ตอนที่ 293 อยากกลับไปคืนดีกับหลี่จื้อ
“200 หยวน ถ้าคุณหามาให้ได้ ฉันจะปล่อยคุณกับนังนี่ไป แล้วฉันจะเลี้ยงลูกเอง!” จี้อวิ๋นอวิ๋นลั่นวาจา
“คุณรอรับได้เลย!” โจวจื่อตะคอกกลับทันที
“ถ้าคุณไม่ให้ฉัน ฉันจะไปฟ้องพวกคุณข้อหามีชู้ที่สำนักงานกิจการพลเรือน คอยดูแล้วกันว่าพวกคุณจะยังมีหน้าอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ยอยู่หรือเปล่า!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกล่าวเย้ย
“งั้นก็ไปโพนทะนาเลยสิ ถ้าคุณกล้า ผมก็จะแฉเหมือนกันว่าคุณคบชู้กับผม ถ้าจะพังก็ต้องพังไปด้วยกัน!” โจวจื่อเอ่ย
“ไม่ไปยืมเงินผู้หญิงที่อยู่ข้างคุณดูล่ะ หล่อนมีเงินเยอะอยู่นี่ ผู้ชายที่มาข้องเกี่ยวกับหล่อนก็ประเคนเงินให้หล่อนทั้งนั้น” จี้อวิ๋นอวิ๋นเยาะเย้ยขณะหันมองหลี่โม่ลี่
“พี่โจวจื่อ ฉันพอมีเงินอยู่ คุณเอาไปแล้วจบ ๆ กับนังนั่นสักทีเถอะ!” หลี่โม่ลี่กัดฟันกรอดด้วยความโมโห ตอนนี้หล่อนต้องการอยู่กินกับโจวจื่อ ขอเพียงโจวจื่อหย่ากับผู้หญิงคนนี้ หล่อนยอมทำทุกอย่าง!
ทั้งสองมีเงินรวมกันได้ 130 หยวน และจี้อวิ๋นอวิ๋นรู้ว่าคงไม่มีมากไปกว่านี้ หล่อนเตรียมการเรื่องนี้เป็นอย่างดีมาหลายวัน และวางแผนว่าจะหย่ากับโจวจื่อชายใจดำคนนี้อย่างเด็ดขาดแล้ว
หล่อนอยากกลับไปคืนดีกับหลี่จื้อ อยากขอโทษหลี่จื้อ และขอให้เขายกโทษให้กับความผิดของหล่อน หล่อนสัญญาว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของเขาตลอดไป!
การหย่ากับโจวจื่อเป็นไปอย่างราบรื่น สิ่งแรกที่หล่อนทำคือการมาที่โรงพยาบาลในเมืองเจียงสุ่ย หล่อนต้องการกำจัดมารหัวขนในท้องของตนออก เพื่อไม่ให้หมาป่าตาขาวตัวนี้ออกมาลืมตาดูโลก!
การทำแท้งเป็นไปอย่างรวดเร็ว จี้อวิ๋นอวิ๋นพิงตัวกับผนัง ขณะออกมาจากห้องด้วยใบหน้าซีดเซียวนั้น หล่อนก็บังเอิญเจอกับอวิ๋นลี่ลี่พอดี
อวิ๋นลี่ลี่มาหาหมอพร้อมเยียนเอ๋อร์ในอ้อมแขน เยียนเอ๋อร์เป็นหวัดเล็กน้อย เธอถูกเลี้ยงดูที่บ้านเกิดเป็นอย่างดี จึงไม่ค่อยเจ็บป่วยนัก แม้เธอจะป่วยบ้างก็เป็นเพียงอาการไม่รุนแรง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแต่อย่างใด
ตอนนี้หล่อนมีเงินทองใช้เหลือเฟือ ย่อมพาลูกสาวมาหาหมอเพื่อความสบายใจ
“พี่สะใภ้สี่” เมื่อเห็นอีกฝ่าย จี้อวิ๋นอวิ๋นพลันเรียกหล่อน
อวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้ใส่ใจนักในทีแรก แต่เมื่อเห็นสภาพหล่อนในตอนนี้ จึงเอ่ยถามอย่างงุนงง “อวิ๋นอวิ๋น เธอเป็นอะไรไป? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
สีหน้าหล่อนดูซีดเซียว ไร้ซึ่งเลือดฝาด
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นหัวเราะและมองเยียนเอ๋อร์ เยียนเอ๋อร์กลับไม่มองหน้าหล่อน เธอไม่มองหน้าอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็กแล้ว ด้วยยังจำอาคนนี้ได้ อาคนที่เอาแต่ใจกับคุณย่า เธอไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย!
“เยียนเอ๋อร์เป็นอะไรไปเหรอคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นเป็นห่วง และรีบถามขึ้น
ที่ผ่านมาหล่อนมีชีวิตที่ยากลำบาก แต่พี่สะใภ้สี่กลับยังดีกับหล่อน ในปีหนึ่งอีกฝ่ายได้ส่งเงินมาให้เป็น 100 หยวน แม้จะไม่มากนัก แต่มันก็พอประทังชีพให้หล่อนผ่านพ้นวันคืนอันยากลำบากไปได้
เมื่อเห็นเยียนเอ๋อร์ในตอนนี้ หล่อนจึงอดคิดถึงชีวิตในก่อนหน้านี้ไม่ได้ ว่าตนไม่ได้พบเจอเยียนเอ๋อร์มานานแล้ว
เห็นแววเป็นห่วงในดวงตาอย่างไม่อาจปิดบังของอีกฝ่ายแล้ว อวิ๋นลี่ลี่จึงมีน้ำเสียงอ่อนลง และเอ่ยขึ้น “หลานไม่เป็นอะไรหรอก แค่เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้อากาศหนาว แล้วเมื่อคืนหลานก็เผลอถีบผ้านวมออก”
“งั้นพี่สะใภ้สี่รีบพาเยียนเอ๋อร์ไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ ไม่ต้องใส่ใจฉัน ฉันตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
“ก็ได้ เธอนั่งรออยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน” อวิ๋นลี่ลี่กล่าว
หล่อนพาเยียนเอ๋อร์เข้าไปหาหมอ และได้ใบสั่งยามา ไม่นานก็ออกมาด้านนอก
เยียนเอ๋อร์ยังคงบ่นพึมพำ “ตอนหนูอยู่กับคุณนายสาม หนูไม่เคยเห็นน้อง ๆ กินยาสักครั้งเลยค่ะ”
“ก็น้องชายลูกไม่ได้ถีบผ้านวมออกไง ใครบอกให้เมื่อคืนลูกถีบผ้านวมออกอย่างนั้นล่ะ?” อวิ๋นลี่ลี่บอกเธอ
“แม่คะ เราจะกลับกันอีกเมื่อไหร่เหรอคะ หนูคิดถึงพวกน้องชายที่นั่นแล้ว ได้ยินว่าคุณนายสามมีน้องชายให้หนูอีกคน หนูยังไม่ได้เห็นหน้าเลยค่ะ!” เยียนเอ๋อร์บอก
หน้าร้อนนี้เธอไม่ได้กลับไป เนื่องจากจี้เจี้ยนเหวินเปิดสอนกวดวิชา อวิ๋นลี่ลี่จึงอยู่ช่วยเขา ทั้งคู่จึงไม่ได้กลับไป และเยียนเอ๋อร์เองก็ต้องอยู่กับพวกเขา
พวกเขาย่อมต้องการใช้เวลากับลูกสาวให้มากขึ้น
“อีกครึ่งเดือนจะมีวันหยุด ถึงตอนนั้นแล้วแม่จะพากลับไปแล้วกันนะ” อวิ๋นลี่ลี่ตอบ
เยียนเอ๋อร์จึงมีท่าทางพอใจ
จี้อวิ๋นอวิ๋นได้ยินบทสนทนาของสองแม่ลูก สีหน้างงงันพลันปรากฏขึ้น ก่อนถามออกไป “ซูตานหงมีลูกชายอีกแล้วเหรอคะ?”
ก่อนหน้านี้หล่อนจำได้ว่าซูตานหงมีแต่ลูกชาย ถึงตอนนี้ก็มีถึง 3 คนแล้ว
ช่างแตกต่างกับชีวิตที่ผ่านมาของหล่อนเพียงไหนกัน?
“อวิ๋นอวิ๋น เธอไม่สบายเหรอ? สีหน้าเธอดูไม่ดีเลยนะ” อวิ๋นลี่ลี่ถามกลับโดยไม่ได้ตอบคำถาม
“ฉันมาทำแท้งลูกค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นว่าขึ้นเสียงแผ่วเบา
เพื่อกำจัดมารหัวขน หล่อนยินดีเสียยิ่งกว่าอะไร หล่อนฝันว่าตนทำงานหนักเพื่อส่งเขาเล่าเรียน แต่เขาตอบแทนหล่อนอย่างไรกัน?
สวรรค์คงรู้ว่าหล่อนเกลียดเขาถึงเพียงไหน!
ดังนั้นก่อนที่เขาจะได้ลืมตาดูโลก ต้องทำให้เขาตายซะ!
อวิ๋นลี่ลี่ถึงกับอึ้งกับสิ่งที่หล่อนบอก “เธอบอกว่าอะไรนะ?”
“พี่สะใภ้สี่ ฉันหย่ากับโจวจื่อแล้ว คนอย่างเขา ฉันอยู่ด้วยไม่ได้หรอกค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นว่าสำทับ
อวิ๋นลี่ลี่ตกตะลึงซ้ำสอง และมองหน้าน้องสามี “เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน?”
“ฉันตาสว่างแล้วค่ะ ฉันไม่เคยตาสว่างถึงขนาดนี้มาก่อน พี่สะใภ้สี่ ฉันเคยหลงผิดมา ทั้งอวดดีและเนรคุณ ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันทำผิด พี่พอจะให้อภัยฉันได้ไหมคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ย
“เธอให้ฉันตั้งสติก่อนเถอะ ตอนนี้ฉันรับหลายเรื่องไม่ไหว” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยตามตรง
ทั้งเรื่องทำแท้งลูก ซ้ำด้วยเรื่องหย่าแบบนี้ อวิ๋นลี่ลี่ถึงกับรับมือไม่ถูก
“พี่จะกลับบ้านกับพี่สี่เมื่อไหร่เหรอคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นมองหน้าหล่อนและถามขึ้น
“รอช่วงวันหยุดหน้าหนาวก่อน ยังเหลืออีกครึ่งเดือนได้” อวิ๋นลี่ลี่ตอบเสียงเรียบ และสบตาอีกฝ่าย “เธอหย่ากับโจวจื่อแล้วจริงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เขานอกใจฉันไปหาหญิงอื่นนอกบ้าน และฉันก็จับได้คาหนังคาเขา ถ้าไม่แยกทางกับเขาจะให้ทำยังไงล่ะคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นกล่าวเสียงขึ้นจมูก
โจวจื่อเป็นจุดพลิกผันในชีวิตที่แล้วของหล่อน เมื่อครั้งที่หล่อนอยู่กับหลี่จื้อ แม้แต่ซูตานหงยังต้องอิจฉาหล่อน ภายหลังหล่อนกลับเห็นผิดเป็นถูก จนกระทั่งหย่ากับหลี่จื้อ ซูตานหงก็ได้หัวเราะเยาะหล่อน และบอกว่าหล่อนจะต้องเสียใจอย่างถึงที่สุดในภายหลัง ไม่มียาใดในโลกที่จะรักษาอาการเสียใจนี้ได้
ถึงกระนั้นหล่อนก็มีโอกาสได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง ตอนนี้หล่อนหย่ากับโจวจื้อแล้ว และหล่อนก็อยากจะกลับไปเริ่มต้นใหม่กับหลี่จื้อ!
อวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้ออกความเห็น ทำเพียงถาม “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนล่ะ?”
“ฉันย้ายมาอยู่คนเดียวที่โรงแรมแล้วค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
“งั้นเธอก็ดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ” อวิ๋นลี่ลี่ไม่รู้จะพูดอะไร จึงทำเพียงไปส่งหล่อนที่โรงแรมและพาเยียนเอ๋อร์กลับบ้าน
เมื่อจี้เจี้ยนเหวินกลับมา หล่อนจึงบอกเรื่องจี้อวิ๋นอวิ๋นกับเขา “ตอนนี้หล่อนหย่าแล้ว และก็ทำแท้งลูกในท้องแล้วด้วย หล่อนอยู่ที่โรงแรมตามลำพัง ฉันว่าหล่อนคงจะพอใจแบบนั้น ว่ากันตามตรงหล่อนคงจะสำนึกผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันว่าหล่อนน่าจะอยากกลับไปหาหลี่จื้อนะคะ”
“อยากกลับไปหาหลี่จื้องั้นเหรอ? คุณคิดว่าหลี่จื้อยังจะต้องการหล่อนอีกเหรอครับ?” จี้เจี้ยนเหวินเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ต่อให้เป็นน้องสาวตัวเอง ต่อให้หล่อนสำนึกผิด หากแต่ในมุมมองของหลี่จื้อแล้วย่อมเป็นไปไม่ได้ ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมรับผู้หญิงที่เคยทรยศหักหลังตนหรอก
หลี่จื้อต้องเจ็บปวดถึงเพียงนั้น เขาย่อมไม่กลับไปอยู่ในจุดเดิมอีกแน่