ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 277 ทำให้รู้สึกเสียหน้า

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 277 ทำให้รู้สึกเสียหน้า

ใกล้วันสิ้นปีแล้ว ราคาเนื้อหมูก็ยิ่งดิ่งลงจนมีราคา 8 เหมาต่อ 1 ชั่ง ซึ่งเกือบเท่ากับราคาเนื้อหมูเมื่อ 2 ปีก่อน ในขณะที่ปีนี้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ กลับเพิ่มขึ้น

คนในพื้นที่ชนบทล้วนทุ่มเทกับการเลี้ยงมาทั้งปีและต้องลงทุนไปเสียเปล่า ที่เป็นเช่นนั้น เป็นเพราะพวกเขาล้วนเลี้ยงหมูในที่ดินของตัวเอง

คนที่ซื้ออาหารมาเลี้ยงหมูในปีนี้จึงขาดทุนไม่น้อย

ไม่มีใครคิดเลยว่าราคาเนื้อหมูที่ดูสูงเมื่อปีก่อนจะราคาตกอย่างแรงในปีนี้

หลายครอบครัวต่างโวยวายเสียใหญ่โต ในขณะที่หลายคนต่างโล่งใจที่ก่อนหน้านี้เชือดหมูตามจี้เจี้ยนอวิ๋น

โชคดีที่ตอนนั้นพวกเขาค่อนข้างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่รู้ว่าจะไปร้องโวยวายที่ไหน

ซูตานหงถือได้ว่าเป็นผู้ชนะในครั้งนี้ หมูแดดเดียวจำนวนมากถูกทำเอาไว้ ซึ่งทั้งหมดถูกแขวนตากไว้ในบริเวณหลังบ้าน

สองพี่น้องเหรินเหรินกับฉีฉีไปคอยดูพวกมันอยู่ทุกเช้า และตั้งตาคอยว่าหมูแดดเดียวจะรสชาติอร่อยขนาดไหน? ตอนนี้พวกมันเริ่มส่งกลิ่นแล้ว แม้ไม่ได้หอมนัก แต่คนที่เป็นผู้ใหญ่ก็อดจะพูดว่ามันน่าอร่อยไม่ได้

พอพวกผู้ใหญ่พูดกันว่าน่าอร่อย พวกเขาจึงเข้าใจว่าน่าอร่อยตามไปโดยปริยาย นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ของเด็กเล็ก ซึ่งคล้อยตามได้ง่าย

แต่เมื่อเริ่มอายุได้ 5 หรือ 6 ขวบ จะหลอกอะไรก็คงไม่ได้แล้ว ต่อให้อยากหลอกก็คงไม่เชื่อ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องของวัยเท่านั้นเอง

พอตากได้สัก 18 วัน ซูตานหงก็หยิบหมูแดดเดียวชิ้นหนึ่งมานึ่ง

หลังจากนึ่งเสร็จ เธอจึงหั่นเป็นชิ้น ๆ และนำไปผัดกับหัวไชเท้า สามพ่อลูกดูถูกใจกับรสชาติมาก ซูตานหงกินเพียงไม่กี่ชิ้น รสชาติของมันช่างเข้มข้นเข้าเนื้อโดยแท้ แม้เธอจะชอบกินแต่เธอก็กินไม่มากนัก

“ถ้าคุณคิดว่าอร่อย ก็เอาไปขายที่เมืองมหาวิทยาลัยสักหน่อยสิคะ” ซูตานหงบอก

“ได้เลยครับ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกว่าหมูแดดเดียวน่าจะขายดีอย่างแน่นอน ในวันถัดมาเขาจึงให้สวี่เหอซานมาขนเนื้อหมูแดดเดียวไปส่วนหนึ่ง เพื่อขายลองตลาดก่อน หากขายได้ก็ค่อยมาขนไปขายเพิ่ม ถึงอย่างไรพื้นที่ในบ้านก็แขวนหมูแดดเดียวไว้มากพออยู่

แล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ต้องแปลกใจ แม้ราคาเนื้อหมูข้างนอกจะไม่แพงมาก แต่หมูแดดเดียวของครอบครัวเขากลับขายดีมาก

ดังนั้นนอกจากจะเก็บเอาไว้กินเองที่บ้านแล้ว ซูตานหงยังส่งหมูแดดเดียวไปขายที่เมืองมหาวิทยาลัยด้วย

คุณพ่อกับคุณแม่จี้เองก็โปรดปรานเช่นกัน ซูตานหงจึงบอกให้จี้เจี้ยนอวิ๋นเอาไปแขวนไว้ที่บ้านพวกเขาหลายชั่ง จะได้เอาไว้นึ่งกินตามต้องการ

อวิ๋นลี่ลี่หยิบกลับไปราว 10 ชั่ง และขอให้เธอเก็บไว้สำหรับวันปีใหม่ ส่วนเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานหยิบไปราว 3 ถึง 5 ชั่งเช่นกัน

ด้านคนงานประจำคนอื่นไม่ได้คิดจะหยิบไปมากนัก พวกเขาจึงแบ่งไปเพียง 2 ชั่งเท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงเนื้อหมูในตอนนี้ ซึ่งมีราคาค่อนข้างถูก ขนาดที่ว่า 1 ชั่งก็ยังตกอยู่ที่ 8 เหมา ทุกคนจึงซื้อกันราว 1 ถึง 2 ชั่ง โดยเฉพาะครอบครัวที่มีฐานะธรรมดา

ด้านคุณแม่ซูนั้นแบ่งหมูแดดเดียวไปมากหน่อย และค่อยทยอยนำออกมากิน จี้เจี้ยนอวิ๋นที่กลับมาจากปักกิ่งครั้งนี้ก็ได้ซื้อต่างหูทองคู่หนึ่งมาให้นาง

เขาต้องการตอบแทนแม่ยายที่ช่วยเขาดูแลภรรยาเป็นเวลามากกว่า 10 วัน

วันนี้หลี่จื้อมาหาและพาหยวนหยวนกลับไป หยวนหยวนร้องไห้งอแงไม่หยุด หากแต่ความเป็นพ่อลูกยังคงไม่จางหาย หลังจากหลี่จื้อปลอบอยู่นาน เธอก็ค่อย ๆ เงียบลงและหลับในอ้อมแขนผู้เป็นพ่อ ก่อนจะกลับบ้านไป

ซูตานหงบอก “ฉันได้ยินว่าแม่ของเขาอยากให้เขาแต่งงานกับจางหลัวซิน แต่ว่าเขาปฏิเสธ” นี่เป็นสิ่งที่เธอได้ยินจากหวังหงฮวาและคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน

“ตอนนี้หยวนหยวนยังเด็กอยู่เลยนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นขมวดคิ้ว

เขารู้สึกว่าน้าหลี่ใจร้อนเกินไป จะให้เด็กเล็กขนาดนั้นมีแม่เลี้ยงได้อย่างไรกัน?

“จางหลัวซินก็นับว่าไม่แย่ หล่อนยังไม่เคยแต่งงานมาก่อน แต่ฉันก็พอรู้ว่าหลี่จื้อคิดอะไรอยู่ เขาน่าจะยังทำใจกับเรื่องเก่า ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ได้น่ะค่ะ” ซูตานหงบอก

จี้อวิ๋นอวิ๋นช่างทำร้ายคนอื่นได้เจ็บแสบ และกลายเป็นเรื่องฝังใจคนหนุ่มอย่างเขาทีเดียว

“คงต้องรอให้หยวนหยวนโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อย” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

เขาเองก็เห็นใจหลี่จื้อ หากแต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้หลี่จื้อแต่งงานใหม่เร็วถึงเพียงนี้

ซูตานหงไม่ได้ออกความเห็น ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น เธอทำเพียงพูดไปเรื่อยเท่านั้น

เข้าเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติแล้ว และวันที่ 15 ก็เริ่มมีหิมะตกลงมา

เหรินเหรินกับฉีฉีชอบหิมะมาก สองพี่น้องถึงกับออกไปเล่นกลางหิมะ ซูตานหงทำได้เพียงทาน้ำมันตลับหอยให้ และปล่อยให้พวกเขาออกไปเล่น ถึงอย่างไรก็มีผู้เป็นพ่อคอยดูแลอยู่

หลังจากที่หิมะตกมาหลายวัน หิมะชั้นบาง ๆ จึงเริ่มปรากฎให้เห็นบนพื้น จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพาสองพี่น้องขึ้นเขาไปจับนกกระจอก หลังจากจับได้หลายตัว พวกเขาก็ร่าเริงกันใหญ่

พวกเขาเล่นสนุกกันมาหลายวัน สองพี่น้องถึงกับละเมอหัวเราะออกมาระหว่างนอนหลับ คล้ายฝันถึงในยามค่ำคืน

ในวันที่ 28 จี้เจี้ยนอวิ๋นได้มอบของขวัญปีใหม่ให้บรรดาคนงาน เขานำเนื้อหมูกว่าครึ่งตัว ทั้งซี่โครงและส่วนเนื้อ ทั้งหมดถูกแบ่งกันไป และคนงานของเขาต่างก็มีความสุขกันทุกคน

ลำพังแค่ของขวัญที่เถ้าแก่ของพวกเขามอบให้ พวกเขาก็ไม่ต้องไปซื้อของวันปีใหม่แล้ว

ทั้งน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว ลูกพลับแห้ง เนื้อ และไข่ เรียกได้ว่าอยู่ดีกินดีเลยทีเดียว

นอกจากของขวัญเหล่านี้ คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านยังได้เส้นก๋วยเตี๋ยวถึง 50 ชั่ง พวกเขาต่างขอบคุณจี้เจี้ยนอวิ๋นกันยกใหญ่

การซื้อของขวัญปีใหม่พวกนี้ต้องใช้เงินเกือบ 200 หยวน แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับไม่เสียดายแม้แต่น้อย เขาเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

ซูตานหงไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ บางครั้งสามีของเธอก็ประหยัดเสียเหลือเกิน หากแต่บางครั้งเขาก็ใจป้ำเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยแบบไหน เธอเองก็ชอบทั้งนั้น

ปีนี้เป็นอีกปีที่ทุกคนมารวมตัวกันกินอาหารที่บ้านเดิมของคุณพ่อกับคุณแม่จี้

คราวนี้บรรยากาศครึกครื้นกว่าปีก่อน ๆ และยังดูรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นพิเศษอีกด้วย

ซูตานหงนำอาหารมา 4 จาน เฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานเองก็นำมาคนละ 4 จานเช่นกัน ด้านคุณแม่จี้พาอวิ๋นลี่ลี่เข้าครัวที่บ้าน ทำให้มีอาหารเต็มโต๊ะไปหมด

ปีนี้ทั้งเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานต่างมีรายได้มั่นคงกันแล้ว

เนื่องจากอวิ๋นลี่ลี่ชำระหนี้สินหมดแล้ว หล่อนจึงเริ่มตั้งตัวได้เช่นกัน ทุกคนต่างละทิ้งความบาดหมางในปีเก่า และเริ่มต้นใหม่ด้วยการร่วมโต๊ะอาหารกันอย่างชื่นมื่น

หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน คุณพ่อกับคุณแม่จี้เล่าถึงประสบการณ์ในปักกิ่งเสียยืดยาว บรรยากาศในครอบครัวถึงได้ครื้นเครงเป็นพิเศษ

ไม่มีใครพูดถึงจี้อวิ๋นอวิ๋นผู้ทำตัวน่าผิดหวัง

ราวกับว่าครอบครัวจี้ไม่เคยมีคนผู้นี้อยู่ในครอบครัว

เนื่องจากเด็ก ๆ ได้รับอั่งเปา และได้รับทีละคนตามลำดับ พวกเขาจึงมีความสุขไม่น้อยเช่นกัน

เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้พาเยียนเอ๋อร์ไปซื้อตุ๊กตามาเล่น ในขณะที่เสี่ยวตงพาเหรินเหรินกับฉีฉีไปจุดประทัดกัน ทำให้บรรยากาศยิ่งดูมีชีวิตชีวาและสดใสมากขึ้น

กระทั่งถึงเวลา 5 ทุ่ม เด็ก ๆ จึงถูกพาไปเข้านอนก่อน ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่จี้ก็เพลียกันมาก พวกเขาจึงหยิบไฟฉายและกลับขึ้นไปที่สวน

เหลือเพียงสี่พี่น้องและภรรยาทั้งสี่

ฝ่ายหนุ่ม ๆ แยกตัวไปดื่มและพูดคุยตามประสาผู้ชาย ในขณะที่ฝ่ายภรรยาก็คุยเรื่องของผู้หญิงกัน

ซูตานหงเข้าไปเอาส้มออกมา ซึ่งจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนไปซื้อ

พวกหล่อนสี่คนกินส้มไปพลางพูดคุยกัน

เฝิงฟางฟางพูดถึงจี้อวิ๋นอวิ๋นขึ้นมา “สะใภ้สี่ เธอสนิทกับน้องสามีที่สุด หล่อนเคยไปหาเธอหลังออกจากแถบชานเมืองหรือเปล่าล่ะ?”

คุณพ่อกับคุณแม่จี้กลับขึ้นสวนไปแล้ว เป็นธรรมดาที่พวกหล่อนจะพูดเรื่องนี้ขึ้น

“เคยไปหาครั้งหนึ่งค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

“หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปหาอีกเหรอ?” เฝิงฟางฟางถาม

“ฉันเคยเจอหล่อนบนถนนครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ทักกันค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ส่ายหน้า

“อย่าใจอ่อนเชียวนะ หมาป่าตาขาวอย่างนั้นไม่คู่ควรให้เธอเสวนาด้วยหรอก ไม่อย่างนั้นเธอจะพลอยซวยไปด้วย ถ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหล่อนในอนาคต” จี้มู่ตานว่าขึ้น

เดิมทีความสัมพันธ์ของพวกหล่อนกับจี้อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้ดีอยู่แล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์ล่าสุด พวกหล่อนจึงสามารถต่อว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นได้ตลอดช่วงปีใหม่!

เจ้าหล่อนช่างทำให้พวกหล่อนเสียหน้าเหลือเกิน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ปีใหม่ไหนที่ไม่มียัยสองอวิ๋น ปีนั้นก็ดูสงบสุขดีนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท