ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 274 ไปเที่ยว

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 274 ไปเที่ยว

คุณแม่จี้สามารถฟื้นตัวได้เร็วไม่น้อย การกระทำของหมาป่าตาขาวอย่างจี้อวิ๋นอวิ๋นนั้นเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว

เนื่องจากนางปลงกับเรื่องของหมาป่าตาขาวคนนี้มาหลายเรื่องมาก ในครั้งนี้ที่หล่อนก่อเรื่องแบบนี้ขึ้น แม้จะเป็นเรื่องใหญ่โต แต่คุณแม่จี้ย่อมมีความสามารถในการยอมรับมัน

เมื่อได้รับความอบอุ่นจากความรักของลูกชายและลูกสะใภ้ นางก็สบายใจขึ้น

แต่ถึงกระนั้น ซูตานหงยังเคี่ยวน้ำแกงให้เหรินเหรินเอาขึ้นมาให้ผู้เป็นย่าอย่างนางอยู่ทุกวัน

ครั้งนี้หัวใจของผู้สูงวัยแตกสลายไม่มีชิ้นดี นางได้สัมผัสกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ ย่อมต้องการการเยียวยาเป็นเรื่องธรรมดา

เรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นเสมือนมรสุมที่ถาโถมเข้าซัดครอบครัวจี้ หากแต่มันก็ผ่านไปในชั่วพริบตา และทุกคนคงได้เรียนรู้ว่าจะอยู่กันอย่างไรแล้ว

จากเหตุผลเดียวกันนั้นเอง การไม่คาดหวังย่อมไม่ทำให้รู้สึกผิดหวัง และทุกคนก็ปลงกับจี้อวิ๋นอวิ๋นกันได้แล้ว

เรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นเหมือนโคมกระดาษที่ไม่อาจปิดควันไฟไว้ได้ มันอาจจะถูกปิดบังไว้เพราะเกิดเรื่องที่แถบชานเมืองก็จริง แต่ซูตานหงก็ได้ยินหวังหงฮวาแวะมาบอกว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นกับคนรักของหล่อนถูกไล่ออก และตอนนี้ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว

หากเป็นครอบครัวอื่น และมีลูกสาวทำตัวงามหน้าเช่นนี้ ชื่อเสียงของครอบครัวคงป่นปี้ แม้แต่สมาชิกครอบครัวคงพลอยถูกเหยียดหยามไปด้วย

หากแต่ไม่มีใครกล้ามาดูถูกครอบครัวจี้ แม้แต่ข่าวลือยังไม่ค่อยมีให้ได้ยินนัก

เป็นเพราะมีจี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่ ใครจะกล้าเอาครอบครัวของเขาไปนินทาให้เสียหายกันล่ะ?

“ภรรยาครับ ผมว่าจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวเล่นที่ปักกิ่งสักหน่อย ให้คุณแม่ของคุณมาอยู่ที่นี่สักพักได้ไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดออกมาในวันนั้น

ช่วงนี้เขายุ่งมาก งานทุกอย่างของเขารัดตัวไปหมด จึงต้องบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ก่อน

“ได้สิคะ แต่คุณต้องเอาลูกไปด้วยนะคะ ฉันคนเดียวดูแลพวกเขาไม่ไหวหรอกค่ะ” ซูตานหงบอกพร้อมรอยยิ้ม

เพราะจี้อวิ๋นอวิ๋นทำให้เขาผิดหวัง เขาจึงไม่เคยเอ่ยชื่อของจี้อวิ๋นอวิ๋นออกมาอีก คนที่นิสัยใจคออย่างเขา ในสถานการณ์ปกติคงไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถ้าลองได้ผูกใจเจ็บแล้ว จะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้

อย่างเรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นในครั้งนี้ เขาก็ไม่คิดว่าหล่อนเป็นน้องสาวอีกต่อไป ต่อให้หล่อนมีชีวิตน่าอนาถต่อหน้าต่อตาเขา อย่างดีที่สุดเขาก็ได้แต่รู้สึกเศร้า เรื่องอื่น ๆ อย่างการยื่นมือเข้าไปช่วยนั้น อย่าคิดหวังว่าจะได้จากเขา

ซูตานหงยังคงชื่นชอบนิสัยของสามีในส่วนนี้

“พาพวกเขาไปแล้วบ้านจะไม่เงียบเหงาเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นลังเลใจ

“ดีเสียอีกค่ะ ถ้าคุณพาพวกเขาไป ฉันก็เหมือนมีวันหยุด ไม่รู้ว่าจะมีความสุขยังไงเลยค่ะ” ซูตานหงเอ่ยเสียงแข็ง

อันที่จริงการพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวบ้างก็เป็นเรื่องสนุกดี ตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่จี้ต้องออกไปพักผ่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และการพาเหรินเหรินกับฉีฉีไปด้วยกันมันก็เป็นทางเลือกที่ดีมาก

จี้เจี้ยนอวิ๋นจะไม่รู้ความคิดของภรรยาได้อย่างไร?

เขาก้าวมาหาและกอดภรรยาเอาไว้ “ปีหน้าตอนที่ลูกเกิดมาแล้ว ผมจะพาแกไปฝากคุณพ่อคุณแม่ไว้ ส่วนเหรินเหรินกับฉีฉีก็ให้อยู่บ้านด้วย ผมจะพาคุณไปเที่ยวกันตามลำพังนะครับ”

“บ้านหลังนั้นน่าจะอยู่สบายน่าดูเลยนะคะ” ซูตานหงบอกกับสามีที่รัก

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “ให้แม่กับคนอื่น ๆ ดู คงไม่มีอะไรผิดพลาดแน่ครับ”

3 วันให้หลัง จี้เจี้ยนอวิ๋นได้พาคุณพ่อกับคุณแม่จี้มาที่ปักกิ่ง แน่นอนว่าเหรินเหรินกับฉีฉีย่อมติดตามมาด้วย

คุณพ่อกับคุณแม่จี้ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินทอง หากแต่จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกพวกเขาว่าได้ซื้อบ้านที่ปักกิ่งไว้ด้วยเงินที่ขายหมูได้เมื่อปีก่อน และเขาสามารถทำอาหารที่นี่ได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ จะประหยัดไปได้มากแค่ไหนกัน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณพ่อกับคุณแม่จี้ก็ปลาบปลื้มใจ ที่นี่คือปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศ และเป็นเมืองที่ทุกคนต่างปรารถนา

พวกเขาจึงออกเดินทางไปพร้อมกับจี้เจี้ยนอวิ๋น โดยพาเหรินเหรินกับฉีฉีไปด้วย และไปปักกิ่งด้วยกัน

ก่อนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นจะออกเดินทาง เขาจัดการเรื่องในบ้านไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ส่วนคุณแม่ซู เขาก็เป็นคนไปรับมาเอง

“พ่อแม่สามีของแกโชคดีจริง ๆ ที่มีลูกชายอย่างจี้เจี้ยนอวิ๋น” คุณแม่ซูเอ่ย

“คนอื่นก็ดีเหมือนกันค่ะ” ซูตานหงบอก

“เทียบกับคนอื่นอาจจะดี แต่ถ้าเทียบกับเจี้ยนอวิ๋น มันเทียบไม่ได้หรอกนะ” คุณแม่ซูพึงพอใจในตัวลูกเขยมากทีเดียว

ซูตานหงยิ้มและบอก “เจี้ยนอวิ๋นบอกว่าให้คุณแม่รอหน่อยค่ะ เขาจะพาคุณแม่ไปเที่ยวกับพวกเราด้วย”

“คนแก่อย่างแม่กระดูกกระเดี้ยวขยับไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ” คุณแม่ซูยิ้มอย่างมีความสุข

แน่นอนว่านางยินดีที่ลูกเขยมีใจนึกถึงนาง

การที่คุณแม่ซูมาที่นี่นับว่าช่วยได้มาก มีคนมาอยู่ด้วยอีกคนทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้น อย่างน้อยก็มีคนอยู่คอยดูแลคนท้องอย่างซูตานหงใช่ไหมล่ะ?

อีกทั้งช่วงนี้หวังหงฮวาและคนอื่น ๆ ก็มักจะแวะมาเยี่ยมบ่อย ๆ บรรยากาศที่บ้านจึงครึกครื้นไม่น้อย

ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ

ในวันนี้เองอวิ๋นลี่ลี่ได้โทรศัพท์มาหา และรู้ว่าพี่สามของสามีพาคุณพ่อกับคุณแม่จี้ไปเที่ยวที่ปักกิ่ง

“จี้เจี้ยนเหวินกับคนอื่น ๆ กตัญญูได้ไม่เท่ากับพี่สามเลยนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่ถอนหายใจเบา ๆ

ซูตานหงยิ้ม “เราต่างก็กตัญญูต่อพวกท่านเหมือนกันหมดแหละ เพียงแค่เจี้ยนอวิ๋นมีเวลาเท่านั้น”

“จี้อวิ๋นอวิ๋นมาหาฉันด้วยค่ะ แต่ฉันไม่ได้ไปเจอ” อวิ๋นลี่ลี่บอก

ซูตานหงเอ่ย “เธอน่าจะออกไปเจอหน่อยนะ”

“ฉันกลัวว่าจะอดตบหน้าหล่อนไม่ได้น่ะค่ะ ตอนนี้ครอบครัวเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหล่อนแล้ว แต่ว่าเจี้ยนเหวินออกไปหาหล่อนนะคะ ฉันว่าเขาดูไม่สบอารมณ์ตอนที่กลับมา แต่จี้อวิ๋นอวิ๋นน่าจะโดนเขาจัดการค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก

นี่เป็นสิ่งที่หล่อนได้ยินจากพนักงานเฝ้าประตู

ซูตานหงเอ่ยเสียงเรียบ “ต่อให้เขาตบหล่อนไปไม่กี่ฉาด มันก็สมควรแล้ว” เมื่อก่อนหล่อนซัดของกินไปมากโดยไม่ต้องเสียเงินสักแดง โดนตบเสียบ้างจะเป็นอะไรไป?

สองสะใภ้คุยกันครู่หนึ่ง ก่อนจะวางสาย

อวิ๋นลี่ลี่เก็บข้าวของของตัวเองก่อนจะกลับบ้าน หล่อนใช้โทรศัพท์ของที่ทำงานโทรเพื่อประหยัดเงิน

หากแต่หล่อนก็นึกไม่ถึงว่าตนจะเจอจี้อวิ๋นอวิ๋นตอนที่เดินออกไปหน้าประตูโรงเรียน ดูเหมือนว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นจะรอหล่อนอยู่

อวิ๋นลี่ลี่เหลือบมองและเลี่ยงจากไป โดยไม่คิดจะสนใจจี้อวิ๋นอวิ๋น

“พี่สะใภ้สี่!” จี้อวิ๋นอวิ๋นตามมา

“เธอตัดขาดกับครอบครัวไปแล้ว ไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่สะใภ้สี่อีก ความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสามีของเรามันจบไปแล้ว” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยออกไปตรง ๆ

ตอนนี้หล่อนไม่ต้องการพูดคุยกับจี้อวิ๋นอวิ๋นแม้แต่น้อย พอว่าจบแล้วหล่อนก็เดินจากไป

“พี่สะใภ้สี่ ทำไมถึงพี่ใจร้ายกันขนาดนี้คะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันกรอดก่อนบอก “พี่สี่ตบหน้าฉันตอนที่ออกมาเจอ และไล่ให้ฉันไสหัวไป พี่เองก็จะเป็นแบบนั้นด้วยเหรอคะ?”

“ไม่รู้ตัวเหรอว่าตัวเองทำผิดขนาดไหน ตอนที่เธอคบผู้ชายคนนั้นทั้งที่มีหลี่จื้ออยู่ทั้งคน เธอได้คิดถึงความรู้สึกของคนที่บ้านบ้างหรือเปล่า? เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ต่อให้เราไม่ถือสาเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเรื่องนี้ ครอบครัวเราก็รับเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี ตอนแรกน่ะ เธอเคยฉุกคิดเรื่องนี้กับตัวเองบ้างหรือเปล่า? เธอเคยสนใจครอบครัวที่ให้กำเนิดเธอออกมาบ้างไหม?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มหกรรมเทยัยสองอวิ๋นเริ่มแล้ว เธอไม่เหลือใครแล้วล่ะอวิ๋นๆ โชคดีนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท