ตอนที่ 285 สมบัติหายาก
ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นไปตามหานาง เขาก็พลันได้ยินเสี่ยงฝีเท้าถี่ยิบระลอกหนึ่งดังมา เมื่อมองตามเสียงไป เงาร่างที่คุ้นเคยสายนั้นก็กำลังเดินเข้ามาหาเขาแต่ไกล
นางสวมรองเท้าเพียงข้างเดียว เท้าเปลือยเปล่าเล็กจ้อยเหยียบย่างอยู่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยดินและหินแข็ง ทว่านางยังคงเดินอย่างมั่นคง ในมือของนางประคองอะไรบางอย่าง สีหน้าแน่วแน่เป็นอย่างยิ่ง
เขาคิดจะลุกขึ้นเดินไปหาทาง อย่างน้อยจะได้ประคองนางได้บ้าง เพื่อลดความทุกข์ยากใต้ฝ่าเท้าของนางสักเล็กน้อย
ทว่าเขาเพิ่งขยับเท่านั้น ร่างกายยังไม่ทันยืนขึ้นได้อย่างเต็มที่ แสงสว่างเบื้องหน้าพลันถูกความมืดมิดกลืนกิน ปวดศีรษะราวกับเมื่อครู่โดนฟ้าผ่าเสียครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งแทน พยายามปรับลมหายใจที่ไม่ค่อยคงที่ จนกระทั่งตรงหน้าค่อยๆ มีแสงสว่างกลับคืนมา
ตอนนี้ไป๋จื่อมาถึงข้างกายของเขาแล้ว “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไหวหรือไม่” สีหน้าของนางดูเป็นกังวลทีเดียว น้ำที่นางกอบไว้ในฝ่ามือเหลือไม่เท่าไรแล้ว
หูเฟิงส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร!” เขาช้อนสายตาขึ้นมองเด็กสาวที่นั่งยองอยู่ตรงหน้าตนเอง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าไปไหนมา เดินเล่นเรื่อยเปื่อยในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไร หากเจอสัตว์ป่าเข้าจะทำอย่างไร”
เขามีสภาพเช่นนี้แล้ว แต่ยังเป็นห่วงนางอยู่อีก
ขอบตาของไป๋จื่อพลันแดงก่ำ ในหัวใจมีความรู้สึกมากมายปนเป ไม่อาจบอกได้ว่านางรู้สึกอย่างไร
“ข้าไม่เป็นอะไรสักหน่อย” นางฝืนยิ้ม ก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าเขา รีบดื่มเร็ว เดี๋ยวมันก็ไม่เหลือแม้สักหยดหรอก“
หูเฟิงก้มหน้าลงมองใบไม้ที่นางประคองไว้ในมือ ในนั้นเหลือน้ำไม่ถึงครึ่งอึกแล้วด้วยซ้ำ
ที่แท้นางก็ไปหาน้ำมาให้เขา ที่แท้นางเดินเท้าเปล่าบนทางที่มีแต่ก้อนหิน แม้จะเจ็บ แต่ก็ใช้สองมือที่มั่นคงกอบน้ำมาให้เขาดื่ม
ความเจ็บปวดตรงศีรษะราวกับหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วขณะนี้ ในหัวใจของเขาคล้ายกับมีดวงตะวันเจิดจ้าชำแรกออกมา หนทางเบื้องหน้าสว่างโร่ ไม่มืดมนอีกต่อไป
เขาจับข้อมือขาวสะอาดและบอบบางของนาง ที่คล้ายว่าเพียงออกแรงเล็กน้อย ข้อมื้อนี้ก็อาจจะหักไปได้อย่างง่ายดาย เขาไม่กล้าใช้แรงมาก จากนั้นก็ใช้มือของตนเองประคองมือของนาง ไม่ต่างกับเวลาที่ประคองสมบัติหายาก ก่อนจะดื่มน้ำที่เหลือน้อยนิดนั้นเข้าปากไป
เป็นเพียงแค่น้ำในลำธารธรรมดาเท่านั้น ทว่าเมื่อดื่มเข้าไปในเวลานี้ มันหวานชุ่มคอเหมือนกับน้ำอมฤตจากสระน้ำบนสรวงสวรรค์
ไป๋จื่อทิ้งใบไม้ในมือ แล้วยื่นมือไปวัดอุณหภูมิร่างกายบนหน้าผากของเขา เป็นอย่างที่นางคาดไว้ เขาเริ่มมีไข้แล้ว คาดว่าอีกไม่นานเขาจะเริ่มคลื่นไส้อาเจียน
นั่นเป็นอาการทั่วไปที่จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากศีรษะได้รับบาดเจ็บภายนอกและได้รับการกระทบกระเทือน ด้วยอาการของเขาในตอนนี้ไม่น่าจะมีแรงเหลือเดินออกจากหุบเขาแห่งนี้ไปพร้อมกับนาง ทว่านางก็ไม่สามารถแบกเขาขึ้นหลังได้โดยสิ้นเชิง แล้วจะทำอย่างไรดี
นางมองความรกร้างและเงียบกริบรอบด้าน หรือวันนี้พวกเขาต้องค้างคืนอยู่ที่นี่
เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศในป่าเขายามค่ำคืนย่อมหนาวสะท้าน ด้วยสภาพร่างกายของหูเฟิงในตอนนี้ เขาไม่มีทางรับไหวอย่างแน่นอน หนำซ้ำจะทำให้อาการของเขาสาหัสมากยิ่งขึ้น
ไป๋จื่อดึงแขนของเขา “เจ้าลุกไหวหรือไม่ ข้าจะประคองเจ้าเดินเอง”
หูเฟิงส่ายหน้า “เกรงว่าจะเดินไม่ไหว ขยับเพียงนิดเดียวข้าก็หน้ามืดแล้ว เวียนหัวจนข้าแทบทนไม่ไหว” ตอนนี้เหมือนมีใครกำลังใช้ค้อนทุบศีรษะของเขาไม่ยอมหยุดอย่างไรอย่างนั้น
เด็กสาวพลันปล่อยมือ ก่อนจะนั่งลงบนพื้นอย่างหมดหนทาง แล้วกล่าวด้วยความจนใจว่า “ดูท่าคืนนี้พวกเราต้องนอนอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็ลุกขึ้นปัดเศษดินบนตัว จากนั้นก็พูดกับหูเฟิงว่า “เจ้าพักก่อนเถอะ ข้าจะไปหาฟืนมาสักหน่อย”
หูเฟิงอยากจะไปกับนางด้วย ทว่าเรี่ยวแรงไม่เป็นใจเอาเสียเลย
เหมือนย้อนเวลากลับไปเมื่อสามปีก่อน ในปีนั้น ตอนที่เขาตื่นขึ้นมา นอกจากปวดศีรษะและสายตาพร่าเลือนแล้ว บนร่างกายของเขายังมีบาดแผลจากกระบี่มากมาย เขาในตอนนั้นก็ไร้เรี่ยวแรงเหมือนกับในตอนนี้ ต้องนอนอยู่บนพื้น ไม่ต่างอะไรกับคนพิการ
……….
ตอนที่ 286 กุ้งมังกร
เหมือนกับตอนนี้ ทว่าก็แตกต่างกันมากทีเดียว
สมองของเขาในตอนนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ไมรู้ว่าแม้กระทั่งชื่อแซ่ของตนเอง ไม่รู้ว่าตนเองมาจากที่ใด
ไม่รู้ว่าบาดแผลเต็มตัวเกิดจากฝีมือใคร ถึงแม้จะอยากแก้แค้น แต่ก็ไม่รู้ว่าควรตามหาตัวใคร
ตอนนี้กลับต่างออกไป เขามีความทรงจำมามกาย มีพ่อที่รักและทะนุถนอมเขาจากใจจริง มีครอบครัวที่แม้จะยากจน แต่ก็อบอุ่นนัก
โดยเฉพาะหลังจากที่เขารู้จักกับไป๋จื่อ ความทรงจำของเขาก็เปี่ยมล้นและมีสีสันมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจที่ด้านชาของเขาเริ่มมีรอยปริแตก และภายในรอยแตกนั้น เขาเห็นเงาร่างอื่นนอกจากตัวเขาเองด้วย
สถานที่ที่ไม่ใครอาศัยอยู่มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือมีกิ่งไม้สำหรับใช้เป็นฟืนมากมายทีเดียว
ไม่นานนางก็มาเก็บฟืนมาได้กองหนึ่ง กะประมาณจากสายตาแล้วน่าจะพอผ่านค่ำคืนนี้ไปได้
ไป๋จื่อเสียแรงไปไม่น้อย ในที่สุดก็สุมกองไฟเล็กๆ ได้ ขณะมองควันไฟพวยพุ่งขึ้นจากกองฟืน นางก็นึกถึงปลาและกุ้งที่เห็นตอนตักน้ำตรงริมลำธาร
“เจ้าจะไปไหนอีก” หูเฟิงยื่นมือไปจับมือของนางไว้ มือของนางเล็กจริงๆ แม้จะเล็ก แต่กลับนุ่มนวล เมื่อจับไว้ในมือแล้วก็ไม่อยากปล่อยไปอีก
ไป๋จื่อออกแรงดึงมือตัวเองกลับไป ก่อนจะชี้ไปยังลำธารเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก “เมื่อครู่ข้าเห็นว่ามีปลาอยู่ตรงนั้น อย่างไรพวกเราก็ต้องมีอาหารกิน ตอนนี้ก่อไฟได้แล้ว จับปลามาย่างกินสักสองตัวน่าจะไม่เลว”
“ข้าพอจับปลาได้อยู่ ข้าไปเอง” หูเฟิงกล่าว เขาค้ำฝ่ามือลงกับพื้นดิน พยายามดิ้นรนลุกขึ้นยืน แต่กลับไร้เรี่ยวแรงทำตามใจ ล้มลงกลับไปนั่งที่เดิม
เด็กสาวรีบกดไหล่ของเขาเอาไว้ แล้วยิ้มกล่าวว่า “เจ้าพักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ แม้ข้าจะไม่มีประสบการณ์การจับปลา แต่ลำธารนั้นไม่กว้างเท่าไรนัก ข้าจะใช้เสื้อผ้าเป็นเป็นถุง จับปลาสองตัวน่าจะไม่มีปัญหา”
หูเฟิงถอดรองเท้าของเขาส่งให้นาง “แม้จะใส่ไม่สบายนัก แต่ใส่ก็ดีกว่าไม่ใส่ ตรงนั้นมีก้อนหินอยู่เยอะ ไม่เช่นนั้นจะเจ็บเท้าเอา”
นางรับรองเท้ามาสวมอย่างสบายใจ แล้วเดินกะโผลกกะเผลกไปทางลำธารเล็กๆ
ชายหนุ่มมองเงาหลังของนาง ภายนอกของนางดูอ้อนแอ้นและบอบบาง ทว่าความจริงแล้วกลับแข็งแกร่งกว่าใคร เด็กสาวเช่นนี้ต้องได้รับความลำบากมามากเพียงใด ถึงได้มีความสามารถมากมายถึงเพียงนี้
เหตุใดเขาถึงไม่เจอนางเร็วกว่านี้สักหน่อย ไม่ไปอยู่ข้างกายของนางเร็วกว่านี้หน่อย ช่วยเหลือนาง ปกป้องนาง
ผ่านไปไม่นานเท่าไรนัก ไป๋จื่อก็หิ้วเสื้อผ้าวิ่งกลับมา นางเปิดห่อเสื้อผ้าตรงหน้าเขาด้วยความตื่นเต้น ภายในนั้นมีปลาจี๋ขนาดเท่าฝ่ามือห้าตัว และยังมีกุ้งมังกรขนาดเล็กตัวสีแดงก่ำอีกเจ็ดแปดตัว
แม้จะบอกว่าเป็นกุ้งมังกร ทว่าขนาดเล็กกว่ากุ้งมังกรที่นางเคยกินในยุคปัจจุบันมากนัก
“เป็นอย่างไร ฝีมือของข้าก็ใช้ได้กระมัง” นางภูมิใจเป็นอย่างมาก ปลาและกุ้งเหล่านี้เพียงพอให้พวกเขาสองคนกิน เห็นทีวันนี้คงไม่ต้องทนหิวแล้ว
ครั้นเห็นนางยิ้มอย่างสดใน เขาก็ยิ้มตามไปด้วย “มีฝีมือจริงๆ แต่จะกินกุ้งกันอย่างไร” ตอนที่เขาลงน้ำจับปลาก่อนหน้านี้ ก็เคยจับกุ้งได้บ้างเหมือนกัน แต่กุ้งพันธุ์นี้แตกต่างกับกุ้งแม่น้ำที่พวกเขาเคยกิน เพราะเปลือกหนากว่า เนื้อก็นุ่มไม่เท่า
ไป๋จื่อกล่าว “ย่างกินสิ สถานการณ์ในตอนนี้ยังจะกินแบบใดได้อีก”
น่าเสียดายที่ไม่มีเครื่องปรุง ไม่เช่นนั้นนางผ่าครึ่งตัวกุ้ง โรยเครื่องปรุงลงไปเล็กน้อยขณะย่าง รสชาติต้องดีอย่างแน่นอน
นางเก็บกระบี่ยาวที่ผิดรูปร่างไปแล้วของหูเฟิงขึ้นมา แล้วนำปลาและกุ้งไปนั่งยองอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ไกล เมื่อจัดการเครื่องในปลาและลำไส้กุ้งเรียบร้อยแล้ว นางก็นำพวกมันไปล้างทำความสะอาดที่ริมลำธารอีกครั้ง คราวนี้ถึงจะกลับมาที่กองไฟได้
“พักสักหน่อยเถอะ ตอนนี้ข้ายังไม่หิว” หูเฟิงกล่าว
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่ได้ เย็นแล้ว ต้องรีบย่างปลาและกุ้งก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ไม่เช่นนั้นค่ำแล้วควันไฟนี้จะล่อพวกหนอนและแมลงมา ถึงตอนนั้นแล้วคิดจะกินคงไม่สะดวกแน่”
นางใช้กระบี่ตัดกิ่งไม้อยู่สองสามครั้ง แล้วเสียบปลาและกุ้งย่างเหนือเปลวไฟ
เมื่อกลิ่นหอมโชยออกมา หูเฟิงที่เดิมทีไม่หิวก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้ว