ตอนที่ 235 เป็นผู้พิทักษ์ของนางให้ดี
เขาชี้พวกนางสองคน แล้วกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง “ดียิ่งนัก พวกเจ้าสองคนร่วมมือกันหลอกข้า สนุกหรือไม่”
ไป๋จื่อก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะดึงแขนเสื้อของเมิ่งหนาน “พี่เมิ่ง ข้ารู้ว่าท่านหวังดี แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องที่ตนเองอยากทำ และมีชีวิตที่ข้าอยากใช้ เมืองหลวงยังไม่เหมาะกับข้า เอาอย่างนี้นะเจ้าคะ ข้ารับปากท่านว่าต่อไปหากมีเวลาว่าง ข้าจะพาท่านแม่ของข้าไปเที่ยวเมืองหลวง ถึงเวลานั้นจะไปร่ำสุรากับท่าน ดีหรือไม่เจ้าคะ”
หูเฟิงที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูเห็นท่าทางทีเล่นทีจริงของนาง เขาก็พลันหน้าบึ้งตึง เมื่อครู่เขาโกรธนางชัดๆ เหตุใดนางไม่ใช่ลูกไม้เช่นนี้ง้อเขาบ้าง
เมิ่งหนานก็รู้ว่าอารมณ์โกรธเช่นนี้ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เขากับไป๋จื่อเป็นสหายกัน เขาเคยช่วยชีวิตไป๋จื่อ และไป๋จื่อก็เคยช่วยชีวิตเขาเช่นกัน อีกทั้งนางก็รักษาใบหน้าเขาจนหาย รวมถึงรักษามือของเขาจนหายดีเช่นกัน บางครั้งนางก็ทำอาหารให้เขากิน ความสัมพันธ์ของพวกเขาเท่าเทียมกัน เขาไม่มีสิทธิ์ลขอร้องให้นางตามเขาไปที่เมืองหลวงตามใจชอบ
และไม่มีสิทธิโกรธเคืองนางอย่างไม่มีเหตุผลอยู่ที่นี่เช่นกัน
“จริงหรือ เจ้าจะไปหาข้าที่เมืองหลวงจริงหรือ” เขาถาม
ไป๋จื่อพยักหน้า “แน่นอนเจ้าค่ะ ขอเพียงข้าไปเมืองหลวง ก็จะต้องไปหาท่านอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นท่านอย่าทำเป็นไม่รู้จักข้านะเจ้าคะ” นางยิ้มกล่าว
เมิ่งหนานรีบพูด “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร จื่อยาโถว เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย แต่เจ้าต้องมาหาข้าที่เมืองหลวงนะ”
เด็กสาวพยักหน้าอีกครั้ง พลางกล่าวในใจ ‘ข้าบอกแล้ว ขอเพียงข้าไปเมืองหลวง จะต้องไปหาท่านอย่างแน่นอน แต่หากชีวิตนี้ข้าไม่ไปเมืองหลวง…เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว…’
แน่นอนว่านางไม่กล้าพูดในตอนนี้ หากพูดออกไป เมิ่งอาจจะโกรธขึ้นมาอีกก็ได้
บุรุษผู้นี้เมื่อน้อยใจขึ้นมาแล้ว นับว่าร้ายแรงกว่าสตรีเสียอีก
“พี่เมิ่ง วันนี้ข้ามาเพราะอยากขอให้ท่านช่วย”
“มีเรื่องอะไรอยากให้ข้าช่วย หรือคนสกุลไป๋รังแกเจ้าอีกแล้ว” เมิ่งหนานรีบถาม
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่ใช่เจ้าค่ะ พวกเขาไม่กล้าหรอก ข้ามีหูเฟิงอยู่ด้วยทั้งคน พวกเขาไม่กล้าทำกับข้าเช่นนั้นแน่”
เมิ่งหนานปรายตามองหูเฟิงที่ยืนอยู่ข้างนอกเรือน ก่อนจะมีเสียง ‘ชิ’ ดังตามขึ้นมา “เขาช่างมีประโยชน์เสียจริง นอกจากต่อยตีและเข่นฆ่าได้แล้ว เขายังทำอะไรได้อีก รับมือกับคนเลวพรรค์นั้น ต้องให้คนอย่างข้าไปจัดการสิถึงจะถูก”
เดิมทีหูเฟิงก็มีไฟสุมอยู่ในอกอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งโมโหจนต้องก้าวไปข้างหน้า แย่งพูดในทันทีว่า “เจ้าเก่งถึงเพียงนั้นก็อย่ากลับเมืองหลวงเสียสิ อยู่ที่เมืองชิงหยวนเป็นผู้พิทักษ์ของนางให้ดี”
ทันใดนั้น เมิ่งหนานพลันหมดคำพูดจะโต้เถียง หากเขาไม่ใช่คุณชายของสกุลเมิ่ง หากเขาไม่ใช่ใต้เท้าเมิ่งที่ชาวบ้านรู้จักกันไปทั่ว เขาก็ไม่อยากจากที่นี่ไปยังเมืองหลวงเช่นกัน
ไป๋จื่อรีบหัวเราะแห้งๆ “หูเฟิงแค่ล้อเล่นกับท่านเท่านั้น พี่เมิ่ง วันนี้ข้ามาหาท่าน เพราะอยากขอให้ท่านช่วยแนะนำข้าให้กับคนจำนวนหนึ่ง”
เมิ่งหนานมุ่นคิ้ว แนะนำให้กับคนจำนวนหนึ่ง? นางอยากจะทำอะไรกัน
“เจ้าอยากพบใครหรือ” เมิ่งหนานถาม
“พี่เมิ่ง แตงดินที่ข้าปลูกเริ่มขายได้แล้ว ก่อนหน้าที่จะเก็บแตงดินได้ ข้าต้องการติดต่อปูทางค้าขายเอาไว้ให้ดีเสียก่อน” ไป๋จื่อกล่าว
“ข้าช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง” เมิ่งหนานไม่เข้าใจ
“พี่เมิ่งอาศัยอยู่ที่เมืองชิงหยวนนางถึงสองปี น่าจะมีร้านอาหารน้อยใหญ่ในเมืองนี้สนิทสนมกับท่านเป็นอย่างมากกระมัง”
เมิ่งหนานพยักหน้า “นับว่าสนิทสนมอยู่ แล้วอย่างไร เจ้าอยากนำแตงดินไปขายให้ที่ร้านอาหารหรือ”
ไป๋จื่อพูดต่อ “วันนี้ข้านำแตงดินมาด้วยจำนวนหนึ่ง ท่านเพียงช่วยแนะนำข้ากับเถ้าแก่ร้านอาหาร ข้าจะนำแตงดินทำเป็นอาหาร แล้วขอให้พวกเขาชิม หากพวกเขาซื้อแตงดินของข้า ข้าจะบอกวิธีทำอาหารให้กับพวกเขา ให้พวกเขาเพิ่มอาหารใหม่ลงไปในรายการของที่ร้าน”
ใต้เท้าเมิ่งเข้าใจในทันที เขายิ้มขึ้นมาโดยพลัน “ความคิดนี้ดีนัก ด้วยฝีมือการทำอาหารของเจ้า จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”
“ข้าขอถือเป็นคำอวยพรจากท่านนะเจ้าคะ” นางยิ้มอย่างเบิกบาน งดงามจนแม้แต่แสงอาทิตย์ยังอับแสงลงไปบ้างเลยทีเดียว
……….
ตอนที่ 236 นำของอร่อยใดมาด้วย
จากนั้น เมิ่งหนานก็พาไป๋จื่อและหูเฟิงไปยังร้านอาหารขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง ร้านสือเค่อ
เงาร่างของเมิ่งหนานเพิ่งปรากฏที่หน้าประตูร้านสือเค่อ ผู้ดูแลร้านที่นั่งอยู่ด้านหลังตู้สินค้าก็รีบเข้ามาต้อนรับ “ใต้เท้าเมิ่ง ท่านไม่ได้มาที่นี่นานเลยนะขอรับ” เขากล่าว ก่อนจะมองไปทางด้านหลังของเมิ่งหนาน ลอบพิจารณาคนที่ชายหนุ่มพามาในวันนี้
เมิ่งหนานกล่าวเสียงเรียบ “เถ้าแก่เฉินอยู่หรือไม่”
ผู้ดูแลรีบพยักหน้า “อยู่ขอรับ เขาไม่ได้มาที่นี่หลายวัน วันนี้มาที่นี่พอดี กำลังดูสมุดบัญชีอยู่ในห้องบัญชีที่ชั้นบน ข้าจะไปเรียกเขามาให้ท่านนะขอรับ”
ร้านสือเค่อไม่ใช่ร้านอาหารทั่วไป เพราะเป็นทรัพย์สมบัติของตระกูลร่ำรวยจากเมืองหลวง เถ้าแก่เฉินถือเป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น ไม่ใช่เถ้าแก่ที่แท้จริง
ผู้ดูแลร้านเกรงใจเมิ่งหนาน ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นใต้เท้าตัดสินคดีของเมืองชิงหยวน ถึงแม้นายอำเภอมาเอง ก็อาจจะไม่ได้รับการดูแลที่กระตือรือร้นเช่นนี้
แต่เพราะเมิ่งหนานเป็นคุณชายของสกุลเมิ่งแห่งเมืองหลวง ฐานะระดับนี้สูงส่งกว่าฐานะของใต้เท้าตัดสินคดีไม่รู้กี่เท่า
ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบปีต้นๆ อาจจะเป็นเพราะเขาได้รับประโยชน์จากร้านอาหารมากทีเดียว เพิ่งเข้าวัยสี่สิบแท้ๆ ทว่ารูปร่างกลับอ้วนท้วนสมบูรณ์ราวกับหมูก็ไม่ปาน ครั้นเขาเดินเหินแล้วจึงเปลืองแรงอยู่บ้าง
“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านมาแล้วหรือขอรับ ได้ยินว่าอีกสองวันท่าจะไปจากเมืองชิงหยวนแล้ว ข้ากำลังคิดว่าจะจัดงานเลี้ยงให้ท่านอยู่ ช่างบังเอิญเสียจริง”
เมิ่งหนานยิ้มกว้าง “ดูท่าข้ากับเถ้าแก่เฉินใจตรงกันจริงๆ ไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้ใจแล้ว!”
เถ้าแก่ยิ้มอย่างเบิกบานใจ ไม่ใช่รอยยิ้มจอมปลอมเพื่อประจบเอาใจ แต่เป็นรอยยิ้มจากใจจริง ท่าทางความสัมพันธ์ของเขากับเมิ่งหนานคงไม่ได้ธรรมดาเหมือนกับเถ้าแก่ร้านกับแขกธรรมดาทั่วไป
หลังจากนั้นเมิ่งหนานก็เบี่ยงตัว แนะนำกับเถ้าแก่เฉินว่า “นี่คือไป๋จื่อ สหายของข้า วันนี้ข้าตั้งใจพานางมาหาเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าได้ลาภปากแล้ว”
เมื่อได้ยินว่ามีลาภปาก เถ้าแก่เฉินก็ยิ้มตาหยีในทันที “ข้าชอบกินเป็นที่สุด ว่าแต่เจ้านำของอร่อยใดมาด้วยหรือ”
ไป๋จื่อกล่าว “เถ้าแก่เฉิน คืออย่างนี้เจ้าค่ะ วันนี้ข้านำแตงดินที่ข้าปลูกเองมาด้วย อีกเดี๋ยวข้าจะใช้แตงดินทำอาหารให้ท่านชิมดูสองจานนะเจ้าคะ”
ครั้นเด็กสาวพูดคำว่าแตงดินออกมา เถ้าแก่เฉินก็พลันขมวดคิ้ว “แตงดิน? เคยมีคนกินสิ่งนี้แล้วตาย เจ้ายังกล้าปลูกได้อย่างไร”
“แตงดินเป็นของดีเจ้าค่ะ ข้าเคยได้ยินว่ามีคนกินแล้วตายเช่นกัน แต่นั่นเป็นเพราะวิธีกินของพวกเขาไม่ถูกต้อง พวกเขากินแตงดินที่มีคุณภาพลดลงเข้าไป ถึงได้ถูกพิษ ขอเพียงแตงดินสดใหม่มากพอ ก็จะไม่มีพิษอยู่ในนั้น อีกอย่าง ผู้ที่กินแตงดินแล้วถูกพิษในทีแรกก็มีเพียงไม่กี่คน ทว่าหลายคนกินแล้วก็ไม่เป็นอะไร นี่เท่ากับไขปัญหาได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จื่อยิ้มกล่าว
เถ้าแก่เฉินลองคิดทบทวนดู ก็รู้สึกว่าเป็นอย่างที่ไป๋จื่อว่า ทีแรกที่ร้านสือเค่อก็ขายแตงดินเช่นกัน เขาเองก็เคยกินอยู่ไม่น้อย แขกและคนงานในร้านล้วนเคยกิน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเกิดเรื่อง ต่อมาได้ยินว่ามีคนถูกพิษเพราะกินแตงดินเข้า เขาก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นเดียวกัน
ไป๋จื่อพูดกับเมิ่งหนานว่า “พี่เมิ่ง ครั้งก่อนท่านบอกกับข้า ว่าท่านบอกเรื่องที่เหตุใดกินแตงดินแล้วถึงถูกพิษให้กับเถ้าแก่เฉินแล้ว เช่นนั้นข้าขอไปทำอาหารในครัวก่อนนะเจ้าคะ”
เถ้าแก่เฉินรีบให้ผู้ดูแลร้านนำทางนางไป ก่อนที่เขาจะนำเมิ่งหนาน จินเสี่ยวอัน รวมถึงหูเฟิงไปยังห้องรับรองที่ชั้นบน
ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหาร ในร้านจึงไม่มีแขกเหรื่อคนอื่น ส่วนคนงานในครับกำลังหั่นผัก เตาไฟใดล้วนว่าง
นางหยิบมันฝรั่งมาล้างให้สะอาดสองสามหัว หัวหนึ่งหั่นเป็นแว่น หัวหนึ่งหั่นเป็นเส้นๆ ส่วนอีกหัวหนึ่งหั่นเป็นลูกเต๋า
วัตถุดิบในครัวมีมากมาย เนื้อสัตว์พร้อมสรรพ เครื่องปรุงใดล้วนมีพร้อม
มีคนทำงานอยู่ในห้องครัวไม่น้อย กำลังเลือกผัก ล้างผัก หั่นผัก หั่นเนื้ออย่างขมักขเม้น ส่วนพ่อครัวใหญ่นั่งว่างๆ อยู่ที่หน้าประตู
ผู้ดูแลร้านนำคนมาทำอาหารในครัวด้วยตนเอง แม้บนใบหน้าของทุกคนจะแสร้งทำเป็นว่าไม่สนใจ แต่ต่างก็ส่งสายตาตรวจสอบเด็กสาวที่เข้ามาเงียบๆ อย่างอดไม่อยู่