ตอนที่ 123 น้ำเข้าสมอง
หลิวซื่อรีบเอ่ย “ท่านแม่ ท่านเลอะเลือนแล้ว วันนี้ไป๋จื่อและจ้าวหลานได้เงินหนึ่งร้อยตำลึงไป และพวกนางยังแบ่งที่ดินอยู่อาศัยและที่นาจากท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้อีก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพย์สมบัติ หากคืนดีกับพวกนางได้ ของเหล่านี้ไม่ใช่ว่าล้วนเป็นของสกุลไป๋หรือ”
เมื่อเจ้าใหญ่ได้ยินดังนั้น เขาก็รีบเข้ามาใกล้ “ใช่ๆๆ ภรรยาของข้าพูดไม่ผิด ขอเพียงพวกเราคืนดีกับไป๋จื่อและจ้าวหลานได้ แล้วรับพวกนางกลับมา ของเหล่านี้ย่อมต้องยึดมาไม่ใช่หรือ ต่อไปหากพวกนางคิดแยกบ้านอีก พวกเราก็ให้พวกนางไปดังเดิม”
หญิงชราแค่นหัวเราะ “พวกนางช่างได้เปรียบนัก หากไม่ใช่เพราะเห็นเงินและที่นา ชีวิตนี้ของพวกนางก็อย่าได้คิดจะเหยีบเข้าสกุลไป๋ของพวกเราอีกเลย”
บัดนี้จางซื่อและไป๋เจินจูหอบกระเป๋าเข้ามาในลานบ้าน ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาพอ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย้ย “พูดเหมือนไป๋จื่อกับจ้าวหลานฝันอยากจะกลับมาอย่างไรอย่างนั้น”
หลิวซื่อถลึงตามองจางซื่อ ก่อนจะกล่าวด้วยความโมโห “เจ้ายังรู้จักกลับมาด้วยหรือ เหตุใดรีบไปนัก”
จางซื่อก็มีไฟโทสะอยู่เต็มเปี่ยม “ทำไม เห็นข้าไม่ได้ถูกโบยเช่นเดียวกับพวกเจ้า ก็เลยไม่พอใจอย่างนั้นหรือ”
หญิงชราปวดหัวกับการต่อแกต่อคำของพวกนาง จึงตำหนิว่า “หุบปากให้หมด บ้านนี้ยังคึกคักไม่พอหรืออย่างไร”
นางหันหน้าไปถลึงตามองจางซื่อ “ในเมื่อกลับมาแล้วก็ไปทำอาหาร อย่าจงใจหาเรื่องที่นี้”
จงใจหาเรื่อง?
จางซื่ออยากจะหมุนกายจากไปเสียจริง หากไม่ใช่เพราะนางรู้ว่าฟู่กุ้ยถูกโบยสิบไม้ และเพราะในใจนางยังนึกถึงบุตรชาย ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กลับมา
นางเดินไปถึงข้างกายบุตรชาย ครั้นเห็นใบหน้าซีดขาวของเขา อีกทั้งท่าทางที่แม้แต่จะยืนให้ตรงยังไม่ได้ ขอบตาของนางก็แดงขึ้นมาทันที “ฟู่กุ้ย เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บหรือไม่”
ฟู่กุ้ยส่ายหน้า “ท่านแม่ ท่านกลับมาก็ดีแล้ว ข้าไม่เจ็บหรอก”
หัวใจของจางซื่อมีแต่ความคั่งแค้น หากไม่ใช่เพราะหญิงชราและหลิวซื่อเอาแต่ได้ ฟู่กุ้ยของนางคงไม่ถูกพัวพันจนถูกตีไปด้วย
“ไป แม่จะประคองเจ้าเข้าไป” ในใจเจ้ารองเจ็บปวดเช่นกัน บุตรชายต้องมารับผิดที่ไม่ได้ก่อกับพวกเขา ช่างไม่คุ้มกันเอาเสียเลย
ครั้นหลับถึงห้อง จางซื่อก็วางกระเป๋าผ้าลงบนเตียง กาอนจะหันไปถลึงตากล่าวกับเจ้ารอง “เจ้ามีสมองเหมือนหมูหรือ? รู้อยู่แท้ๆ ว่าท่านแม่และหลิวซื่อจะไปขู่เอาเงิน เจ้าก็ยังพาฟู่กุ้ยไปด้วย น้ำเข้าสมองเจ้าไปแล้วหรืออย่างไร”
เจ้ารองถูกตีไปสิบห้าครั้ง บั้นท้ายแตกไปหมดแล้ว เจ็บจนเขาอยากจะด่าทอ เดิมคิดตะนอนคว่ำบนเตียง กลับถูกจางซื่อขวางทางไว้ เขาจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร หากข้าไม่ไป พวกเขาได้ประโยชน์อะไรจากจ้าวหลาน ยิ่งไม่มีทางแบ่งให้บ้านรองของพวกเรา แล้วข้าจะไม่ไปได้หรือ”
“ประโยชน์?” นางหัวเราะเสียงเย็น แล้วชี้ไปที่บั้นท้ายของเขา “นี่คือประโยชน์ที่เจ้าได้รับ”
สามีมีสีหน้าจนใจ “ใครจะคิดได้ว่านางเด็กน่าตายไป๋จื่อจะไปฟ้องร้องที่ศาลาว่าการ อีกทั้งยังนำใต้เท้าตัดสินคดีมาคนหนึ่ง หากข้าคิดถึงเรื่องพวกนี้ได้ ถึงจะตีข้าให้ตาย ข้าก็ไม่ตามไปหรอก”
จางซื่อชี้ไปที่หัวสมองของเขา “หัวสมองของเจ้าเนี่ย คิดถึงอะไรได้บ้าง เจ้าไม่รู้สึกหรือว่านางเด็กไป๋จื่อนั่นไม่เหมือนกับเมื่อก่อน เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะสั่งสอนนางได้ตามใจหรือ” นางหันไปมองข้างนอก หญิงชรากำลังซุบซิบอะไรบางอย่างเสียงเบาอยู่ในโถงกับหลิวซื่อ นางจึงแค่นหัวเราะอีกเสียง “ตอนที่ไล่คนออกจากประตูตระกูลไป ช่างไม่มีน้ำใจสักนิด ตอนนี้พวกนางเจริญก้าวหน้า ก็คิดจะไปรับกลับมา บนโลกนี้มีเรื่องดีเช่นนี้อยู่จริงหรือ เจ้ารอง หากเจ้าเป็นไป๋จื่อกับจ้าวหลาน เจ้าจะยังกลับมาอีกหรือ”
……….
ตอนที่ 124 ความชิงชังของเจินจู
เจ้ารองคิดดูแล้ว จึงสายหน้าอย่างเด็ดขาด “หากเป็นข้าที่มีนาและที่ดิน อีกทั้งตอนนี้ยังมีเงินอีก ข้าย่อมไม่กลับมาลำบากอีก”
จางซื่อมองบุตรชายอีกครั้ง “ฟู่กุ้ย เจ้าล่ะ หากเปลี่ยนเจ้าเป็นไป๋จื่อ เจ้าอยากกลับมาที่สกุลไป๋นี้อีกหรือไม่”
ฟู่กุ้ยก็ส่ายหน้าเช่นกัน “ย่อมไม่กลับมา จะกลับมาทำไมกัน วันหนึ่งทำงานไม่เสร็จ ต้องกินอาหารเหลืออยู่ร่ำไป ถูกตีถูกต่อว่ายิ่งกว่าเป็นนิจ แม้แต่สถานที่อาศัยก็มีทั้งลมและฝนรั่วเข้ามา ชีวิตเช่นนี้ ข้าไม่มีทางคิดถึงเด็ดขาด”
“ใช่หรือไม่เล่า แม้แต่พวกเจ้าต่างก็เข้าใจเหตุผลชัดเจน แล้วไป๋จื่อที่ฉลาดเป็นกรดจะไม่เข้าใจได้อย่างไร กว่าจะแยกบ้านไปได้ ทั้งยังมีที่นาและบ้านอีก นางยังจะกลับมาทรมานที่นี่หรือ นอกเสียจากมีน้ำเข้าไปในสมองนาง ไม่เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน”
เจ้ารองคล้ายกับเข้าใจความหมายของจางซื่อแล้ว “เจ้าหมายความว่า พวกเราไม่ต้องยุ่งเรื่องขอสงบศึกหรือ”
จางซื่อเห็นสามีเข้าใจในที่สุด สีหน้าของนางจึงอ่อนลงอยู่สามส่วน ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “แน่นอนว่าไม่ต้องยุ่ง ไม่ว่าตอนนี้พวกเขาจะทำอะไร เจ้าก็อย่าไปยุ่ง และอย่าไปเข้าร่วมด้วย ให้พวกเขาไปหาเรื่องเอง ดูสิว่าพวกเขาอยู่ในกำมือของไป๋จื่อแล้ว สุดท้ายจะยังได้รับประโยชน์อะไร”
หากเป็นเมื่อก่อน เจ้ารองไม่มีทางฟังจางซื่อ แต่วันนี้เสียเปรียบติดต่อกันเช่นนั้น ทำให้เขาเข้าใจแล้ว ท่านแม่ลำเอียงรักแต่บ้านใหญ่เสมอมา ถึงแม้ได้ประโยชน์อะไร ก็คงไม่ถึงบ้านรองอย่างพวกเขา สู้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องยุ่งอะไรทั้งนั้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องรับโทษเช่นในวันนี้อีก
“ตกลง ข้าจะฟังเจ้า” เจ้ารองรับปาก
จางซื่อลอบถอนใจเสียงหนึ่ง รู้สึกดีใจขึ้นหลายส่วน จึงกล่าวกับสามีและบุตรชายว่า “พวกเจ้าสองคนพักก่อน ข้ากับเจินจูจะไปทำอาหาร”
ครั้นนางเดินออกจากประตูห้องไป ก็เรียกไป๋เจินจูที่ยืนอยู่ในล้านบ้านไม่ยอมเข้ามา “เจินจู ยังตะลึงอะไรอยู่ รีบมาจุดไฟ”
ไป๋เจินจูเดินเข้าไปในเรือนอย่างอิดออด บัดนี้ในเรือนเละเทะ เต็มไปด้วยเศษข้าวของ แม้แต่โต๊ะและเก้าอี้สำหรับกินข้าวเดิมก็กลายเป็นเศษชิ้นส่วนอยู่ที่มุมเรือน นี่ยังเป็นบ้านของนางอยู่หรือ
“ท่านแม่ เหตุใดบ้านของพวกเราถึงกลายเป็นเช่นนี้” ไป๋เจินจูขมวดคิ้วถาม
จางซื่อจูงมือไป๋เจินจูเข้าไปที่หลังครัว สภาพการณ์ด้านหลังไม่ได้ดีไปกว่าโถงหน้าสักเท่าไร แม้แต่หม้อบนเตาก็แตกไปแล้ว…
นางถอนใจครั้งหนึ่ง “ท่านย่าและป้าสะใภ้ใหญ่ของเจ้ารับเงินจากคนผู้หนึ่งในหมู่บ้านไป๋หยาง คิดจะขายไป๋จื่อให้พ่อหม้ายเมียตาย รับเงินจากคนผู้นั้นมาสิบตำลึง ผลสุดท้ายผ่านไปเพียงวันเดียว เรื่องที่ไป๋จื่อไม่อาจให้กำเนิดลูกได้ก็แพร่สะพัดออกไป คนผู้นั้นจากหมู่บ้านไป๋หยางรู้เข้า ก็แน่ใจว่าเป็นป้าสะใภ้และท่านย่าของเจ้าหลอกแต่งงาน จึงพาคนมาก่อเรื่องที่นี้ ถึงได้มีสภาพเป็นเช่นนี้”
หลายวันมานี้ไป๋เจินจูอาศัยอยู่ที่บ้านของท่านลุงตนเอง ได้ยินข่าวลือพวกนี้อยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้
“ไป๋จื่อไม่ได้แต่งไปหรือเจ้าคะ”
“แน่นอนว่าไม่ได้แต่ง คนผู้นั้นจากหมู่บ้านไป๋หยางบีบคั้นจนท่านย่าเจ้าคืนเงิน ท่านย่าของเจ้าโกรธจนไล่ไป๋จื่อกับจ้าวหลานออกไป ทั้งยังเขียนหนังสือตัดสัมพันธ์ต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน บัดนี้พวกนางไม่ใช่คนของพวกเราสกุลไป๋แล้ว” จางซื่อกล่าว
บนใบหน้าของไป๋เจินจูปรากฏแววตื่นเต้น “เช่นนั้นก็ดีนัก ไป๋จื่อเด็กน่าตายนั่น สุดท้ายก็ไปพ้นหูพ้นตาข้าได้เสียที”
ในใจของบุตรสาวตนคิดอย่างไร จางซื่อรู้ชัดเจน