ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 273 ล้มป่วย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 273 ล้มป่วย

“อวิ๋นอวิ๋น ผมไม่เป็นไร แค่เขายอมหย่ากับคุณ ผมก็ยอมทำทุกอย่าง” แม้โจวจื่อจะเจ็บตัว แต่เขาก็ยังพูดเช่นนั้น

จี้อวิ๋นอวิ๋นที่ถูกโอ๋ได้ฟังแล้วรู้สึกยินดีมาก “ตาโง่ คุณถูกทำร้ายแบบนี้ ไม่รู้จักเจ็บบ้างเหรอคะ?”

“แค่ผมได้อยู่กับคุณ ให้เจ็บตัวกว่านี้ก็ยอมครับ!” โจวจื่อบอก

“ไปกันเถอะค่ะ ตามฉันไปขนของกัน!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ย

ทั้งสองมาขนข้าวของที่กองอยู่ตรงชานบันไดบ้านพัก ทั้งหมดเป็นข้าวของของจี้อวิ๋นอวิ๋นซึ่งหลี่จื้อเก็บออกมาให้ มีทั้งกระติกน้ำร้อนและของอื่น ๆ แต่สำหรับสินสอดทองหมั้นของหล่อนแล้วเขาไม่เหลือไว้ให้หล่อนเลยสักแดงเดียว

“ว่าแต่นะ อวิ๋นอวิ๋น เงินส่วนตัวของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ?” โจวจื่อรีบถามขึ้น

“อยู่นี่ค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นหยิบหมอนและดึงซองแดงออกมา เงินส่วนตัวทั้งหมดของหล่อนอยู่ในนั้น หลังจากกวาดตาดูคร่าว ๆ ก็พบว่ามีไม่น้อย

โจวจื่อเหลือบมองแล้วในใจก็รู้สึกยินดีมาก ก่อนเอ่ยขึ้น “คุณมีเงินมากกว่าผมอีกนะครับเนี่ย”

“เราเก็บข้าวของและรีบไปเถอะค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก หล่อนไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้

เป็นการยากที่จะขนของทั้งหมดด้วยตัวพวกเขา 2 คน โจวจื่อจึงไปเรียกคนอีก 2 คนมาช่วย และย้ายของไปที่หอพัก

เพียง 2 วันหลังจากลงหลักปักฐานที่หอพักได้ ทางโรงงานก็ได้มีประกาศปลดพนักงาน ซึ่งทั้งโจวจื่อและจี้อวิ๋นอวิ๋นต่างถูกไล่ออกทั้งคู่

“ไล่ออกเหรอ? ทำไมไล่เราออกล่ะ? เราก็ทำงานได้ดีนี่!” จี้อวิ๋นอวิ๋นถึงกับอึ้งไป และโวยวายขึ้นทันที

“ก็แค่มีใครบางคนทำตัวงามหน้า และเธอก็เป็นคน ๆ นั้นไง” พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยเยาะเย้ย และมองหล่อนด้วยสายตาโลมเลีย

“มองอะไรของแก ขืนมองอีกฉันได้ควักลูกตาแกแน่!” จี้อวิ๋นอวิ๋นร้องเสียงแหวอย่างเกรี้ยวกราด

“ก็ได้ รีบไปเก็บข้าวของแล้วไปซะ ทั้งเธอและโจวจื่อถูกไล่ออกแล้ว เพราะในโรงงานตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็รู้วีรกรรมของพวกเธอสองคนกันทั้งนั้น!” พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยขึ้นพลางแค่นเสียง

จี้อวิ๋นอวิ๋นมาหาโจวจื่อ และโจวจื่อก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าตนเองจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการ

“ถึงที่นี่ไม่รับคน ก็ยังมีที่อื่นที่ต้องการคน เราไปกันเถอะ!” หากแต่โจวจื่อเองก็เด็ดเดี่ยวเช่นกัน เขาว่าออกมาเช่นนั้น

“ไปไหน? คุณจะไปที่ไหนคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นอดจะถามขึ้นไม่ได้

“เราไม่เหมาะจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เราจะเข้าเมืองใหญ่กัน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีงานทำหรอก!” โจวจื่อบอก

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงขายข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่สามารถขนย้ายได้ในราคาถูก ก่อนขับรถออกจากแถบชานเมืองไป

กล่าวถึงฝั่งของครอบครัวจี้

คุณแม่จี้กำลังล้มป่วย ครั้งนี้นางป่วยหนัก และต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล

นางเอาแต่นิ่งเงียบ แอบร้องไห้ และทุกข์ระทมในใจ นี่ก็คือสภาพในตอนนี้ของคุณแม่จี้

ทั้งจี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหง แม้แต่เฝิงฟางฟางและจี้มู่ตานก็แวะเวียนมาเยี่ยมนาง อีกทั้งจี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่ที่อยู่ห่างออกไปในเมืองเจียงสุ่ยยังลางานและพาเยียนเอ๋อร์มาหา

เรื่องที่จี้อวิ๋นอวิ๋นทำเรื่องงามหน้าและหย่าร้าง สำหรับทั้งครอบครัวแล้ว มันไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้

หลังจากที่จี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่รู้เรื่องนี้ พวกเขาถึงกับอึ้ง

หากแต่เรื่องได้เกิดไปแล้ว จี้อวิ๋นอวิ๋นเป็นคนก่อเรื่องขึ้น และมันทำให้แม่ของหล่อนโกรธมาก จี้เจี้ยนเหวินถึงกับบอกว่าถ้าเจอตัวหล่อน เขาจะเข้าไปจัดการหล่อนเอง!

แม้กระทั่งอวิ๋นลี่ลี่ ที่ตอนนี้หล่อนหมดสิ้นซึ่งความรักความห่วงใยที่เคยมีให้น้องสาวคนสนิทที่สุดไปเรียบร้อย

ตอนที่อยู่กับน้องสามีก็ใช่ว่าหล่อนไม่เคยเอ่ยเตือนถึงพฤติกรรมแบบนี้ หล่อนเคยเห็นพวกหมาป่าตาขาวมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นใครเป็นหมาป่าตาขาวขนาดนี้มาก่อน ด่าว่าเป็นหมาป่าตาขาวยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ!

ลูกชายกับลูกสะใภ้ทุกคน รวมถึงหลาน ๆ ต่างมาเยี่ยมไข้คุณแม่จี้ ซึ่งช่วยเยียวยาจิตใจที่แตกสลายของนางได้มาก

จี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่พาเยียนเอ๋อร์กลับไปที่เมืองเจียงสุ่ยก่อน เพื่อไม่ให้กระทบการงาน และทิ้งให้เป็นภาระของเพื่อนร่วมงานคนอื่น หลังจากนั้นคุณแม่จี้ถึงได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับไปอยู่ที่สวน

หากแต่นางก็แวะไปหาน้าหลี่ผู้เป็นแม่ของหลี่จื้อ ในระยะเวลาไม่นาน คุณแม่จี้ก็ดูแก่ลงมาก นางมีผมหงอกขึ้นไม่น้อย

น้าหลี่ได้ยินเรื่องที่นางล้มป่วยเพราะโมโหเช่นกัน ตอนนี้อาการของนางดีขึ้นมากแล้ว อันที่จริงหลังจากที่หลี่จื้อกลับมาพูดเรื่องหย่าร้างให้ฟัง น้าหลี่เองก็รู้สึกดีขึ้นมาก เพียงแต่ตอนนี้อยู่ในช่วงปรับตัวและต้องระวัง

คุณแม่จี้มาที่นี่เพื่อขอโทษ

น้าหลี่จับมือนางและเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน “หยวนหยวนก็ยังเป็นทั้งหลานสาวของฉันและของเธอ เราทั้งสองคนยังเป็นคุณย่าคุณยายของเธอกันอยู่นะ”

“ตอนนี้เธอคงเดินเหินไม่สะดวก หยวนหยวนถูกเลี้ยงดูอย่างดีที่บ้านลูกชายคนที่สามของฉัน ถ้าเธออยากไปหาหยวนหยวนก็ไปเยี่ยมได้นะ บ้านลูกชายคนที่สามของฉันอบรมสั่งสอนเด็กได้ไม่แพ้ใครแน่” คุณแม่จี้บอก

“ลำบากสะใภ้สามแล้ว ได้ยินมาว่าตอนนี้ท้องแก่แล้วนี่” น้าหลี่เอ่ย

“จะคลอดช่วงปีใหม่นี้แล้ว” คุณแม่จี้ยิ้ม “ตอนที่คลอด ร่างกายกับกระดูกของเธอน่าจะเกือบหายเป็นปกติแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยไปพาหยวนหยวนกลับมาเลี้ยงก็ได้”

“ได้สิ” น้าหลี่ตอบ

คุณแม่จี้พูดหลายเรื่องกับนาง ก่อนจะขอตัวกลับ

ทันทีที่คุณแม่จี้กลับไป น้าหลี่ก็เอ่ยกับสามี “แย่จังเลยนะคะ ทั้งบ้านก็ทำตัวดีแท้ ๆ แต่กลับต้องมามีมลทินเพราะจี้อวิ๋นอวิ๋นคนเดียว ฉันนี่โกรธแทนหล่อนเลย หล่อนดูไม่มีเรี่ยวแรงเลยค่ะ”

เดิมทีนางตั้งใจว่าจะไม่ให้อภัยเรื่องจี้อวิ๋นอวิ๋น หากแต่เห็นแก่คุณแม่จี้ นางจึงไม่ได้ต่อว่าออกไป

และการหย่ากันก็นับเป็นเรื่องดี ลูกชายนางยังหนุ่ม เขาได้กลับตัวหลังจากแต่งงานกับผู้หญิงแย่ ๆ แบบนั้น และตอนนี้เขาก็หย่าแล้ว จะมีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกล่ะ?

นางเป็นคนเปิดกว้าง และวางแผนจะหาผู้หญิงดี ๆ ให้ลูกชายสักคน ครั้งนี้นางจะพิจารณาให้รอบคอบเชียว!

ส่วนจี้อวิ๋นอวิ๋นนั้น เจ้าหล่อนอยากจะไปไหนก็ไป!

หลังจากคุณแม่จี้กลับมา นางก็แวะไปหาหยวนหยวนที่บ้าน

นางย่อมรู้สึกสงสารหลานสาวที่เกิดมาโชคร้าย

“ตานหง ฉันรู้ว่าเธอลำบาก แต่ฉันอยากขอฝากให้เธอเลี้ยงหยวนหยวนต่อไปหน่อย เด็กที่เธอเลี้ยงดูต่างเติบโตมาอย่างดี ต่อไปในอนาคตอย่าให้หยวนหยวนทำตัวเหมือนคนเป็นแม่เลยนะ” นางบอกกับซูตานหง

“ได้ค่ะ ฉันจะดูแลเรื่องนี้ให้” ซูตานหงพยักหน้ารับ

คุณแม่จี้บอก “เธอสอนให้หยวนหยวนเป็นแบบเธอได้ มีแต่เธอที่ทำได้”

นางรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่กี่วัน และจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนอาหารทั้ง 3 มื้อ ลูกสะใภ้ทั้งหมดต่างก็เตรียมไว้ให้ และขอให้เจี้ยนอวิ๋นส่งมาให้นางกิน แต่มันก็เห็นได้ชัดว่านางไม่ค่อยเจริญอาหาร และไม่สามารถกินทุกอย่างหมดได้

บางทีอาจเป็นเพราะนางรู้สึกขอบคุณคุณแม่ซูที่เลี้ยงดูสั่งสอนลูกสาวมาอย่างดี คุณแม่จี้จึงแวะไปคุยกับคุณแม่ซูตลอดช่วงเช้า ก่อนจะกลับมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น

เนื่องจากคุณแม่ซูเองก็รู้ข่าวเช่นกัน นางรู้เรื่องนี้มาจากซูจิ้นตั๋ง การที่คุณแม่จี้มาหานาง บอกว่ารู้สึกขอบคุณมากที่ทำให้มีลูกสะใภ้ที่ดีเพียงนี้ แล้วจะปฏิเสธน้ำใจอีกฝ่ายได้อย่างไร?

นางยังบอกว่าหากจะพูดถึงสองตายายที่มีความสุขที่สุดในสิบลี้แปดหมู่บ้านตอนนี้ อันดับหนึ่งคงไม่พ้นคุณพ่อกับคุณแม่จี้

คำชมนี้ทำให้คุณแม่จี้อารมณ์ดีขึ้นมาก

ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ตอนนี้นางมีลูกชาย 4 คน หลานชาย 3 คน และหลานสาวอีก 3 คน รวมถึงหลานในท้องของลูกสะใภ้อีก 1 คน ลูกชายทั้งหมดล้วนเติบโตมาอย่างดี อีกทั้งลูกสะใภ้ก็กตัญญูรู้คุณ นางกับสามีโชคดีกันเพียงไหนแล้ว?

คุณแม่จี้จึงค่อย ๆ เริ่มคิดได้

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ดูท่าผู้ใหม่ของเธอจะออกลายแล้วล่ะอวิ๋นๆ ดูจากที่ถามถึงเงินส่วนตัวของเธอแล้ว โชคดีกับชีวิตหลังจากนี้แล้วกันนะ งานก็ไม่มี แถมครอบครัวพี่สี่ก็เทอีก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท