ตอนที่ 179 ไก่งามเพราะขน
ไป๋จื่อผอมบางเช่นนี้ เมื่อตัวเปียกปอนขึ้นมาแล้ว หากไม่เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าแห้ง จะต้องตากลมจนจับไข้แน่นอน
นางโบกมือ “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พี่เมิ่ง ท่านมีเสื้อผ้าที่เหมาะกับหูเฟิงหรือไม่ หาให้เขาสักชุดด้วยนะเจ้าคะ”
เมิ่งหนานพยักหน้า “มีสิ ขนาดตัวข้ากับหูเฟิงใกล้เคียงกัน ใส่ของข้าก็ได้ รีบเข้าไปเถอะ”
หูเฟิงอิดออดอยู่บ้าง ถึงแม้เสื้อผ้าจะเปียกโชก เขาก็อยากใส่เสื้อผ้าของตัวเองมากกว่า แต่ทนสายตาจู่โจมของไป๋จื่อไม่ไหว จึงทำได้เพียงตามเมิ่งหนานเข้าไปในเรือนอย่างจนใจ
เมิ่งหนานหยิบชุดชั้นในผ้าไหมทั้งตัวออกมาจากในตู้เสื้อผ้าของตนเอง จากนั้นก็เป็นเสื้อตัวกลางสีฟ้าคราม และเพราะตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน ชุดคลุมด้านนอกจึงเป็นผ้าโปร่งบ้างปักลายเมฆ ทั้งงดงามและเบาบาง เป็นรูปแบบที่เมิ่งหนานชอบที่สุด และเป็นเสื้อผ้ามาตรฐานของคุณชายตระกูลสูงศักดิ์
เขามีแถบคาดเอวเต็มตู้ หลากสี หลายรูปแบบ สุดท้ายเขาเลือกแถบคาดเอวที่มีสีใกล้เคียงกับสีครามออกมา รวมถึงรองเท้าที่เพิ่งทำขึ้นใหม่คู่หนึ่งด้วย
ใต้เท้าเมิ่งส่งเสื้อผ้า รองเท้า และแถบคาดเอวให้หูเฟิง กำลังคิดจะสอนเขาสวมใส่ ถึงอย่างไรเสื้อผ้าเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกับเสื้อผ้าหยาบที่เขาใส่เป็นปกติ ต้องอธิบายวิธีสวมใส่อย่างแน่นอน
แต่หูเฟิงกลับปลดแถบคาดเอวแล้ว เขากล่าวกับเมิ่งหนานว่า “เจ้าจะไม่หลบไปสักหน่อยหรือ”
เมิ่งหนานแค่นหัวเราะ “พูดเหมือนข้าอยากจะดูเจ้าอย่างนั้นแหละ” เขาก็คร้านจะพูดมากความ จึงหมุนกายออกจากด้านใน
หูเฟิงมองเสื้อผ้าเบื้องหน้า ก่อนจะใส่ทุกชิ้นบนร่างกายของตนเองอย่างคุ้นเคย เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นเลือนราง ว่าเมื่อก่อนเขาจะต้องเคยสวมเสื้อผ้าเช่นนี้อยู่บ่อยๆ
หลังจากสวมเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยิบผ้าขนหนูข้างๆ มาเช็ดหยดน้ำจากบนเรือนผม แล้วมัดเป็นมวยผมอย่างลวกๆ ปล่อยเพียงบางส่วนที่ยังเปียกอยู่ให้ระบ่า จากนั้นก็ออกไปทั้งอย่างนั้น
องครักษ์จินยืมชุดกระโปรงมาชุดหนึ่ง เพิ่งส่งถึงมือของไป๋จื่อ หูเฟิงก็เปิดประตูออกมาแล้ว
สายตาของทั้งสามคนจับจ้องบนเรือนร่างของหูเฟิงในทันที ไม่มีใครละสายตาแม้สักคน
องครักษ์จินถอนใจกล่าว “ว่ากันว่าไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง คำพูดนี้ว่าไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ”
เมิ่งหนานมองหูเฟิง หัวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือว่าท่าทาง หูเฟิงล้วนไม่ต่างอะไรจากชายหนุ่มจากหมู่บ้านชาวนาทั่วไป ทว่าครั้นถอดเสื้อผ้าหยาบนั้นออก สวมใส่เสื้อผ้าชั้นดีที่งดงาม ก็ราวกับเขาควรจะใส่เสื้อผ้าราคาแพงเช่นนี้มาตั้งแต่เกิด ความสูงส่งจากภายในกายเขาสายหนึ่งทำให้ไม่อาจมองข้ามไปได้
ยามเห็นหูเฟิงเป็นครั้งแรก เขาเคยมีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน ทว่าตอนนี้คิดเพียงตนเองตาฝาดไป กลับคิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะไม่ได้ตาฝาด
ไป๋จื่อยิ้มพลางก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปลูบเสื้อผ้าบนกายหูเฟิง “เสื้อผ้าสีนี้ดูดียิ่งนัก”
หูเฟิงไม่มีอารมณ์จะพูดล้อเล่นกับนาง เขาขมวดคิ้วมองนางครั้งหนึ่ง “ยังไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ต้องรอให้ป่วยก่อนหรืออย่างไร”
เด็กสาวแลบลิ้น นางบ่นอะไรบางอย่างอยู่คำหนึ่ง ก่อนจะรีบเข้าไปในเรือน
เมื่อนางออกมาก็พลันดึงดูดสายตาของชายหนุ่มทั้งสามคน องครักษ์จินกล่าวชมอีกครั้ง “ไก่งามเพราะขน คำพูดนี้ไม่ผิดเลยจริงๆ!”
ไป๋จื่อสวมเสื้อสั้นพื้นสีขาว ปักลายดอกไม้สีชมพู คอเสื้อทับซ้อนกันตรงหน้าอก นางสวมกระโปรงจับจีบยาวกรอมเท้าสีเหลืองอ่อน กระโปรงตัวนี้ค่อนข้างยาว เด็กสาวจึงต้องใช้มือยกกระโปรงขึ้น ยิ้มพลางกล่าวซื่อๆ ว่า “กระโปรงตัวนี้ยาวนัก เดินแล้วไม่ค่อยสะดวก”
รอยฟกช้ำบนใบหน้าก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว ผิวขาวละมุนดั้งเดิมยิ่งดูโดดเด่นภายใต้เสื้อสั้นสีชมพู ขับเน้นความงามของนางให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่รูปร่างของนางผอมบางอยู่บ้าง
……….
ตอนที่ 180 ข้าจะไม่ออกไป
เมิ่งหนานยิ้มกล่าว “จื่อยาโถวสวมชุดกระโปรงปักลายเช่นนี้แล้ว ช่างเหมือนคุณหนูตระกูลร่ำรวยเสียจริงๆ”
หูเฟิงเห็นสายตาของเมิ่งหนานจับจ้องอยู่ที่ไป๋จื่อตลอด ก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง จึงชี้ไปที่กระเป๋าผ้าสีเทาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ “ในกระเป๋าผ้าของเจ้าใส่อะไรไว้ เปียกแล้วจะไม่เป็นไรหรือ”
ครั้นกล่าวจบ หูเฟิงก็เดินไปทางกระเป๋าผ้าใบนั้น
ไป๋จื่อพลันร้อนรน สาวเท้าถลันไปหากระเป๋าผ้า ด้วยกลัวว่าหูเฟิงจะเห็นสิ่งของข้างในเข้า ทว่าสิ่งที่น่าเศร้าก็คือ นางร้อนรนจนลืมไปว่าตอนนี้สวมกระโปรงยาวที่ไม่พอดีตัวอยู่ จึงเหยียบชายกระโปรงของตนเองเข้า ถึงกับล้มลงบนพื้นดัง ‘โครม’
เมิ่งหนานเห็นดังนั้นก็อยากจะเข้าไปประคอง ทว่ากลับเห็นหูเฟิงก้มลงตรงหน้านาง ดึงนางให้ลุกขึ้นยืน พลางมุ่นคิ้วคมได้รูป แล้วตำหนินางอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เหตุใดถึงยังหกล้มอยู่ได้ กลัวข้าขโมยของในกระเป๋าหรืออย่างไร”
เด็กสาวรีบโบกมือ “ไม่ใช่ๆ กระโปรงชุดนี้ยาวไปหน่อย ข้าไม่ระวังจึงเหยียบเข้า”
หูเฟิงมองชายกระโปรงที่นางยกขึ้น ยาวเกินไปช่วงหนึ่งจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ใครให้เจ้าตัวเตี้ยเช่นนี้ ถึงได้สวมกระโปรงเช่นนี้แล้ว ยังมีส่วนที่ยาวเกินออกมาอยู่อีก” แม้ปากเขาจะบ่นไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ยังคงนั่งยองๆ ลง แล้วฉีกชายกระโปรงออกช่วงหนึ่งอย่างใส่ใจ
ไป๋จื่อร้อนใจ “เหตุใดเจ้าถึงฉีกออกเล่า นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าของข้า เป็นเสื้อผ้าที่พี่เมิ่งช่วยข้ายืมมา ยังต้องคืนอีกนะ”
ชายหนุ่มยืนตัวตรงด้วยความพอใจ แล้วสะบัดชิ้นผ้าในมือทิ้งไป ก่อนจะกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ถือว่าซื้อชุดใหม่ให้นางก็พอแล้วไม่ใช่หรือ”
เมิ่งหนานรีบเข้ามาใกล้ กล่าวตอบว่า “ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่กระโปรงชุดเดียวนะ ครั้งหน้าข้าจะซื้อให้เจ้าอีก”
เขาเข้าไปใกล้ไป๋จื่อ ถามว่า “เจ้ารีบร้อนถึงเพียงนี้ มีเรื่องร้อนใจอะไรหรือ”
นางพยักหน้า “ข้านำข้าวของมาแล้ว ข้าจะรักษาให้ท่านเดี๋ยวนี้”
ที่แท้นางฝ่าฝนมาถึงที่นี่ ก็เพื่อรักษาบาดแผลให้เขา
เมิ่งหนานฉีกยิ้ม เบิกบานเสียจนเผยให้เห็นฟันขาวเรียงตัวกัน “ที่แท้เจ้าฝ่าฝนมาที่นี่ ก็เพื่อรักษาบาดแผลให้ข้า”
ไป๋จื่อพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่ แม้บาดแผลของท่านจะไม่สาหัสมาก แต่ก็ต้องรักษาให้ดีอย่างถึงที่สุด และข้าคิดว่าไม่ควรล่าช้าอีก เช่นนั้นถึงจะเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูในภายหลัง”
แม้แต่เอ็นข้อมือที่ขาดไปแล้ว ยังบอกว่าบาดเจ็บไม่สาหัสอีกหรือ องครักษ์จินเบิกตาโพลงพลางกล่าว “แม่นางไป๋ เจ้าหมายความว่าจะรักษาคุณชายได้แน่ๆ อย่างนั้นหรือ แล้วจะฟื้นฟูกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนได้”
เด็กสาวพยักหน้า “เมื่อวานข้าไม่มีความมั่นใจเท่าไรนัก ตอนนั้นรับประกันว่ารักษาได้ ความจริงเป็นคำพูดที่ข้าอยากปลอบใจพวกท่าน แต่วันนี้ข้ามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะเชื่อมเอ็นข้อมือที่ขาดไปแล้วของเขาได้ และมีความมั่นใจแปดส่วนว่าจะทำให้เขาฟื้นฟูจนเป็นดังเดิมได้ แต่นี่ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากเขาอย่างเต็มกำลังด้วย”
องครักษ์จินดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น เขาพยักหน้าให้ไป๋จื่อไม่ยอมหยุด “แน่นอน คุณชายของข้าจะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าเป็นอย่างดีแน่ๆ”
เมิ่งหนานย่อมดีใจเช่นกัน ทว่าได้ยินคำพูดขององครักษ์จินแล้ว เขาก็ยังคงกลอกตาขาวขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ “แม้นางจะให้ข้าแก้ผ้าเดินผ่านถนนหลัก ข้าก็ต้องให้ความร่วมมือ?”
องครักษ์จินหัวเราะร่า “ขอเพียงปิดหน้า แก้ผ้าเดินก็ไม่เป็นอะไร บุรุษในใต้หล้าล้วนเหมือนกันทุกคนแหละขอรับ”
ไป๋จื่อหัวเราะไปกับพวกเขาด้วย นางยิ้มว่า “เอาล่ะ อย่าพูดเล่นกันอีกเลยเจ้าค่ะ รีบเริ่มกันเถอะ”
“พี่จิน ท่านไปอารักขาอยู่ข้างนอก ไม่ว่าใครล้วนอย่าได้ปล่อยให้เข้ามา จนกว่าข้าจะเปิดประตูเองนะเจ้าคะ”
องครักษ์จินรีบตอบรับ ส่วนไป๋จื่อมองไปยังหูเฟิง
ทว่านางยังไม่ทันได้พูดอะไร หูเฟิงก็แย่งพูดก่อนว่า “ข้าจะไม่ออกไป”