ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 276 สองผู้เฒ่ามีความสุข

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 276 สองผู้เฒ่ามีความสุข

“ผมเองก็ได้ยินมาจากเพื่อนบ้านน่ะ ผมแค่รู้มาว่าพ่อบุญธรรมบอกคนอื่นว่าผมเป็นลูกบุญธรรมของเขา” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่าอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อซูตานหงได้ยินเช่นนั้น เธอก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “คุณก็เลยยอมรับไปอย่างนั้นเหรอคะ?”

“เขาชอบเหรินเหรินกับฉีฉีมากเลยนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

ประเด็นสำคัญคือชายสูงวัยผู้นั้นโดดเดี่ยวมาก ครอบครัวของเขาที่มีอยู่นาน ๆ ทีจะมาเยี่ยม และไม่ได้สนิทสนมด้วยมากนัก ตอนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ยินเรื่องนี้ เขาเองก็สะเทือนใจไม่น้อย เหรินเหรินและฉีฉีต่างก็ชอบเขามาก ดังนั้นชายหนุ่มจึงบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่

พ่อแม่ของจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้คัดค้าน เพราะพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาจึงรับประทานอาหารด้วยกัน ระหว่างนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ได้บอกว่าเขายอมรับเรื่องนี้

ลุงจางยิ้มตอบ แม้ตอนนั้นเขาจะทำเพียงยิ้มตอบ แต่ชายสูงวัยก็หันหลังไปปาดน้ำตา

“พ่อบุญธรรมบอกว่าเขาจะเกษียณอายุปีหน้า ผมตั้งใจว่าจะพาเขามาอยู่ที่นี่ด้วยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก “ถึงตอนนั้นสวนแห่งที่ 4 ของเราก็จะขาดคนดูแลอยู่พอดี”

เมื่อซูตานหงได้ยินเช่นนั้น เธอก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ “คุณยังอยากพาเขามาอีกเหรอคะ?”

“ผมว่าพ่อบุญธรรมคงชอบชีวิตชนบทมากกว่าน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

“อย่างนั้นทำไมเขาไม่ลาออกเลยล่ะคะ?” ซูตานหงถามกลับ

“ผมเองก็ถามครับ พ่อบุญธรรมบอกว่าตอนนี้ไม่คุ้มที่จะลาออก เพราะจะไม่ได้เงินเดือนครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

“เขาได้เงินเดือนเดือนละเท่าไรกันเชียว” ซูตานหงว่าเสียงเรียบ

“อย่าประเมินเงินเดือนของพ่อบุญธรรมต่ำไปเลยครับ เขาได้ถึงเดือนละเกือบ 80 หยวนเลยนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูตานหงถึงกับแปลกใจ

“ครับ เขาเป็นถึงอาจารย์อาวุโสที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ต้องได้เงินเดือนเยอะอยู่แล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

ซูตานหงพยักหน้า ไม่แปลกที่เขาไม่ต้องการเกษียณก่อนกำหนด เงินเดือนของเขามั่นคงออกขนาดนี้

“พ่อบุญธรรมชอบดื่มน้ำผึ้งมากครับ ครั้งนี้เขาเอาน้ำผึ้งบางส่วนแบ่งให้เพื่อนไป เลยมีเหลือไม่มากนัก” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่าสำทับ

“งั้นจะทำยังไงล่ะคะ เราขับรถเอาไปให้เขาไม่ได้ด้วยสิ” ซูตานหงบอก

“ผมเลยบอกให้เขามาที่นี่ช่วงวันหยุดหน้าร้อนครับ แล้วเขาก็ตกลงแล้วด้วย” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

ซูตานหงพยักหน้า ก่อนก้มลงมองหน้าท้องตนเอง “ปีหน้าเจ้าตัวน้อยในท้องก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้วนะคะ”

จี้เจี้ยนอวิ๋นมีท่าทางปลาบปลื้มเช่นกัน

สองสามีภรรยากลับมาที่ห้องเงียบ ๆ ก่อนจะนอนกอดกันหลับไป

วันเวลาผันผ่านไปจนมาถึงเดือนธันวาคม จี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่ก็ได้มีช่วงวันหยุด เนื่องจากพวกเขาสอนในระดับประถมศึกษา จึงได้กลับมาเร็ว

ตอนนี้ทั้งสองซื้อบ้านเป็นของตน และสะสางหนี้สินหมดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันอย่างสุขสบาย พวกเขาพาเยียนเอ๋อร์กลับมาด้วยกัน และยังซื้อของขวัญมาฝากเหรินเหรินกับฉีฉีด้วย

เหรินเหรินได้ไวโอลินไป มันไม่ใช่ของราคาถูกแต่อย่างใด ส่วนฉีฉีได้หีบเพลงปาก ซึ่งราคาไม่ใช่น้อย ๆ เช่นกัน

หากแต่ครั้งนี้อวิ๋นลี่ลี่ยินดีซื้อให้อย่างไม่ลังเลใจ

จี้เสี่ยวตง เสี่ยวเจิน และเสี่ยวอวี้ ได้เสื้อผ้าชุดใหม่เช่นกัน อีกทั้งเสี่ยวตงยังได้รองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ ทุกคนต่างมีความสุข

“พี่ไม่มีอะไรดี ๆ ตอบแทนเธอเลย ตอนเธอกลับไปเมืองเจียงสุ่ยหลังวันปีใหม่ เธอเอาหมูแดดเดียวที่แขวนอยู่หลังบ้านกลับไปก็ได้นะ เอากลับไปแล้วค่อย ๆ กิน ไม่ต้องรีบกินมาก” ซูตานหงบอกกับหล่อน

“หมูแดดเดียวเหรอ?” อวิ๋นลี่ลี่ตาเป็นประกาย

ซูตานหงพาหล่อนเข้ามา หล่อนถึงกับชะงักเมื่อเห็นหมูแดดเดียวถูกแขวนเอาไว้หลังบ้าน “พี่สะใภ้สาม ทำเอาไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ?”

“อืม เพราะปีนี้เนื้อหมูราคาไม่แพง พี่เลยว่าจะทำอีกน่ะ ถึงเวลานั้น ถ้ากินเองในบ้านไม่หมดก็เอาไปขาย” ซูตานหงบอก “แต่พี่กินตอนนี้ไม่ได้ เพราะใกล้ถึงปีใหม่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอไม่เกรงใจพี่สะใภ้สามแล้วนะคะ ฉันชอบกินของพวกนี้อยู่แล้ว” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“ยังมีลูกเหอเถาอยู่ในบ้านอีก เอากลับไปแกะกินสักหน่อยสิ ฉันว่าสามีเธอเริ่มมีผมหงอกตั้งแต่ยังหนุ่มแล้วนะ” ซูตานหงเอ่ย

“เขาสอนอยู่ห้องพิเศษน่ะค่ะ และช่วงวันธรรมดาก็ยุ่งมากด้วย” อวิ๋นลี่ลี่บอก

“เธอเอาไปทำน้ำแกงให้เขาดื่มสักหน่อยสิ” ซูตานหงเอ่ย

“ฝีมือปลายจวักของฉันแค่พอกินได้ค่ะ และหลายครั้งเขาก็ไม่ชอบอาหารฝีมือของฉันด้วย” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยอย่างท้อแท้

“แค่เอาไปตุ๋นเอง ไม่มีอะไรยากเลย ถ้าเธอมีเวลาก็แวะมาสิ พี่จะสอนทำอาหารง่าย ๆ ให้เธอเอง มันง่ายมากเลย ทั้งพี่สามของเธอ เหรินเหริน และฉีฉี ต่างก็ชอบกินทั้งนั้น” ซูตานหงบอก “และตอนนี้เยียนเอ๋อร์ ลูกของเธอก็โตขึ้นมากแล้ว เธอเคี่ยวน้ำแกงให้เธอดื่มสักหน่อยก็ดีนะ แต่อย่าทำมากเกินไปนัก การกินอาหารครบ 3 มื้อดีกว่าให้กินแต่อาหารบำรุงอยู่แล้ว”

“ฉันว่าจะซื้อกระเพาะปลาจากทางใต้ให้เยียนเอ๋อร์กินดีไหมอยู่เลยค่ะ?” อวิ๋นลี่ลี่กล่าว

“ของแบบนั้นมีฤทธิ์บำรุงมากเกินไป ให้เธอกับสามีกินยังพอได้ แต่ตอนนี้เยียนเอ๋อร์ยังเด็กอยู่ ไม่เหมาะที่จะกินในตอนนี้ ดังนั้นเธอยังไม่ต้องให้ลูกกินก็ได้” ซูตานหงเอ่ยและกระซิบบอก “พี่ได้ยินว่าเด็ก ๆ ไม่ควรได้รับการบำรุงมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะมีประจำเดือนเร็วกว่าปกติและจะหยุดตัวสูง”

อวิ๋นลี่ลี่รีบพยักหน้ารับทันที “งั้นให้เยียนเอ๋อร์ดื่มน้ำแกงบำรุงเอาแล้วกันค่ะ”

ซูตานหงไม่ได้พูดอะไรอีก เยียนเอ๋อร์เองก็เหมือนคนที่เธอเฝ้ามองการเติบโตมาตลอด เธอย่อมหวังให้ได้รับสิ่งดี ๆ อยู่แล้ว

ด้วยความสามารถในการเลี้ยงดูเด็กของซูตานหง อวิ๋นลี่ลี่จึงนับถือเธอมาก ต่อให้ถามคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ กับพี่สะใภ้สามของหล่อน เธอก็ตอบเรื่องของการเลี้ยงเด็กได้อย่างไม่พลาด

เหรินเหรินกับฉีฉีเติบโตมาดีขนาดไหนกันล่ะ? ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวของหล่อนเลย ลำพังเพียงหยวนหยวนในตอนนี้ เมื่อได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเจ้าตัวน้อย หล่อนก็อดจะชื่นชมไม่ได้

สองสะใภ้พูดคุยกันอยู่นาน ก่อนที่อวิ๋นลี่ลี่จะกลับไป และปล่อยให้เยียนเอ๋อร์อยู่ต่อ ด้วยเจ้าตัวต้องการกินข้าวกับน้องชาย ในขณะที่จี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่ขึ้นไปที่สวนเพื่อร่วมโต๊ะอาหารกับคุณพ่อและคุณแม่จี้

ครั้งนี้ที่จี้เจี้ยนอวิ๋นพาคุณพ่อกับคุณแม่จี้ไปเที่ยว จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ถ่ายรูปกลับมาจำนวนมาก ทั้งรูปคุณพ่อกับคุณแม่จี้หน้าจัตุรัสเทียนอันเหมิน รูปกำแพงเมืองจีน และสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจในปักกิ่ง ผู้สูงวัยทั้งสองดูมีความสุขไม่น้อย

คราวนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นเตรียมการมาดี เขาจ้างช่างภาพตามไปด้วย และได้รูปมามากกว่า 300 ใบ

หากแต่ต้องบอกว่าทั้งคุณพ่อกับคุณแม่จี้มีท่าทางดูมีความสุขเป็นที่สุด

หลังกินอาหารเสร็จ จี้เจี้ยนเหวินจึงเริ่มไล่ดูรูปถ่าย และถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พ่อครับ แม่ครับ ไปเที่ยวครั้งนี้สนุกไหมครับ?”

“มีความสุขสิ” คุณแม่จี้ตอบพร้อมรอยยิ้ม “คนที่ลำบากคือพี่สามของแกต่างหาก ไปเที่ยวครั้งนี้ใช้เงินไปมากเลยนี่”

“จ่ายเท่าไหร่ก็คุ้มครับ แค่มีความสุขก็พอ” จี้เจี้ยนเหวินบอก

“ไว้ดูว่าเราว่างช่วงวันหยุดหน้าร้อนหรือเปล่านะคะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากพาพ่อแม่ไปเที่ยวเหมือนกัน” อวิ๋นลี่ลี่ว่าขึ้น

หล่อนยังจำได้ว่าเมื่อพ่อแม่สามีได้ยินว่าพวกเขากำลังจะซื้อบ้าน พวกเขาก็ให้เงินเธอกับจี้เจี้ยนเหวินมาโดยไม่อิดออดแต่อย่างใด

“ฉันคงไม่ไปไหนสักพักแล้วล่ะ พวกเธอไปเที่ยวกันเองเถอะ แค่รอบนี้ก็เหนื่อยสำหรับคนแก่อย่างฉันกับพ่อเธอแล้ว” คุณแม่จี้บอก

อีกทั้งยังมีสิ่งที่ต้องจัดการที่สวนอีกมาก

คุณพ่อจี้หยิบรูปขึ้นมาดูเช่นกัน สายตาของเขาฉายแววยินดี ครั้งนี้ลูกชายคนที่สามพาเขาไปเที่ยวหลายที่ เรียกได้ว่าเติมเต็มความฝันของเขาทีเดียว

กล่าวโดยทั่วไปก็คือ สองสามีภรรยาสูงวัยต่างพึงพอใจมาก ถึงอย่างไรครั้งนี้ก็เป็นการเที่ยวครั้งแรกในชีวิตของพวกเขา และยังได้ไปถึงปักกิ่งอีกด้วย

ส่วนเรื่องลูกสาวเนรคุณ หล่อนจะไปที่ไหนก็ไป อย่ามาให้ทั้งสองเห็นหน้าอีกเป็นพอ!

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

บรรดาคนเฒ่าคนแก่เหล่านี้ควรจะมีความสุขกันได้แล้ว ขออย่าให้มีปัญหาปวดหัวมาอีกเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท