ตอนที่ 343 เกิดมาเพื่อเป็นขุนนาง
หญิงชรามองหลิวซื่อด้วยท่าทางที่อยากจะตีเหล็กขณะที่ยังร้อน จึงถอนหายใจอีกครั้ง “เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ก่อนหน้านี้มีจ้าวหลานอยู่ พวกเราทั้งหมดไม่ต้องทำงานก็ได้ เพราะจ้าวหลานทำได้ แต่ตอนนี้จ้าวหลานจากไปแล้ว ไม่มีวัวที่แข็งแรงเก่งกาจเช่นนั้นอีก พวกเราล้วนต้องทำงานทั้งหมดด้วยตัวเอง เจ้ารองกับจางซูเหมยไม่ใช่จ้าวหลาน เจ้าคิดว่าด้วยละครไม่เอาอ่าวที่เจ้าแสดงนี้ จะหลอกล่อพวกเขาให้ไปทำงานเองได้หรือ”
หลิวซื่อเบะปาก “ก็แค่ทำงานเล็กน้อย ถึงกับต้องแบ่งกันทำชัดเจนเช่นนี้เชียวหรือ ต่อไปเสี่ยวเฟิงได้เป็นขุนนางแล้ว มีหรือจะขาดผลประโยชน์ของพวกเขาไปได้”
เมื่อก่อนหญิงชราก็เชื่อมั่นในเรื่องนี้ เชื่อมั่นว่าเสี่ยวเฟิงจะต้องได้เป็นขุนนางอย่างแน่นอน และมั่นใจว่าเสี่ยวเฟิงเกิดมาเพื่อเป็นขุนนาง
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้นางไม่กล้าแน่ใจถึงเพียงนั้นอีก
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดมากแล้ว เจ้าไปบอกต้าเป่าว่าพรุ่งนี้ต้องไปที่นา ไม่ต้องพูดอะไรอีก!”
…
“จื่อยาโถว เถ้าแก่เฉินมา เขารอเจ้าอยู่ข้างหน้าแน่ะ!” หูจ่างหลินรีบร้อนมาที่เรือนไม้ด้านหลัง ไป๋จื่อเพิ่งตื่นนอน กำลังบ้วนปากอยู่
“เถ้าแก่เฉิน? ไยเขาถึงมาเล่า วันนี้ไม่ใช่วันรับแตงดินเสียหน่อย!”
หูจ่างหลินส่ายหน้า “ไม่รู้สิ เขาบอกว่าอยากพบเจ้า”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ ท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าหวีผมเสร็จแล้วจะตามไป”
หูจ่างหลินกลับไปแล้ว ไป๋จื่อรีบมัดเรือนผมที่ปล่อยสยายจนเรียบร้อย แล้วบอกกล่าวจ้าวหลานในเรือนเสียงหนึ่ง จึงจะไปที่ลานบ้านด้านหน้า
เถ้าแก่เฉินยืนอยู่ในลานบ้าน กำลังมองบ้านใหม่ที่ก่อโครงไปแล้วมากกว่าครึ่ง มีสีหน้าประหลาดใจนัก
“นั่นเป็นบ้านของใครหรือ” เถ้าแก่เฉินถาม พลางชี้ไปยังบ้านใหม่ที่อยู่ไกลออกไป
หูจ่างหลินนั่งสานรองเท้าอยู่ในลานบ้าน เมื่อได้ยินคำถามของเถ้าแก่เฉิน เขาก็ช้อนสายตามองไปยังบ้านใหม่ที่อยู่ไม่ไกล ยิ้มกล่าวว่า “นั่นคือบ้านของไป๋จื่อ ทำจากอิฐและกระเบื้องทั้งหลัง ใช้เวลาสร้างยาวนาน ใช้เงินสร้างเยอะทีเดียว ต่อไปเมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะต้องไม่ด้อยไปกว่าบ้านในเมืองอย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องพูดถึงในอนาคต แค่รูปร่างในตอนนี้ อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งเดียวในเมืองชิงหยวนแล้ว ไม่มีบ้านหลังไหนดีกว่า รูปแบบบ้านแปลกพิสดารเช่นนี้ ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเชียว” เถ้าแก่เฉินกล่าว
“เถ้าแก่เฉิน เหตุใดท่านถึงมาแต่เช้าเลยเล่าเจ้าคะ” ไป๋จื่อเปิดประตูรั้วเข้ามา ก่อนจะพูดกับเถ้าแก่เฉินที่ยืนอยู่ในลานบ้าน
เถ้าแก่เฉินหันหน้าไป เห็นนางยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมใบหน้าสดใส จึงยิ้มถาม “บาดแผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ไป๋จื่อพยักหน้า “หายดีแล้วเจ้าค่ะ หายดีมานานแล้ว วันนั้นรบกวนเถ้าแก่เฉินนัก หากไม่มีท่าน เกรงว่าข้าคงจะออกจากศาลไม่ได้”
เถ้าแก่เฉินโบกมือ “เอาล่ะๆ เรื่องเล็กน้อยแค่นั้น ขอบคุณกันไปมาเห็นจะมากเกินไป” ขณะพูด เขาก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ ส่งให้ไป๋จื่อ “นี่คือจดหมายที่คุณชายเมิ่งส่งมาจากเมืองหลวง มาถึงเมื่อคืนนี้”
ที่แท้ก็ได้รับจดหมายจากเมิ่งหนาน มิน่าเล่าเขาถึงมาแต่เช้าเช่นนี้
นางรับจดหมายมา มองตัวอักษรงดงามบนจดหมาย ก่อนจะยิ้มกล่าวว่า “ดูท่าทางจะถึงเมืองหลวงแล้ว ถึงได้ส่งจดหมายมาบอกพวกเราว่าปลอดภัย”
เถ้าแก่เฉินเงยหน้ามองไปในเรือน เห็นไม่มีใครอื่นจึงถาม “หูเฟิงผู้นั้นล่ะ”
หูจ่างหลินที่อยู่ข้างๆ รีบตอบ “อ้อ อาเฟิงออกไปเกี่ยวข้าวสาลีตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว จึงถือโอกาสขณะที่อากาศยังเย็นในยามเช้า จะได้ทำงานได้มากหน่อย อีกเดี๋ยวพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว อากาศก็จะร้อนขึ้น ถึงเวลานั้นเขาจะกลับมา”
เถ้าแก่เฉินรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าน ในสายตาของเขานั้น หูเฟิงพิเศษเช่นเดียวกับไป๋จื่อ พิเศษอย่างยิ่ง มองอย่างไรก็ไม่เหมือนชายฉกรรจ์ตามป่าเขาทั่วไป แต่เขาทำไร่ทำนา ตื่นเช้าหน้าดำเหมือนชาวบ้านธรรมดาหรือนี่
เขาถามหูจ่างหลิน “หูเฟิงเป็นลูกแท้ๆ ของท่านหรือ” รูปร่างของหูเฟิงสูงใหญ่องอาจ มีกลิ่นอายไม่ธรรมดา แตกต่างกับหูจ่างหลินที่อยู่เบื้องหน้าราวฟ้ากับเหว
……….
ตอนที่ 344 เมิ่งหนานส่งจดหมายมา
มองอย่างไรสองคนนี้ก็ไม่เหมือนพ่อลูกกัน
หูจ่างหลินกำลังจะตอบ ไป๋จื่อก็พูดขึ้นมาว่า “เถ้าแก่เฉินกินข้าวเช้าแล้วหรือยังเจ้าคะ หากยังไม่ได้กิน อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่เฉินเป็นคนฉลาด ไป๋จื่อพูดเช่นนี้ขึ้นมา ก็แน่ชัดว่าไม่อยากให้เขาถามอีกต่อไป นี่ยิ่งเป็นการยืนยันฐานะของหูเฟิง ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่ในเมื่อนางไม่อยากให้เขารู้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่ถามมากอีก อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอยู่แล้ว
เขายิ้มพลางส่ายหน้า “ขอบคุณน้ำใจของเจ้ามาก แค่ข้ายังมีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ ครั้งหน้านะ ครั้งหน้าข้าจะมาชิมฝีมือของเจ้าที่นี่”
ไป๋จื่อก็ไม่รั้งเขาไว้เช่นกัน หลังจากส่งเขาไปแล้ว นางก็กลับไปในลานบ้าน แล้วกล่าวกับหูจ่างหลินว่า “ท่านลุงหู ต่อไปหากมีคนถามเรื่องของหูเฟิง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ท่านอย่าได้พูดอะไรนะเจ้าคะ”
หูจ่างหลินไม่เข้าใจ “เพราะเหตุใดกัน หูเฟิงความจำเสื่อม หากมีคนจำเขาได้ ช่วยเขาตามหาครอบครัวของเขาจนพบ นั่นไม่เท่ากับเป็นเรื่องดีหรอกหรือ เหตุใดไม่ให้ข้าพูด”
“สามปีก่อนหูเฟิงรอดมาได้อย่างไร ท่านย่อมรู้ดีกว่าข้า อดีตของเขาไม่ธรรมดาแน่นอน ถูกคนทำร้ายจนมีสภาพเช่นนั้น ต้องมีคนคิดจะกำจัดเขาแน่ๆ อดีตของเขาเป็นอย่างไร หลังจากเขาฟื้นควาทรงจำกลับมาได้แล้ว พวกเราก็จะรู้เอง ไม่จำเป็นต้องรู้จากปากของคนที่ไม่รู้เส้นสนกลใน เพราะวาจาของคนเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่ความจริง”
แม้ลุงหูจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนางเท่าไรนัก แต่ก็รู้เจตนาของนางชัดเจน เขารีบพยักหน้า “เจ้าคิดใคร่ครวญรอบคอบนัก มีเหตุผลยิ่ง ข้าจะจำไว้”
ไป๋จื่อมองดวงอาทิตย์ที่เพิ่งโผล่ออกมาครึ่งดวง ก่อนจะพูดกับลุงหูว่า “หูเฟิงจะกลับมากินข้าวเช้าหรือไม่”
ลุงหูส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้แต่ไหนแต่ไรเขาไม่กินข้าวเช้า อีกเดี๋ยวข้าก็ต้องไปเหมือนกัน ถึงตอนนั้นข้าจะนำอาหารติดมือไปให้เขาด้วย”
เด็กสาวรีบพูดขึ้นมา “ท่านลุงหู ท่านไม่ต้องไปหรอกเจ้าค่ะ ข้าเรียกอาอู่มาด้วย อีกครู่หนึ่งพวกข้าจะไปช่วยกัน มีที่นาแค่สองหมู่เท่านั้น น่าจะใช้เวลาเก็บเกี่ยวไม่นานหรอกเจ้าค่ะ”
หูจ่างหลินยิ้ม “ไม่ต้องหรอก ข้ากับหูเฟิงทำด้วยกันสองคนก็พอแล้ว หลายวันมานี้อาอู่เหนื่อยนัก ให้เขาพักผ่อนสักสองสามวันเถอะ”
“ใครบอกว่าข้าเหนื่อยกัน ข้าไม่เหนื่อยเลยสักนิด มีแรงเต็มเปี่ยมเชียวล่ะ” อาอู่พูดพลางเดินเข้ามาในลานบ้าน ด้านหลังตามมาด้วยจ้าวซู่เอ๋อและหรูเอ๋อร์
หรูเอ๋อร์วิ่งมาถึงตรงหน้าไป๋จื่อด้วยความดีใจ “พี่ไป๋ ข้าอยากกินถังหูลู่ หรูเอ๋อร์อยากกินถังหูลู่”
จ้าวซู่เอ๋อรีบก้าวเข้ามาจับมือหรูเอ๋อร์กลับไป “เด็กคนนี้นี่ เมื่อวานไม่ใช่ว่ากินไปแล้วหรือ เหตุใดถึงอยากกินอีกแล้วเล่า”
หรูเอ๋อร์ทำปากจู๋ “เมื่อวานข้าก็กินข้าว วันนี้กินอีกไม่ได้แล้วหรือ”
ไป๋จื่อเบิกบานเพราะความไร้เดียงสาของนาง “หรูเอ๋อร์ วันนี้ข้ามีธุระ เกรงว่าจะไม่มีเวลาพาเจ้าไปซื้อถังหูลู่ในเมือง คราวหน้าได้หรือไม่”
หรูเอ๋อร์เบะปาก แต่ก็ยังพยักหน้า ในดวงตางดงามแฝงน้ำตาแห่งความน้อยใจเอาไว้ นางจะต้องคับอกคับใจเป็นแน่
นางอาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยได้สวมเสื้อผ้าสวยๆ มีโอกาสกินขนมที่เด็กทั่วไปได้กินในทุกวันน้อยครั้งนัก หลังจากนางชิมอาหารรสเลิศที่พิเศษแล้วสักครั้ง นางก็จะหวนคิดถึงรสชาตินั้นในทุกค่ำคืนไปอีกนาน
ไป๋จื่อถอนใจกล่าว “ความจริงแล้วถังหูลู่ทำง่ายนัก ขอเพียงมีผลซานจากับน้ำตาลก็พอ ข้ามีน้ำตาลอยู่แล้ว แต่ผลซานจา…”
“ผลซานจาย่อมมีอยู่แล้ว ที่ดินปลูกถั่วลิสงของพวกข้าตรงนั้นมีต้นซานจาอยู่หลายต้น ตอนนี้เป็นช่วงที่ผลซานจาสุกพอดี ปีก่อนมีเด็กในหมู่บ้านไปเก็บอยู่ไม่น้อย ไปเก็บวันนี้อาจจะเก็บได้อยู่บ้างนะ” หูจ่างหลินกล่าว