปตระกูลจี้จะไม่มีแกเป็นลูกสาวอีกต่อไป แกจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราอีก จะไปตกหลุมรักใคร จะไปทำตัวหน้าไม่อายที่ไหนก็ไป เดี๋ยวแกจะได้เห็นดีกัน ถ้าฉันได้ยินว่าแกเอานามสกุลของเราไปอ้างข้างนอก ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่จัดการแก!” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณพ่อจี้ผู้เงียบขรึมพูดออกมายาวขนาดนี้

ดูจากสีหน้าแดงก่ำของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธถึงขีดสุด

“นี่พ่อจะตัดขาดกับฉันงั้นเหรอคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นถามอย่างตกตะลึง

“ฉันไม่มีลูกสาวอย่างแก ตอนนี้แกออกไปจากที่นี่ซะ!” คุณพ่อจี้ตะคอกใส่

“งั้นตัดก็ตัดค่ะ ไม่มีฉันแล้วจะรู้สึก!” จี้อวิ๋นอวิ๋นว่าจบก็วิ่งกุมแก้มตัวเองออกไป

“หน้าไม่อายจริง ๆ หน้าไม่อายเหลือเกิน นี่ฉันเลี้ยงนังหมาป่าตาขาวแบบนี้มาได้ยังไงกัน นี่มันแย่ยิ่งกว่าปีศาจอีก!” คุณแม่จี้ร้องไห้โฮ

“ร้องไห้ทำไมกัน ถ้าต่อไปคุณกล้าพูดถึงจี้อวิ๋นอวิ๋นอีก คุณก็เก็บข้าวของออกจากบ้านผมไปเลย!” คุณพ่อจี้ขึ้นเสียงใส่นางเช่นกัน

หลังด่ากราดเสร็จ เขาก็หันไปมองหน้าหลี่จื้อ “หลี่จื้อ ถึงพวกเธอจะหย่ากันแล้ว แต่เราก็ยังเป็นคุณตาคุณยายของหยวนหยวนนะ”

“ผมรู้ครับคุณพ่อ” หลี่จื้อถอนหายใจ

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้ออกความเห็น ทำเพียงช่วยประคองผู้เป็นแม่

หลี่จื้อกลับไปหลังจากนั้น เขาไม่ได้แวะมาดูลูกสาวก่อนกลับด้วยซ้ำ เขาต้องการกลับและขอตัวกลับไปก่อน

พรุ่งนี้เขาจะไปหย่า!

ด้านจี้อวิ๋นอวิ๋นก็วิ่งร้องไห้เข้าเมือง และต้องการเรียกรถไปแถบชานเมือง หากแต่โจวจื่อรั้งหล่อนเอาไว้ เมื่อเห็นสภาพของหล่อนที่ใบหน้าถูกตบจนบวม เขาก็เอ่ยด้วยท่าทางเป็นกังวล “ใครทำคุณ? พ่อแม่คุณทำเหรอ?”

“พวกเขานั่นแหละค่ะที่ทำ แล้วก็บอกว่าต่อไปนี้ไม่มีลูกสาวอย่างฉันแล้วด้วย!” จี้อวิ๋นอวิ๋นโผตัวเข้าในอ้อมแขนเขาและร้องไห้ออกมา

“ตัดขาดก็ตัดขาดไปสิ คุณยังมีคุณค่านะอวิ๋นอวิ๋น คุณไปหย่ากับเขาแล้วมาอยู่กับผม ผมจะคอยดูแลคุณอย่างดี เชื่อใจผมได้เลย!” โจวจื่อเอ่ย

“ผู้จัดการโจว ที่คุณพูดน่ะ คุณจะดูแลฉันอย่างดีจริงเหรอคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นเงยหน้ามองเขา

“จริงสิครับ!” โจวจื่อตอบรับทันที “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมรู้สึกกับคุณยังไง คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ? ผมจะให้เงินเก็บทั้งหมดให้คุณเก็บไว้ แม้ว่ามันจะมากกว่า 100 หยวนแค่นิดหน่อย แต่ก็เป็นเงินที่ผมเก็บหอมรอมริบมา”

“อยู่กับคุณโจวดีกว่าเป็นไหน ๆ แล้วคุณก็ดีกับฉันมากด้วย” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอกพลางร้องไห้

โจวจื่อพาหล่อนกลับไปแถบชานเมือง ทำให้จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้กลับบ้านในคืนนั้น โจวจื่อพาหล่อนเข้าไปปลอบใจที่โรงแรม และทั้งสองก็ไม่ได้ออกมาหลังจากเข้าไป

วันต่อมาจี้อวิ๋นอวิ๋นก็มาหาหลี่จื้อด้วยใบหน้าผ่องใส ทั้งสองไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนและหย่ากันทันที

“ฉันต้องเข้าไปเก็บข้าวของ!” ของในบ้านของหล่อนยังเป็นของใหม่

“ผมเก็บมาให้หมดแล้ว วางอยู่ที่หน้าประตู ของของคุณทั้งหมดอยู่ตรงนั้น” หลี่จื้อเหลือบมองหล่อนอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนเลื่อนสายตาไปหาโจวจื่อที่ดูภาคภูมิใจเสียเหลือเกิน และพุ่งตรงไปต่อยหนึ่งหมัดก่อนจะจากไป

“ไอ้บ้านี่ ก่อนหน้านี้ที่เป็นอาจารย์เขายังไม่เห็นมีนิสัยนักเลงขนาดนี้เลย!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเข้าไปดูอาการของโจวจื่อ พลางกัดฟันและต่อว่า

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจและปลาบปลื้ม ในที่สุดหลี่จื้อของผู้แปลก็พ้นกรรมจากนังสองอวิ๋นแล้ว แถมเดินออกมาได้อย่างสะใจมากด้วย ปล่อยชายโฉดหญิงชั่วมันลงนรกไปด้วยกันเถอะค่ะ

ส่วนบ้านจี้นั้นไม่ขอแสดงความเห็นอะไร เพราะทุกคนต่างก็มีส่วนที่ทำให้นังสองอวิ๋นเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะคุณแม่จี้ที่สอนลูกไม่เด็ดขาดพอ

เป็นสองตอนที่แปลแล้วอารมณ์เปลี่ยนแบบสองขั้วจริง ๆ ค่ะ นังสองอวิ๋นนี่ดูท่าจะยิ่งกว่านังลิ่วนีกับนังเชิ่งเหม่ยจากเรื่องแม่ชิงเหอมัดรวมกันอีกมั้งคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท