คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา – ตอนที่ 181 โปรเคน ตอนที่ 182 เจ็บ เบาหน่อย!

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 181 โปรเคน

เขาต้องการอยู่เพื่อดูว่านางจะทำอะไรกันแน่

เอ็นข้อมือที่ขาดไปแล้ว นางจะต่อมันได้อย่างไร

ไป๋จื่อมองหูเฟิง ในใจได้แต่ถอนใจยาวเหยียดครั้งหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรนางล้วนหมดหนทางกับเขา หูเฟิงผู้นี้ลำบากเพียงใดไม่เคยบ่น แต่ก็ใช่ว่าจะต่อกรกับเขาได้ง่ายๆ

และตอนนี้พวกเขาลงเรือลำเดียวกันแล้ว เรื่องบางอย่างอยากปิดบัง แต่เกรงว่าจะปิดไม่อยู่แล้วเช่นกัน ในเมื่อปิดไม่อยู่ เช่นนั้นเปิดเผยสักหน่อยก็แล้วกัน

“ตกลง เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ ทว่าระหว่างที่ข้าทำการรักษาอยู่ เจ้าอย่าได้ขัดจังหวะข้า หากอยากดูก็ทำได้ แต่เจ้าต้องอยู่เงียบๆ ตกลงหรือไม่”

หูเฟิงตรงไปนั่งลงบนเก้าอี้ เขาไม่มองนางด้วยซ้ำ เพียงกล่าวอย่างไม่ไยดีว่า “ข้าอยู่ก็เพราะอยากอยู่เงียบๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าอยู่เพราะอยากทำอะไรเล่า”

อยากทำอะไร ก็อยากดูว่าวิชาแพทย์ของข้าเป็นอย่างไร มีความสามารถรักษาอาการความจำเสื่อมของเจ้าได้หรือไม่ ข้าจะไม่รู้ว่าใจในของเจ้ามีความคิดเช่นนั้นได้อย่างไร

แน่นอนว่าไป๋จื่อไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ “ดีมาก” นางเดินไปหยิบกระเป๋าผ้า แล้วกลับไปที่ข้างกายของเมิ่งหนาน กล่าวเสียงเบาว่า “พี่เมิ่ง กระบวนการรักษาที่ข้าจะทำในวันนี้ หวังว่าท่านจะเก็บเป็นความลับ ข้าไม่อยากกลายเป็นที่ครหาของผู้คน ข้าเพียงอยากมีชีวิตธรรมดา ข้าไม่ใช่หมอ และเป็นเพียงคนธรรมดาที่รู้วิชาแพทย์เล็กน้อยเท่านั้น ท่านเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่”

เมิ่งหนานยิ้ม “คำพูดช่วงแรกไม่นับว่าเข้าใจนัก ทว่าคำพูดช่วงหลังข้าเข้าใจดี เจ้าไม่อยากมีชื่อเสียงโด่งดังเหนือใครเพราะวิชาแพทย์ อยากมีชีวิตที่สงบสุข ไม่มีเรื่องกับใคร ถูกต้องหรือไม่”

ไป๋จื่อพยักหน้า “ถูกต้องเจ้าค่ะ ข้าหมายความตามนั้น ข้าไม่อยากเป็นหมอเทวดา และไม่อยากกลายเป็นผู้ช่วยโลกในสายตาของใคร ข้าเพียงอยากปกป้องท่านแม่ข้าอย่างสงบ มีชีวิตที่เรียบง่ายก็เท่านั้น”

อีกฝ่ายลังเลอยู่บ้าง เด็กสาวที่ยังไม่อายุสิบสามปีเต็มเบื้องหน้าผู้นี้ ในวัยของนาง ไม่ใช่ว่าชอบฝันหวานว่าตนเองกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนหรอกหรือ ไม่ได้คิดอยากมีชีวิตที่มีสีสันหรือไร เหตุใดความคิดของนางถึงแตกต่างจากคนทั่วไป ราวกับว่าเคยใช้ชีวิตที่เป็นจุดสนใจมาก่อน และเกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตเช่นนั้นเสียแล้ว

เมิ่งหนานจะรู้ได้อย่างไร ว่าไป๋จื่อเป็นหมอที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาลแถวหน้าในยุคปัจจุบัน คนไข้ที่ต่อแถวรอให้นางผ่าตัด ต้องใช้เวลารอถึงสามเดือนทีเดียว เวลาหนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมง นางใช้กับเตียงผ่าตัดไปแล้วยี่สิบชั่วโมง แม้กระทั่งเคยทำสถิติไม่ได้กลับบ้านติดต่อกันถึงสามเดือน

คนอื่นเลือกใช้เท้าของตนเองออกไปเดินทาง ใช้ดวงตาของตนเองมองทิวทัศน์ ไปดูสีสันของโลกใบนี้ ทว่านางไม่มีเวลา และไม่มีแรงจะทำเช่นนั้น นางทำได้เพียงเลือกการเดินทางด้วยจิตที่สามารถมองเห็นโลกทั้งใบได้ด้วยการนอนหลับครั้งเดียว แต่สุดท้ายก็ยังเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

นางต้องการเริ่มต้นใหม่ในชาตินี้ และไม่อยากใช้ชีวิตด้วยความเหน็ดเหนื่อยเช่นนั้นอีก

เมิ่งหนานพยักหน้าด้วยความจริงจัง “ข้ารับปากเจ้า”

ไป๋จื่อยิ้มจาง ดวงตาเปล่งประกายเสียจนจ้าตา ทำเอาเมิ่งหนานเหม่อลอยไปในทันที

“ข้าเชื่อใจท่านนะเจ้าคะ” นางกล่าวกับเขา “นอนลงเถอะ ข้าจะเริ่มแล้ว”

เมิ่งหนานพลันเครียดเกร็งขึ้นมา เพิ่งจะนอนลงไปก็ลุกขึ้นนั่งอีก “จะเจ็บมากหรือไม่”

นางเหล่มองเขา กล่าวคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้มว่า “ตอนที่เสือกัด ท่านเจ็บหรือว่ากลัวหรือไม่”

อีกฝ่ายส่ายหน้า “ลืมไปแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนั้นข้าได้ความกล้ามาจากที่ไหน เจ็บหรือไม่ก็จำไม่ได้แล้ว”

เด็กสาวหยิบโปรเคน[1]ออกมาจากในกระเป๋าผ้า ในขวดแก้วขนาดเล็กบรรจุของเหลวโปร่งใสเอาไว้ นางเขย่าโปรเคนต่อหน้าเขา “มีสิ่งนี้อยู่ ไม่เจ็บหรอกเจ้าค่ะ”

……….

ตอนที่ 182 เจ็บ เบาหน่อย!

“นี่คืออะไร” เขามองขวดแก้วโปร่งแสงขนาดเล็กนั่นครั้งหนึ่ง มันเหมือนกับขวดแก้ว แต่ก็โปร่งใสและเล็กจ้อยกว่าขวดแก้วมาก บนนั้นยังมีลวดลายอีกต่างหาก ไม่ใช่สิ เหมือนจะเป็นตัวอักษรมากกว่า

“นี่คือยาชาเจ้าค่ะ จะใช้กับบาดแผลของท่าน เวลาเย็บจะได้ไม่เจ็บ” นางวางโปรเคนลง ก่อนจะหยิบตัวทำปฏิกิริยาและเข็มสำหรับทำการทดสอบผิวหนังออกมา

“แล้วนี่คืออะไร” เมิ่งหนานมองเข็มเล็กๆ ราวกับซี่ไม้ไผ่ในมือของนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตรงปลายเข็มสีเงินแหลมยิ่งนัก ที่น่าแปลกก็คือ นางใช้เข็มนั่นดูดของเหลวในขวดออกมา…

“เจ้าทำอะไร เจ้าจะทำอะไร” เมิ่งหนานหดมือของตัวเองกลับด้วยความหวาดกลัว เพราะคิดไม่ถึงว่าไป๋จื่อจะนำเข็มมาจ่อตรงหลังมือของเขา

“ทำการทดสอบผิวหนัง ทดสอบว่าท่านแพ้โปรเคนหรือไม่ ถ้าหากแพ้ก็ต้องเปลี่ยนเป็นยาอีกชนิดหนึ่ง”

นางพูดอย่างสบายๆ ทว่าเมิ่งหนานกลับใจเต้นระรัว เข็มที่ดูดน้ำได้นี้ บางกว่าเข็มเงินที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้มากนัก หากเข็มนี้แทงเข้ามาจะต้องเจ็บมากแน่นอน

ครั้นเห็นเมิ่งหนานไม่ยอมยื่นมือออกมา ไป๋จื่อจึงมุ่นคิ้ว “ท่านเป็นบุรุษ เหตุใดถึงเหมือนกับเด็กเช่นนี้ แค่แทงเข็มเท่านั้น คิดเสียว่าถูกยุงกัด เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่กระมัง”

เมิ่งหนานทนเห็นไป๋จื่อมุ่นคิ้วใส่เขาไม่ได้เป็นที่สุด จึงรีบยื่นมือออกมา “ใครบอกว่าข้ากลัว ข้าแค่ล้อเล่นกับเจ้าก็เท่านั้น”

ไป๋จื่อไม่ได้พูดอะไร เพียงจับมือของเขามาแทงเข็มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฉีดโปรเคนปริมาณน้อยนิดลงใต้ผิวหนัง

“เสร็จแล้ว” นางดึงเข็มออกมา แล้วให้เขานอนลง อย่างได้ขยับ

ในใจของเมิ่งหนานร่ำร้อง เจ็บมากแท้ๆ เหตุใดถึงบอกว่าเหมือนกับยุงกัด เช่นนั้นยุงกัดต้องทรมานเพียงใดกัน

หูเฟิงยื่นคอยาวมองมาทางไป๋จื่อ มองนางหยิบสิ่งของต่างๆ ออกมาจากในกระเป๋าผ้า ล้วนเป็นสิ่งของแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

สีหน้าของเมิ่งหนานก็ชัดเจนว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน เขาเป็นบุรุษในป่าเขา ไม่เคยเห็นโลกกว้าง หากไม่เคยเห็นสิ่งของบางอย่างนับว่าไม่แปลก ทว่าเมิ่งหนานเป็นคนในเมือง แม้แต่เขายังไม่เคยเห็น นั่นก็หมายความว่าสิ่งของนี้เป็นของแปลกจริงๆ

เด็กสาวอย่างไป๋จื่อผู้นี้ หลังจากกลับมาเมื่อวาน นางก็หมกตัวอยู่ในเรือนไม้ ไม่ยอมออกมา แล้วนางไปนำสิ่งของเหล่านี้มาจากที่ใด

หลังจากคำนวณเวลาดูแล้ว นางก็แน่ใจว่าผลการทดสอบผิวหนังของเมิ่งหนานเป็นลบ ดียิ่งนัก เช่นนี้ประหยัดเวลาได้มากทีเดียว

ไป๋จื่อนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะแกะผ้าพันแผลบนข้อมือของเมิ่งหนานออก บาดแผลยังคงน่าตกใจ เพราะไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างดี บริเวณรอบบาดแผลจึงเริ่มอักเสบและเน่าเปื่อยแล้ว

ทันทีที่เห็นไป๋จื่อมุ่นคิ้วอีกครั้ง เมิ่งหนานก็รีบถามว่า “เป็นอะไรไป อาการแย่ลงอีกหรือ”

เด็กสาวส่ายหน้า “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านอย่าคิดเรื่อยเปื่อย สถานการณ์ดีกว่าที่ข้าจินตนาการไว้มาก ตอนนี้ข้าต้องจัดการเนื้อเน่าบนบาดแผลของท่าน จะเจ็บเล็กน้อย ท่านต้องอดทนไว้นะเจ้าคะ”

เจ็บเล็กน้อย?

เมื่อครู่ที่นางบอกว่าเจ็บเหมือนโดนยุงกัด แต่ผลสุดท้ายกลับเหมือนถูกเข็มอ้วนๆ แทงครั้งหนึ่ง คราวนี้นางบอกว่าเจ็บเล็กน้อย…นั่นจะต้องไม่ใช่ความเจ็บเพียงน้อยนิดแน่นอน

“กลัวก็อย่ามองเจ้าค่ะ” นางคว้าหมอนใบหนึ่งโยนใส่หน้าเขา เพื่อปิดตาเขาเอาไว้

เมิ่งหนานหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะดึงหมอนใบนั้นออกจากใบหน้า “ใครบอกว่าข้ากลัว ข้าไม่ได้กลัว ชายชาตรี องอาจผึ่งผาย…โอ๊ย…เจ็บนัก…เบาหน่อย…เจ้าเบาหน่อยสิ…”

จะไม่เจ็บได้หรือ นางเริ่มฆ่าเชื้อให้เขาแล้ว ความเจ็บปวดเช่นนี้นางก็เคยสัมผัสมาก่อน มันเหมือนกับการสาดเกลือและทาพริกลงบนบาดแผล

ทว่าความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทนไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นหูเฟิง เขาย่อมไม่ร้องโวยวายเช่นนี้แน่ วันนั้นที่หูเฟิงขวางอยู่เบื้องหน้านาง ใช้ร่างกายของตนเองกำบังอิฐที่จะกระแทกใส่นาง เขาไม่ร้องออกมาเลยสักแอะ

[1] โปรเคน (Procaine) เป็นยาชาชนิดหนึ่ง ใช้บ่อยในวงการทันตกรรม ออกฤทธิ์เกือบจะในทันที

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

Status: Ongoing
จู่ๆ แพทย์หญิงยอดฝีมือจากยุคปัจจุบัน ดันตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวชาวบ้านยุคโบราณที่ถูกย่าและป้าสะใภ้ตีจนตายทั้งเป็นครั้นรอดชีวิตมาได้ ก็ถูกโขกสับไม่ต่างกับสาวใช้ในบ้าน ทั้งยังจะถูกจับขายแลกเงินให้แต่งกับบุรุษอายุคราวพ่อแต่ไป๋จื่อคนใหม่นี้จะไม่ปล่อยให้พวกนางใช้งานข่มเหงรังแกได้ตามใจชอบอีกต่อไปแล้วให้ตายอย่างไรก็ต้องออกจากบ้านที่เหมือนกับขุมนรกแห่งนี้ไปให้ได้ จึงตัดสินใจสร้างอุบายทำให้ตนเองเสียชื่อเพื่อแยกบ้านกับเหล่าคนสกุลไป๋ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพื่อให้มีข้าวกินอิ่มท้องสักมื้อหญิงสาวที่เคยมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งประเทศในยุคปัจจุบันต้องถกแขนเสื้อทำไร่ทำนา ใช้วิชาแพทย์แผนปัจจุบันรักษาคนไข้และจัดการกับเหล่าคนในหมู่บ้านที่เข้ามาเอารัดเอาเปรียบนางด้วยแต่ขณะเดียวกัน… ก็ต้องรักษาโรคความจำเสื่อมให้ชายหนุ่มกล้ามโตขี้น้อยใจอีก!เดิมทีคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หาเช้ากินค่ำ เลี้ยงชีพให้ตนและท่านแม่มีชีวิตที่ดีแต่ความหวังพรรค์นั้นน่าจะไม่มีทางเป็นจริงได้ หนทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเอาเสียเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท