ตอนที่ 107 รถเทียมม้าของศาลาว่าการ
เมิ่งหนานประสานมือคารวะนายอำเภอ “ใต้เท้า เดิมทีข้ากำลังจะตามแม่นางไป๋ไปตัดสินคดีที่หมู่บ้านหวงถัว ทว่ายังไม่ทันออกจากจวน ก็พบสาวใช้ของท่านกำลังไปตามหมอ แม่นางไป๋เป็นคนมีน้ำใจ เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องของคุณชายน้อย จึงรีบมาในทันทีขอรับ”
นายอำเภอพยักหน้า ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง มิน่าเล่าถึงได้รวดเร็วเช่นนี้ และโชคดีที่รวดเร็วเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นบุตรชายของเขาคงตตกอยู่ในอันตรายแล้ว
เขากล่าวกับสาวใช้ข้างกายว่า “ไป ไปหยิบเงินมาหนึ่งร้อยตำลึง มอบเป็นรางวัลให้แม่นางไป๋”
ไป๋จื่อรีบกล่าว “ใต้เท้า ข้าเพียงออกแรงน้อยนิดเท่านั้น ไม่กล้ารับรางวัลมากมายเช่นนี้จริงๆ เจ้าค่ะ”
นายอำเภอเห็นสีหน้าของนางซื่อสัตย์ พูดจาจากใจจริง ในใจของเขารู้สึกชอบใจนางยิ่งนัก จึงยิ้มกล่าว “สำหรับเจ้าเป็นการออกแรงน้อยนิด แต่สำหรับข้ากลับเป็นบุญคุณช่วยชีวิต ของรางวัลเล็กน้อยนี้ เจ้าอย่าได้ปฏิเสธอีกเลย”
เมิ่งหนานกล่าวต่อ “ใต้เท้ากล่าวถูกต้อง แค่หนึ่งร้อยตำลึงเล็กน้อย เทียบกับชีวิตของคุณชายแล้ว จะนับว่ามากมายอะไรกัน หากเจ้าไม่รับ เท่ากับเจ้าอยากให้ใต้เท้าติดหนี้น้ำใจเจ้าอย่างนั้นหรือ”
เด็กสาวลอบยิ้ม เมิ่งหนานผู้นี้เป็นคนแปลกนัก นางกับเขายังไม่สนิทสนมกันเลย เหตุใดจัดการให้เหมือนกับสนิทกันขนาดนั้น
“เช่นนั้นข้าก็ขอรับอย่างนบนอบ ดีกว่าปฏิเสธอย่างสุภาพเจ้าค่ะ”
นายอำเภอพนักหน้า แล้วสั่งสาวใช้ข้างกาย “เตรียมรถเทียมม้าคันหนึ่ง ส่งแม่นางไป๋กลับบ้าน”
ไป๋จื่อย่อมขอให้เป็นเช่นนั้น นั่งรถเทียมวัวเสียเวลามากเกินไปจริงๆ คนอย่างใต้เท้าเมิ่งและองครักษ์จิน ย่อมขี่ม้าเดินทาง หากนางนั่งรถเทียมวัวกลับไป เกรงว่าเที่ยงวันคงจะยังไม่ถึง
“ขอบคุณใต้เท้ามากเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอลา” ในใจนางรู้สึกร้อนรนอยู่บ้าง ยามนี้แล้ว คนสกุลไป๋ต้องไปก่อความวุ่นวายที่สกุลหูแน่นอน นางไม่อยู่ที่นั่น ไม่แน่ว่าจ้าวหลานจะถูกพวกนางทำให้อับอาย จ้าวหลานดีไปหมดเสียทุกอย่าง เสียก็แต่จิตใจดีเกินไป เผชิญหน้ากับคนเช่นสกุลไป๋ นางมีแต่เสียเปรียบเท่านั้น
รถม้าของศาลาว่าการย่อมไม่เหมือนกับรถม้าของคนธรรมดาทั่วไป เพราะกว้างขวาง นั่งสบาย ทั้งยังตกแต่งไว้สวยงามอย่างยิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้นั่งรถม้า ในใจรู้สึกคาดหวังทีเดียว
นางก้าวขึ้นรถโดยการเหยียบแท่นที่มีคนเตรียมไว้ให้ ทว่าก้นเพิ่งจะหย่อนลง ผ้าม่านด้านในที่ปิดไว้ก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง แสงอาทิตย์แยงตาส่องเข้ามาจากข้างนอก พร้อมด้วยกลิ่นหอมเข้มข้นสายหนึ่ง ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใคร
คนผู้นี้ใบหน้าเน่าเปื่อย หากไม่ใช้เครื่องหอมกลบไว้ ใครจะกล้าอยู่ข้างกายเขากัน
และถึงจะเป็นเช่นนั้น นางก็ยังคงได้กลิ่นเหม็นเจือจางนั่นอยู่ดี
“ใต้เท้าไม่ขี่ม้าหรือเจ้าคะ” ไป๋จื่อมองเมิ่งหนานที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามตนเอง ก่อนจะถาม
เมิ่งหนานชี้ที่ใบหน้าของเขา “เจ็บหน้า เมื่อลมพัดโดน ก็จะยิ่งเจ็บ”
สายตาของเขาจ้องมองไป๋จื่ออย่างล้ำลึก “อาจารย์ของเจ้าเป็นใคร”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่มีอาจารย์ ข้าเรียนด้วยตนเองเจ้าค่ะ ดังเช่นที่ข้าเคยพูดไว้ ข้าไม่ใช่หมอ เพียงรู้วิชาอย่างผิวเผิน หากใต้เท้าเชื่อข้า เมื่อจัดการเรื่องที่บ้านข้าเสร็จแล้ว ข้าจะออกใบสั่งยาให้ท่าน ท่านเพียงลองดู แต่หากใต้เท้ายังไม่เชื่ออีก เช่นนั้นก็ไปเชิญคนที่เก่งกว่าข้าเถิดเจ้าค่ะ”
เมิ่งหนานไม่ได้บอกว่าเชื่อ และไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อเช่นกัน เพียงมองนางคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม และไม่พูดจาอีก
ความเร็วของรถม้าไม่รู้เร็วกว่ารถม้ากี่เท่าตัว ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม รถม้าก็มาถึงด้านนอกหมู่บ้านหวงถัวแล้ว
องครักษ์จินนำนักการสองคนขี่ม้าอยู่ด้านหน้า ส่วนรถม้าตามอยู่ด้านหลังพวกเรา ขบวนนี้นับว่าไม่เล็ก โดยเฉพาะสถานที่เช่นหมู่บ้านหวงถัว จึงยิ่งดึงดูดสายตาคนเป็นพิเศษ
มือปราบสวมชุดปฏิบัติงานเต็มยศ ตรงเอวเหน็บกระบี่ ใบหน้าดุดัน คนทั่วไปเห็นเข้า ย่อมถอยให้สามฉื่อตามสัญชาตญาณ ไหนเลยจะกล้าเข้าใกล้
……….
ภาคที่ 2
ตอนที่ 108 ใครทำเงินหาย
“คนของฝ่ายราชการไม่ใช่หรือ เหตุใดมาที่หมู่บ้านหวงถัวของพวกเราล่ะ”
“นั่นน่ะสิ หรือว่ามีคนในหมู่บ้านหวงถัวของพวกเราก่อคดี”
“ดูเหมือนจะไปทางบ้านของหูจ่างหลินนะ!”
“ข้ารู้แล้ว ต้องเป็นเรื่องที่สกุลไป๋ทำเงินหายแน่ๆ วันนี้แม่เฒ่าสกุลไป๋พาลูกหลานไปที่บ้านของหูจ่างหลินตั้งแต่เช้า บอกว่าจ้าวหลานและไป๋จื่อขโมยเงินนางไปสามสิบตำลึง จะให้พวกนางคายออกมา ไม่เช่นนั้นจะพาพวกนางไปพบทางการ”
“ช่างน่าขันนัก เมื่อจ้าวหลานกับไป๋จื่อออกจากสกุลไป๋ คนทั้งหมู่บ้านล้วนเห็นทั้งนั้น ว่าพวกนางไม่ได้นำไปแม้กระทั่งเสื้อผ้า จะนำเงินสามสิบตำลึงของพวกเขาสกุลไป๋ไปได้อย่างไร อีกอย่างนะ สกุลไป๋ยากจนข้นแค้น จะมีเงินสามสิบตำลึงหรือ”
ไม่รู้หมอลู่โผล่ออกมาจากที่ใด เขาแค่นหัวเราะกล่าว “ติดเงินค่ารักษาของข้าอยู่สองตำลึงยังไม่คืนเลย หากนางมีสามสิบตำลึง เช่นนั้นข้าคงเสียชื่อสกุลลู่แล้ว”
“ไปๆๆ พวกเราก็ไปดูกันสักหน่อย ว่าละครในวันนี้จะร้องอย่างไร”
ทุกคนล้วนแห่กันไปที่บ้านของหูจ่างหลิน
รถม้าจอดอยู่ข้างนอกลานบ้านสกุลหู เสียงร้องแหลมของหญิงชราและหลิวซื่อหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงม้า จากนั้นพวกนางทั้งครอบครัวก็พากันหันหน้ามองไปด้านนอกลานบ้าน
พวกนางเห็นมือปราบสวมชุดปฏิบัติงานของศาลาว่าการ เหน็บดาบยาวตรงเอวกำลังขี่ม้า พลางมองพวกนาง
“ที่นี่คือบ้านของหูจ่างหลินใช่หรือไม่” เสียงดุดันและเย็นชาของมือปราบดังขึ้น ทำเอาคนสกุลไป๋กลัวจนตัวสั่น
หูจ่างหลินรีบออกมารับหน้า เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ใต้เท้าทั้งหลาย ข้าคือหูจ่างหลินขอรับ”
เวลานี้ม่านของรถม้าถูกเปิดออก เมิ่งหนานออกมาจากด้านใน คนบังคับรถจึงรีบนำแท่นรองเท้ามาจัดวาง
ร่างกายของคนสกุลไป๋สั่นเทาอยู่ระลอกหนึ่ง สีหน้าดำคล้ำยิ่งกว่าดิน
เมิ่งหนานก้าวเข้าไปในลานบ้านหลายก้าว ก่อนจะยืนอยู่ตรงหน้าคนสกุลไป๋ที่มากันอย่างพร้อมเพรียง เขาเอ่ยเสียงเรียบ “ใครทำเงินหาย”
หญิงชราสกุลไป๋อ้ำอึ้งไร้เสียง สองขาสั่นราวไม่หยุดกับหนาว ปากพูดอะไรไม่ออก
หลิวซื่อยิ่งเสียความน่าเกรงขามก่อนหน้านี้ไป ฝีปากแหลมคมเวลานี้พูดอะไรไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
เมิ่งหนานเห็นว่าไม่มีใครตอบ จึงหันกลับไปมองไป๋จื่อ “เจ้าบอกว่ามีคนทำเงินหายไม่ใช่หรือ”
ไป๋จื่อก้าวมาข้างหน้า นิ้วเรียวชี้ไปที่หญิงชราและคนอื่น “พวกเขานั่นแหละ เมื่อวานเย็นจู่ๆ พวกเขาก็มาหาข้าที่นี่ บอกว่าข้ากับท่านแม่ขโมยเงินสามสิบตำลึงของพวกเขาสกุลไป๋ แม้ข้ากับท่านแม่จะยากจน แต่ก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะทำเรื่องลักขโมย ย่อมไม่ยอมถูกคนใส่ร้ายจนเสียชื่อเสียง เวลานี้ขอใต้เท้าตัดสินคดีนี้ คืนความยุติธรรมให้พวกข้าด้วยเจ้าค่ะ”
เมิ่งหนานร้องอ๋อเสียงหนึ่ง แล้วหันไปมองสตรีสูงวัยสกุลไป๋อีกครั้ง “คำพูดนี้จริงหรือ พวกเจ้าทำเงินสามสิบตำลึงหายจริงใช่หรือไม่”
หญิงชราอยากกลับคำ ทว่าบัดนี้นางขึ้นหลังเสือแล้ว ยากจะลงมา ยิ่งยากที่นางจะถอยกลับ ทำได้เพียงทำหน้าหนากล่าวว่า “ใช่ บ้านพวกข้าทำเงินสามสิบตำลึงหายจริงๆ เป็นสองหัวขโมยไป๋จื่อและจ้าวหลานขโมยไป ยังจะมีผู้ใดอีก”
สีหน้าขององครักษ์จินเริ่มเย็นชาขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวเสียงทุ้ม “พูดจาให้ดี ไม่อนุญาตให้ต่อว่าผู้ใด”
นางหวาดกลัวจนแทบจะคุกเข่าลง โชคดีหลิวซื่อที่อยู่ข้างๆ ประคองนางไว้
“เจ้าบอกว่าพวกนางขโมยเงินของบ้านพวกเจ้าไป มีหลักฐานหรือไม่” เมิ่งหนานถามอีก
Related