ตอนที่ 296 ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก
“ไม่จำเป็นต้องขอขมา ถ้าหล่อนยังมีความกตัญญูอยู่บ้าง ก็ไปให้เร็วที่สุดเสียจะดีกว่า เรายังอยากให้ปีนี้เป็นปีที่ดี ไม่มีเวลามาเอาใจหล่อนหรอก!” คุณพ่อจี้เอ่ยเสียงแข็ง
เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ลูกสาวคนนี้เป็นตัวกาลกิณี ไม่มีประโยชน์ที่จะให้หล่อนกลับมา เขาไม่มีทางไปเจอหล่อนแน่นอน ให้หล่อนรีบไปเสียดีกว่า!
ชีวิตนี้เลี้ยงหล่อนมาตั้งนานนม สู้อุตส่าห์ส่งให้เรียนถึงระดับวิทยาลัย เขากับภรรยาต่างทุ่มเทกับหล่อนไปมาก!
แต่ตอนนี้หล่อนตอบแทนพวกเขาอย่างไร หล่อนถึงกับทำตัวเช่นนี้ ทำให้ผู้คนเจ็บปวดกันไปเท่าไร?
เมื่อไม่กี่วันก่อนหลี่จื้อได้ขึ้นมาหาพร้อมกับหลานสาว ตอนนี้เธอเดินได้แล้ว ดูน่ารักน่าชัง เขาเองนึกเอ็นดูไม่น้อย หยวนหยวนดูว่าง่ายและเหมือนผู้เป็นพ่อ ผิดกับคนเป็นแม่ลิบลับ…
ในท้ายที่สุดจี้เจี้ยนเหวินก็ไม่สามารถโน้มน้าวพ่อแม่ได้ เขาจึงต้องลงจากสวนไปก่อน
หลังจี้เจี้ยนเหวินกลับไป คุณแม่จี้ก็ถอนหายใจออกมา
คุณพ่อจี้เอ่ยด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ ถ้าคุณมีความสุขนัก อย่างนั้นก็เชิญไปดูแลหล่อนได้ตามสบายเลย ผมอยู่คนเดียวที่สวนได้ คุณไปกับหล่อนเถอะ!”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ” คุณแม่จี้บอก
“ใครจะสนว่าคุณพูดอะไรล่ะ คุณเลิกคิดถึงเรื่องของหล่อนเสียจะดีกว่า ถือซะว่าไม่เคยมีลูกสาวคนนี้มาก่อน หล่อนจะไปพลอดรักที่ไหน ไปตกหลุมรักใคร ก็ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับตระกูลจี้อีกแล้ว!” คุณพ่อจี้ประกาศกร้าว
คุณแม่จี้ทำเพียงนิ่งเงียบ
คุณพ่อจี้ยังสะสางเรื่องไม่จบ หลังเลิกงาน เขาก็ลงจากสวนมาด้วยสีหน้ามึนตึง ไม่ใช่เพื่อสิ่งใด นอกเสียจากไปไล่จี้อวิ๋นอวิ๋น
“เก็บข้าวของแล้วไสหัวไปซะ ที่นี่เป็นบ้านเก่าตระกูลจี้ และเธอก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวของเราแล้ว!” คุณพ่อจี้เอ่ยไล่ตรง ๆ
“คุณพ่อคะ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ตอนนี้อวิ๋นอวิ๋นสำนึกผิดแล้วนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่รีบออกหน้าพูดให้
“พ่อครับ แล้วจะให้หล่อนไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ?” จี้เจี้ยนเหวินโพล่งขึ้นเช่นกัน เขานึกไม่ถึงว่าพ่อของตนจะใจแข็งปานนี้ ไม่เห็นว่าน้องสาวเขาเป็นลูกสาวจริง ๆ แล้ว
“มันก็เรื่องของแก ใครบอกให้แกพาหล่อนกลับมาล่ะ ฉันบอกไปตั้งแต่ตอนที่หย่าแล้ว จี้อวิ๋นอวิ๋นกับครอบครัวจี้ของเรา ต่อไปนี้เหมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง* ไม่ต้องมาสนใจเรื่องของกันและกันอีก!” คุณพ่อจี้กล่าว
*น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง = ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกัน
“พ่อ พ่อคะ หนูสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ค่ะ หนูทำผิดไปแล้ว พ่อคะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพลันคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เป็นพ่อ พร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญ
หลังจากที่พ่อตัดขาดความสัมพันธ์กับหล่อนในชีวิตที่แล้ว เขาก็มีสุขภาพย่ำแย่และอาการไม่สู้ดีนัก จนกระทั่งเสียชีวิตตอนอายุ 60 ปี เช่นเดียวกับแม่ของหล่อน
ในชีวิตที่แล้วหล่อนเสียใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่หล่อนมีชีวิตอันน่าสมเพช หล่อนก็ยิ่งเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ไม่มีโอกาสให้ได้แก้ตัว เมื่อพลาดไปแล้วก็ไม่อาจย้อนกลับมาแก้ไขได้
หากแต่สวรรค์เปิดโอกาสให้หล่อนได้แก้ตัวแล้ว หล่อนจึงคว้าโอกาสนั้นไว้ทันที!
“ได้ ต่อให้แกสำนึกผิด มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวฉันอยู่ดี แกมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น จงไปซะ ถ้าแกยังไม่ไป อย่างนั้นพวกเธอสองคนก็เก็บข้าวของกลับเมืองเจียงสุ่ยไป และอย่ากลับมาที่นี่อีก!” คุณพ่อจี้บอก ก่อนหันหลังเดินจากไป โดยไม่ชายตามองจี้อวิ๋นอวิ๋นที่คุกเข่าต่อหน้าเขา
“พ่อคะ พ่อ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเรียกรั้งหลายครั้ง แต่คุณพ่อจี้เมินเฉย และกลับขึ้นสวนไปทันที
จี้อวิ๋นอวิ๋นร้องไห้แทบขาดใจ อวิ๋นลี่ลี่ถอนหายใจและถามจี้เจี้ยนเหวิน “เจี้ยนเหวิน ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไงดีคะ?”
“จะทำยังไงได้อีก อวิ๋นอวิ๋น เธอไปพักที่โรงแรมแถบชานเมืองก่อนเถอะ” จี้เจี้ยนเหวินบอกกับจี้อวิ๋นอวิ๋น
“พี่สี่ พี่จะไล่ฉันเหรอคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นอดจะพูดออกมาไม่ได้
“ไม่เห็นเหรอว่าพ่อไม่ยอมรับการกลับมาของเธอสักนิด ถ้าเธอยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่ มีแต่จะทำให้พ่อโกรธมากขึ้น แล้วพี่สามก็จะไม่เห็นด้วย และมาเล่นงานพี่อีก ปีก่อนแม่โกรธเธอมาก เธอหนีไปทั้งที่แม่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ไม่อย่างนั้นพี่สามได้หักขาเธอไปแล้ว!”
“ตอนนี้พี่เขาได้ดีแล้ว เลยเที่ยวดูถูกคนอื่นสินะคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันกรอด
ในชาติที่แล้ว พี่สามประสบอุบัติเหตุจากสนามรบ หลังถูกปลดประจำการออกมา เขาไม่ได้มีความสามารถมากนัก พอชาตินี้ตั้งตัวขึ้นมาได้ทีก็คงอยากจะอวดล่ะสิ?
เมื่อได้ยินหล่อนพูดเช่นนั้น อวิ๋นลี่ลี่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และเริ่มรู้สึกคิดผิดที่พาน้องสามีกลับมา
จี้เจี้ยนเหวินพลันดุเสียงเข้ม “เธอพูดอะไรของเธอ? เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าสำนึกผิดแล้ว? นี่คือความคิดของคนที่สำนึกผิดงั้นเหรอ? พ่อแม่โกรธเธอขนาดนี้ พี่สามเลยต้องพาพวกเขาไปผ่อนคลายที่ปักกิ่ง กลับมาถึงได้อาการดีขึ้น นี่เป็นการตามเช็ดล้างความวุ่นวายที่เธอก่อไว้!”
พูดจบเขาก็หันไปบอกกับอวิ๋นลี่ลี่ “รีบพาหล่อนออกไปซะ ส่วนเธอน่ะไสหัวไปได้แล้ว!”
“พี่สี่ พี่สี่ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโทษพี่สามเลยนะคะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นรีบเอ่ยเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ไปคิดเรื่องนี้ให้ดี ไม่อย่างนั้นพี่สามอาจไม่เห็นพี่เป็นน้องชายแล้ว” จี้เจี้ยนเหวินส่งกระเป๋าให้หล่อน และโบกมือไล่
ส่วนเรื่องที่หล่อนพูดเมื่อครู่ เขาเองก็นึกผิดหวังเล็กน้อย น้องสาวคนนี้ของเขาคิดได้แล้วจริงเหรอ?
จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่มีทางเลือก หลังกลับมาถึงบ้านหล่อนก็ยังไม่ได้นั่งพักสบาย ๆ เลยแม้แต่น้อย ทำได้เพียงแบกกระเป๋าออกไป
แต่ก่อนที่หล่อนจะจากไป หล่อนได้แวะมาที่บ้านของคนขายเนื้อหลี่ ด้วยรู้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดของหลี่จื้อ และเขาก็คงอยู่ที่บ้านหลังนี้
แล้วก็บังเอิญกับที่หลี่จื้อตั้งใจจะอุ้มหยวนหยวนแวะไปเยี่ยมบ้านครอบครัวจี้พอดี เขาคิดจะไปกินมื้อเย็นที่นั่น ด้วยต้องการให้หยวนหยวนคุ้นเคยกับคุณลุง จึงพาเธอแวะไปอยู่เสมอ แต่ก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจในจังหวะที่เดินออกไปและเห็นจี้อวิ๋นอวิ๋น
ต่อให้หล่อนจะแต่งตัวดูดี ต่างจากเมื่อปีก่อนอย่างผิดหูผิดตา เขาก็ทำเพียงเหลือบมองเท่านั้น
จี้อวิ๋นอวิ๋นมองชายตรงหน้าหล่อน และย้อนนึกถึงยามที่ได้เจอเขาเป็นครั้งแรก หล่อนถูกแนะนำให้รู้จักเขา เขากับพ่อของเขาเคยช่วยพี่สามของหล่อนชำแหละหมูเป็นครั้งแรก และหล่อนก็ถูกท่าทางอ่อนโยนของเขาดึงดูดเข้าจนได้
อีกทั้งยังมีคนคอยจัดแจงเรื่องการแต่งงานให้ หล่อนจึงยิ่งตกหลุมรักเขา
ภายหลังที่หล่อนได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขา หล่อนก็มีความสุขมาก มีความสุขมากเหลือเกิน การได้แต่งงานกับผู้ชายแบบหลี่จื้อ ผู้หญิงคนไหน ๆ ก็ย่อมมีความสุข
เขามีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างที่ผู้ชายพึงมี ทั้งดูแลครอบครัว รักภรรยา และมีความรับผิดชอบ การได้แต่งงานกับเขาถือเป็นเรื่องน่ายินดีทีเดียว
หากแต่หล่อนกลับหลงผิด หล่อนถูกไอ้บ้าโจวจื่อล่อลวง ถึงได้ละเลยผู้ชายดี ๆ อย่างเขา และหนีไปกับผู้ชายเลว ๆ แบบโจวจื่อ!
จี้อวิ๋นอวิ๋นเสียใจกับเรื่องนี้ หล่อนรู้สึกผิดกับเรื่องนี้อย่างเป็นที่สุดในชีวิต
เคราะห์ยังดีที่หล่อนได้มีโอกาสกลับมา!
จี้อวิ๋นอวิ๋นมองเขาด้วยสีหน้าไม่ปิดบัง ความยินดีฉายแววปรากฎบนใบหน้าหล่อน
ผิดกับหลี่จื้อที่มีสีหน้าเรียบเฉย พวกเขาหย่ากันแล้ว ไม่มีสิ่งใดต้องพูดกันอีก
เขาเดินหนีขณะอุ้มหยวนหยวนเอาไว้
“หลี่จื้อ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นรีบรั้งเขาไว้
“มีอะไรเหรอครับ?” หลี่จื้อยังเห็นแก่หน้าตายายของหยวนหยวนอยู่ จึงอยู่รอฟังและถามเสียงเรียบ
“ฉันหย่ากับโจวจื่อแล้ว ฉัน…”
หลี่จื้อกล่าวแทรกขึ้น “คุณไม่จำเป็นต้องบอกผมในเรื่องนี้หรอกครับ ผมไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับคุณอีกแล้ว”
หลังว่าจบเช่นนั้น เขาก็ไม่คิดจะไปที่บ้านตระกูลจี้ เขาอุ้มหยวนหยวนกลับเข้าบ้านทันที และปิดประตูใส่
“หลี่จื้อ หลี่จื้อ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเคาะประตูเรียกเขา