ตอนที่ 245 หรูเอ๋อร์
ไป๋จื่อยิ้ม “ท่านไม่จำเป็นต้องตอบแทนข้า ดูแลภรรยาและลูกสาวของท่านให้ดี ขอเพียงพวกท่านมีชีวิตที่ดี ก็ถือว่าไม่เสียเปล่าที่พวกข้าช่วยท่านในวันนี้”
อาอู่พยักหน้าพร้อมขอบตาแดงก่ำ พยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย พูดอะไรไม่ออก ทั้งไม่กล้าพูดออกมาด้วยเช่นกัน ด้วยกลัวว่าเมื่อพูดออกไปแล้ว น้ำตาจะไหลพรั่งพรูออกมา เขาเป็นชายชาตรี จะร้องไห้ขี้มูกโป่งต่อหน้าแม่นางน้อยคนหนึ่งได้อย่างไรกัน
ภรรยาของอาอู่ยื่นหน้าออกมาจากในรถม้า สีหน้าร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง “อาการของหรูเอ๋อร์ย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพูดเพ้อแล้ว จะทำอย่างไรดี”
เมื่อไป๋จื่อได้ยินดังนั้น นางก็รีบปีนขึ้นรถม้าไป ก่อนจะยื่นมือไปวัดอุณหภูมิบนหน้าผากของเด็กหญิง พบว่าตัวร้อนลวกผิดปกติ ดูจากประสบการณ์ของนางแล้ว อย่างน้อยน่าจะสูงถึงสี่สิบองศา พูดเพ้อ ชักเกร็ง ล้วนเป็นอาการที่พบเห็นได้บ่อยครั้งหลังจากอุณหภูมิร่างกายสูงมากเช่นนี้
“เป็นไข้มานานเท่าไรแล้วเจ้าคะ” ไป๋จื่อถามเสียงเบา
ภรรยาของอาอู่รีบตอบ “สามวันแล้ว สองวันก่อนยังไม่หนักถึงเพียงนี้ แต่พวกข้าไม่มีเงินพานางไปหาหมอ จึงปล่อยเวลาล่วงเลยมา ตอนนี้…” นางกล่าวไปพลาง น้ำตาร่วงไปพลาง
ไป๋จื่อรีบปลอบใจนาง “ท่านไม่ต้องร้องไห้นะเจ้าคะ นางไม่เป็นอะไรหรอก มีข้าอยู่ตรงนี้แล้ว” ครั้นกล่าวจบ เด็กสาวก็หยิบกระเป๋าเข็มออกมาจากในย่าม ขณะเดียวกันก็บอกให้อีกฝ่ายวางหรูเอ๋อร์ลง และกดทั้งสองมือของนางไว้
“แม่นาง เจ้าจะทำอะไรหรือ” ภรรยาของอาอู่รีบถาม
“ตอนนี้ไข้สูงไม่ลดลง นับว่าอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ต้องทำให้ไข้ลดลงก่อนโดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้ข้าไม่มียา จึงจำต้องฝังเข็มให้นางก่อน เมื่ออาการคงที่แล้วค่อยว่ากันเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อกล่าว
“แม่นางเป็นหมอหรือ” อีกฝ่ายตาเป็นประกาย ในที่สุดก็มีความยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ไป๋จื่อพยักหน้า “นับว่าใช่กระมัง ข้ารู้วิชาแพทย์อยู่เล็กน้อยเจ้าค่ะ” ขณะพูด นางก็ยกมือขึ้นลงเข็มบนร่างกายของหรูเอ๋อร์เข็มแล้วเข็มเล่า
วิธีฝังเข็มเช่นนี้ ภรรยาของอาอู่มองแล้วได้แต่อ้าปากตาค้าง นางเคยเห็นหมอในโรงหมอฝังเข็มให้คนไข้มาก่อน แต่ละคนล้วนต้องหาจุดและจับจุดให้ได้ก่อน เมื่อแน่ใจแล้วถึงจะลงเข็มเงินบนร่างกายได้ ไหนเลยจะทำเหมือนเช่นเด็กสาว ไม่จำเป็นต้องหาหรือจับจุดโดยสิ้นเชิง เพียงแทงเข็มลงบนร่างกายของเด็กหญิงไปโดยตรง
นางคงไม่ใช่หมอกำมะลอหรอกกระมัง
หลังจากฝังเข็มเสร็จ ไป๋จื่อก็เก็บเข็มกลับมา ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อ
“เสร็จแล้วหรือ” ภรรยาของอาอู่ถาม
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ยังไม่เสร็จเจ้าค่ะ เพียงควบคุมอาการของนางไว้ชั่วคราวเท่านั้น เพื่อไม่ให้ไข้ขึ้นสูงจนทำลายสมองของนาง” หลังจากตรวจด้วยสายตาคร่าวๆ แล้ว เด็กหญิงผู้นี้น่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ หากอยากจะควบคุมอาการของนางโดยเร็วที่สุด เช่นนั้นจำเป็นต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน ทว่านางซ่อนยาแผนปัจจุบันไว้บ้าน ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย
นางลอดเข้าไปในตัวรถ ก่อนจะลงจากรถมากล่าวกับอาอู่ “พี่อู่ ตอนนี้พวกท่านไม่มีที่อยู่แล้ว ลูกก็ป่วยอีก สู้กลับไปหมู่บ้านหวงถัวกับพวกข้าดีกว่า ที่บ้านของข้ามียา รักษาอาการป่วยของลูกท่านได้พอดีเชียว”
อาอู่กำลังกังวลใจ ด้วยไม่รู้ว่าคงจะไปที่ใด หากมีเขาเพียงลำพัง จะใช้ชีวิตอย่างไรก็อยู่รอดได้ ทว่าภรรยาของเขาเล่า บุตรสาวก็ป่วยจนมีสภาพเช่นนี้อีก
ไป๋จื่อกลัวว่าเขาจะเกรงใจจนไม่รับความช่วยเหลือของนาง จึงกล่าวอีก “เอาอย่างนี้นะเจ้าคะ ที่บ้านของข้ามีที่ดินปลูกพืชผักอยู่ผืนหนึ่ง ตอนนี้ถึงช่วงที่ต้องเก็บเกี่ยวแล้ว กำลังต้องการคนงานพอดี ข้าว่าพี่อู่ร่างกายแข็งแรง ไปช่วยงานข้าที่บ้านไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ ข้าจะให้ค่าแรงท่าน รวมถึงรับรองว่ามีอาหารและที่พักด้วย ท่านว่าดีหรือไม่เจ้าคะ” จากคำพูดของเด็กสาว ให้อาอู่พักรวมอยู่กับพวกคนงานสร้างบ้านก่อนก็ได้ ส่วนภรรยาของอาอู่และบุตรสาวของนาง ก็ให้พักอยู่กับนางและท่านแม่ แม้จะเบียดเสียดกันเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าให้พวกเขาร่อนเร่ไปตามถนนมากนัก
อาอู่รีบโบกมือ “ข้าทำงานได้ แรงดีทีเดียว แค่ครอบครัวของข้ามีอาหารและที่พักอาศัยก็ดีมากแล้ว ข้าไม่ต้องการค่าแรงหรอก ไม่ต้องการจริงๆ”
……….
ตอนที่ 246 ตากแดดจนตัวดำ
ไป๋จื่อยิ้มจางๆ “มีที่ไหนกันทำงานแล้วไม่ต้องการค่าแรง แต่อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยเจ้าค่ะ จะปล่อยให้หรูเอ๋อร์มีอาการเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ตอนนี้ไปกันก่อนเถิด”
อาอู่ตอบรับอย่างหนักแน่นเสียงหนึ่ง ก่อนจะยกย่ามบนพื้นขึ้นมา ขณะที่ก้มหน้าลง น้ำตาก็ยังคงไหลลงมาไม่หยุด
เดิมทีเขาคิดว่าจะต้องพบกับทางตันแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลย ว่าจะเกิดหนทางเส้นใหม่ในสถานการณ์อันน่าจนใจเช่นนี้
รถม้ามีขนาดใหญ่นัก ผู้ใหญ่สามเด็กหนึ่งนั่งอยู่ด้วยกันแล้วจึงไม่รู้สึกคับแคบ ทว่าอาอู่ไม่ยอมนั่งในรถม้า อยากจะบังคับรถม้าแทนหูเฟิงให้ได้
ฝ่ายหูเฟิงกลัวว่าเขาจะไม่รู้จักทาง จึงให้เขานั่งแยกแยะทิศทางอยู่ข้างๆ ก่อน จากนั้นจึงค่อยให้เขาบังคับรถ
เมื่อกลับถึงหมู่บ้านหวงถัว ไป๋จื่อยังไม่ทันได้อธิบายอะไรมาก นางให้หูเฟิงพาอาอู่ไปพักในเรือนใหญ่ด้านหน้าก่อน ส่วนนางนำสองแม่ลูกหรูเอ๋อร์ไปที่เรือนไม้ด้านหลัง
“พี่สะใภ้ ที่นี่เป็นที่อยู่ของข้าและท่านแม่ อาจจะคับแคบไปสักหน่อย แต่อย่างไรก็น่าจะเบียดกันได้อยู่ ท่านกับหรูเอ๋อร์อยู่ที่นี่ไปก่อนนะเจ้าคะ”
จ้าวหลานเห็นเด็กหญิงป่วยจนมีสภาพเช่นนี้ ส่วนหญิงสาวอีกคนก็มีท่าทางน่าเวทนานัก นางพลันรู้สึกเกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ จึงจับมือของมารดาหรูเอ๋อร์ไว้ “ไม่ต้องกังวลอะไรนะ เจ้าก็อยู่เสียที่นี่เถอะ”
แม่หรูเอ๋อร์พยักหน้าพร้อมขอบตาแดงก่ำ “ขอบคุณนะเจ้าคะ ขอบคุณจริงๆ”
“ขอบคุณอะไรกัน ล้วนเป็นคนที่ลำบากยากเข็ญเหมือนกัน อย่างไรก็ต้องช่วยเหลือกัน ถึงจะมีชีวิตที่ดีต่อไปได้ ต่อไปเรียกข้าว่าท่านน้าหลาน แล้วเจ้าชื่อว่าอะไร” จ้าวหลานยิ้มพลางลูบมือของอีกฝ่าย
หลังจากแม่หรูเอ๋อร์เช็ดน้ำตาที่หางตาแล้ว นางก็กล่าวด้วยใบหน้าเหนียมอาย “ข้ามีนามว่าซู่เอ๋อ จ้าวซู่เอ๋อ”
จ้าวหลานยิ้มกล่าว “ข้าก็แซ่จ้าวเช่นกัน ที่แท้ก็เป็นคนสกุลเดียวกันนี่เอง!”
ขณะที่จ้าวหลานและจ้าวซู่เอ๋อพูดคุยกัน ไป๋จื่อก็ถือโอกาสที่พวกนางไม่สนใจ ฉีดยาลดไข้เข้าไปในร่างกายของหรูเอ๋อร์ทันที
ยาในกล่องปฐมพยาบาลล้วนเป็นยาที่มีฤทธิ์รุนแรง แม้กระทั่งรุนแรงกว่ายาทั่วไปมากนัก จึงสามารถลดไข้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีผลข้างเคียงหนึ่งเช่นกัน นั่นก็คือหลังจากไข้ลดแล้ว อาจจะมีอาการไข้ขึ้นได้ซ้ำอีกสองถึงสามครั้ง ทว่าอุณหภูมิร่างกายจะไม่สูงถึงสี่สิบองศาอีก นับว่าผ่านช่วงวิกฤติไปได้ เมื่อไข้ขึ้นอีกครั้ง นางจะใช้วิธีฝังเข็มเพื่อลดไข้ให้เด็กหญิง เช่นนั้นไม่มีผลข้างเคียง
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ไป๋จื่อก็กกล่าวกับจ้าวหลานและจ้าวซู่เอ๋อว่า “ข้าจะไปหาคนในหมู่บ้านมาเก็บแตงดินสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าเถ้าแก่เฉินจากร้านสือเค่อจะส่งคนมารับ ไม่อาจล่าช้าได้”
จ้าวซู่เอ๋อรีบกล่าว “ข้าช่วยด้วยได้หรือไม่ ข้าทำงานได้ทุกอย่างเลยนะ”
ไป๋จื่อยิ้มจางๆ “พี่สะใภ้ สิ่งที่ท่านควรทำในตอนนี้ก็คือดูแลหรูเอ๋อร์ให้ดี เมื่อหรูเอ๋อร์หายแล้ว ข้าย่อมมีงานให้ท่านทำแน่เจ้าคะ”
ในใจของจ้าวซู่เอ๋อยังกังวลเรื่องบุตรสาวอยู่ไม่คลาย แต่เมื่อได้ยินวาจาของไป๋จื่อ นางก็พลันตื้นตันจนขอบตาแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง
เด็กสาวรีบร้อนออกไป เดินวนอยู่ในหมู่บ้านเสียรอบหนึ่ง ก่อนจะเรียกหญิงสาวที่ทำงานเก่งมาสักสองคน แล้วนำทางพวกนางไปเก็บมันฝรั่งในที่ดินของตนเอง
อาอู่รู้ว่านางจะลงที่ดินทำงาน ไม่ว่าพูดอย่างไรก็จะตามไปช่วยให้ได้ ไป๋จื่อจนใจนัก จึงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย
หูเฟิงบังคับรถม้า พาพวกอาอู่และไป๋จื่อไปยังที่ดินของเด็กสาวด้วยกัน
เมื่อถึงที่ดินปลูกมันฝรั่งแล้ว ไป๋จื่อก็ถกแขนเสื้อเตรียมลงที่ดิน ทว่าหูเฟิงกลับคว้านางเดินไปถึงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง
“เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้า”
ชายหนุ่มดันให้นางไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้ารออยู่ตรงนี้ ห้ามออกไป สตรีคนใดหากตากแดดจนตัวดำแล้ว จะยังแต่งให้ผู้ใดได้อีกเล่า”
ไป๋จื่อเผลอหัวเราะออกมา คนผู้นี้มีเจตนาดีอย่างเห็นได้ชัด ทว่าไม่รู้จักพูดจาให้น่าฟังเอาเสียเลย
อาอู่ยิ้มกล่าวอยู่ไม่ไกล “แม่นางไป๋ เจ้าเชื่อฟังหูเฟิงเถอะ เจ้าตัวเล็กเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องใช้แรงไม่น้อย พวกข้าหลายคนทำไม่นานก็เสร็จแล้วล่ะ”
หญิงสาวอีกสองคนก็โน้มน้าวอีกแรง “ใช่แล้วจื่อเอ๋อร์ เพียงแค่ขุดแตงดินเล็กน้อยเท่านั้น พวกข้าสี่คนใช้เวลานานไม่ก็เสร็จ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”