ตอนที่ 447 ไม่มีเงินเรียนหนังสือ
เถ้าแก่เฉินย่อมขอให้เป็นเช่นนั้น เขาไม่ได้ลิ้มรสชาติฝีมือของไป๋จื่อมานานมากแล้ว โอกาสดีเช่นนี้จะพลาดไปได้อย่างไร
“วันนี้ข้ารีบมาที่นี่ ทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นวันเกิดของเจ้า จึงไม่ได้นำของขวัญมาด้วย ครั้งหน้าข้าต้องนำมาให้แน่” เถ้าแก่เฉินยิ้มกว้าง
“ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะ ขอท่านอย่าลืมก็พอแล้ว”
…
สกุลเมิ่ง เมืองหลวง
สวี่ซื่อมองจินเสี่ยวอันที่อยู่เบื้องหน้า ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “บอกมา แท้จริงเรื่องราวเป็นมาอย่างไร”
จินเสี่ยวอันกลับมีสีหน้าเป็นกังวล “ฮูหยิน ท่านเข้าใจคุณชายผิดแล้ว ความจริงระหว่างคุณชายกับแม่นางไป๋นั้น ไม่ได้มีสัมพันธ์ใดเช่นที่ท่านคิด แม่นางไป๋เป็นหมอ วิชาแพทย์เป็นเลิศ ก่อนหน้านี้คุณชายป่วยหนักมาก แม่นางไป๋จึงมาทำการรักษาให้คุณชาย ต่อมาคุณชายกับแม่นางไป๋พบเสือจู่โจม เพื่อช่วยชีวิตแม่นางไป๋ เอ็นข้อมือของคุณชายถูกเสือกัดขาด ก็เป็นแม่นางไป๋ที่ลงแรงกายแรงใจอย่างสุดความสามารถ รักษาอาการบาดเจ็บของคุณชายจนหายดี ทำให้คุณชายกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้ เมื่อไปมาหาสู่กันบ่อยเข้า ทั้งคู่ก็สนิทสนมกัน นับเป็นสหายที่จริงใจต่อกัน แต่กลับไม่มีเรื่องชู้สาวใด ข้าจินเสี่ยวอันสาบานได้เลยขอรับ ว่าที่ข้าพูดไปไม่มีคำลวงแม้สักนิด”
“และ..”
“และอะไร” ใบหน้าบึ้งตึงของสวี่ซื่อคลายลงเล็กน้อย
“และแม่นางไป๋มีคนรักอยู่แล้ว ถึงแม้คุณชายจะมีความรู้สึกดีๆ ให้แม่นางไป๋ ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็เป็นไปไม่ได้ ขอให้ฮูหยินโปรดวางใจ”
มีคนรักอยู่แล้ว? ระหว่างทั้งสองคนเป็นไปไม่ได้?
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นย่อมเป็นข่าวดีที่สุด
สวี่ซื่อโบกมือ “เอาล่ะ เจ้าออกไปเถอะ”
หลังจากจินเสี่ยวอันไปแล้ว สวี่ซื่อก็เอ่ยถามแม่นมอู๋ที่อยู่ข้างกาย “เจ้าว่าที่เขาพูดเป็นความจริงหรือไม่”
แม่นมอู๋ยิ้ม “เป็นความจริงหรือไม่ พวกเราส่งคนไปสืบที่เมืองชิงหยวนสักหน่อยก็ได้ความแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
…
สกุลไป๋
ไป๋เสี่ยวเฟิงนั่งลงข้างๆ หลิวซื่อที่กำลังล้างผักป่าอยู่ ถามเสียงขรึม “ท่านแม่ อีกไม่กี่วันสำนักศึกษาก็จะเปิดเรียนแล้ว เตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ ยังมีค่าพู่กันและน้ำหมึกอีกด้วย พู่กันเขียนหนังสือของข้าด้ามนั้นขนหลุดหมดแล้ว ควรจะเปลี่ยนด้ามแล้วกระมัง”
หลิวซื่อถอนใจ “เรื่องนี้เจ้าอย่าได้มาถามข้า ไปถามท่านย่าของเจ้านู่น ท่านย่าของเจ้าเป็นคนดูแลเงินภายในบ้านของพวกเรา ไหนเลยแม่จะมีเงินอยู่ที่ตัว”
“ข้าถามท่านย่ามาแล้ว ท่านย่าบอกว่าไม่มีเงิน ให้ข้ามาหาเอาจากพวกท่าน นี่มันเรื่องอะไรกันท่านแม่ ข้ายังจะได้ไปเรียนหนังสือหรือไม่” ไป๋เสี่ยวเฟิงพูดเสียงฮึดฮัด
หลิวซื่อโยนผักป่าในมือลง “แน่นอนว่าต้องไปเรียน พวกข้ายังหวังให้เจ้าเป็นขุนนางใหญ่ในอนาคต ต่อไปครอบครัวของพวกเราจะได้มีความสุขเสียที”
ไป๋เสี่ยวเฟิงมุ่นคิ้วถาม “อยากให้ข้าเป็นขุนนางใหญ่ เช่นนั้นก็ต้องนำเงินให้ข้าไปจ่ายค่าเรียนสิ แค่พูดอย่างเดียวจะมีประโยชน์อะไร”
บุตรชายพูดถูกต้อง หลิวซื่อเองก็อยากนำเงินมาให้เสี่ยวเฟิงจ่ายค่าเรียน แต่ไม่มีให้นี่สิปัญหา
อย่าว่าแต่ค่าเรียนเลย แม้แต่ข้าวก็ไม่มีกินแล้ว
“เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปหาท่านย่าของเจ้า” หลิวซื่อวางผักป่าลง แล้วรีบร้อนเข้าไปในเรือน ประตูห้องของหญิงชราเปิดอยู่ นางกำลังเอนหลังงีบหลับอยู่บนเตียง ครั้นได้ยินเสียงคนเข้ามา นางก็เงยหน้ามองไป และปิดประตูลงในทันที
“ท่านแม่ ท่านยังนอนหลับอยู่หรือ” หลิวซื่อนั่งลงที่ข้างเตียง มองแม่สามีด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง
หญิงชราไม่ลืมตาขึ้นสักนิด “มีอะไรก็พูดมาตามตรง อย่าพูดอ้อมค้อมเสียเวลา”
หลิวซื่อกลอกตาขาวครั้งหนึ่ง คิดในใจว่า ‘ยายแก่อย่างท่านก็ดีแต่ต่อว่าข้า แน่จริงก็ไปต่อว่าจางซื่อบ้างสิ!’
สุดท้ายหลิวซื่อก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำ พยายามพูดด้วยความใจเย็น “ท่านแม่ สำนักศึกษาของเสี่ยวเฟิงจะเปิดเรียนแล้ว พวกเราต้องจ่ายค่าเรียนให้เขาแล้วนะเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางไปเข้าเรียนได้”
“เจ้าเป็นแม่ของเขา เจ้าจ่ายค่าเรียนให้เขาก็สิ้นเรื่องแล้ว จะมาหาความจากข้าไปไย” หญิงชรากล่าว
……….
ตอนที่ 448 หลุมไร้ก้น
หลิวซื่อพลันร้อนใจ “ท่านแม่ ท่านดูแลเรื่องเงินในครอบครัวนี้ ไหนเลยข้าจะมีเงินเช่นท่าน ที่ตัวข้าไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียวเจ้าค่ะ”
หญิงชราแค่นหัวเราะขึ้นมา “เจ้าไม่มี แล้วคิดว่าข้ามีรึ? ในหีบของข้าไม่มีเงินเหลือแล้ว เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่หรือไร”
แน่นอนว่าหลิวซื่อรู้ ว่าเงินเล็กน้อยที่มีอยู่ในหีบหมดเพราะค่ารักษาเจ้าใหญ่แล้ว ตอนนี้พวกนางถังแตกอย่างแท้จริง จะเหลือก็แต่เงินเหรียญทองแดงพวงสุดท้าย
ทว่าค่าเรียนของเสี่ยวเฟิงเป็นเงินถึงห้าเฉียน จะอย่างไรเงินเหรียญทองแดงหนึ่งพวงก็จ่ายไม่ได้
“ท่านแม่ เช่นนั้นท่านต้องคิดหาวิธีนะเจ้าคะ จะให้เสี่ยวเฟิงเลิกเรียนเช่นนี้ไม่ได้ หากเลิกเรียนจริง ที่เรียนไปมากมายก่อนหน้านี้ไม่นับว่าเสียเปล่าหรือ”
ในที่สุดหญิงชราก็ลืมตา สายตาเย็นชาของนางจ้องเขม็งไปที่สะใภ้ใหญ่ “ข้าต้องคิดหาวิธี? ข้าจะคิดหาวิธีอะไรได้ เจ้าเป็นแม่ของเขา ก็ควรเป็นเจ้าที่คิดหาวิธีไม่ใช่หรือ ทีตอนนี้นึกขึ้นได้ว่าข้าเป็นเจ้าบ้าน ทีพวกเจ้าขโมยข้าวของบ้านรองมาต้มโจ๊ก เจ้าจำได้ว่าข้าเป็นเจ้าบ้าน และคิดจะแบ่งให้ข้ากินก่อนสักถ้วยหรือไม่ ครั้นจะใช้เงินค่อยนึกถึงยายเฒ่าคนนี้รึ เห็นข้าเป็นตัวอะไรกัน”
นางจดจำเรื่องนี้เป็นแม่นมั่น ไม่เคยลืมแม้แต่วินาทีเดียว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งโกรธเคือง นางเอาอกเอาใจบ้านใหญ่เสมอมา ทั้งยังตัดใจให้บ้านรองแยกบ้านไป แล้วพวกเขาบ้านใหญ่เล่า ยังมีน้ำใจต่อนางบ้างหรือไม่
หลิวซื่อรู้ว่าตนเองผิด แต่พูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะอย่างไรเสียเรื่องราวก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
“ท่านแม่ เรื่องในวันนั้นเป็นพวกข้าเองที่ผิด ท่านอย่าได้โกรธเลยนะเจ้าคะ ต่อจากนี้ข้ารับรองว่าหากพวกข้ามีของดีอะไร ล้วนแบ่งให้ท่านก่อนแน่นอน”
ครั้นเห็นแม่สามีไม่ตอบคำ หลิวซื่อก็พูดอีกว่า “ความจริงวันนี้เสี่ยวเฟิงจะยกโจ๊กถ้วยหนึ่งไปให้ท่าน แต่ใครจะรู้ว่าขณะจะออกจากห้องไป เจินจูก็มาเคาะประตูพอดิบพอดี พวกข้าเกรงว่านางจะแย่งโจ๊กเหล่านั้น จึงรีบกินลงท้องเองเสียเลย นั่นย่อมดีกว่าให้นางแย่งกลับไปกระมัง ดังนั้น…”
นางเหลือบมองหญิงชรา เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายอ่อนลองแล้ว จึงรีบพูดต่ออีก “เสี่ยวเฟิงรักท่านที่สุดเลยนะเจ้าคะ เขาเคยพูดว่าท่านประหยัดอดออมมาตั้งนานหลายปีเพื่อให้เขาเรียนหนังสือ ลำบากมาแล้วไม่น้อย ต่อไปหากเขาเป็นขุนนางใหญ่ได้ เขาจะต้องตอบแทนบุญคุณท่านอย่างดีแน่นอน”
หญิงชราลุกขึ้นจากเตียง ถามหลิวซื่อว่า “เขาพูดเช่นนั้นจริงหรือ”
หลิวซื่อพยักหน้า “จริงเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าจะพูดปดได้อย่างไร หากท่านไม่เชื่อ จะลองไปถามเขาดูก็ได้นะเจ้าคะ”
สีหน้าดำทะมืนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหญิงชรามาหลายวัน ในที่สุดก็มีรอยยิ้มกว้างผุดออกมา “เสี่ยวเฟิงรู้ประสานัก นับว่าไม่เสียเปล่าที่ข้าเอ็นดูเขา”
ทันทีที่หลิวซื่อเห็นนางพูดเช่นนั้น ก็ถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบถามว่า “ท่านแม่ เช่นนั้นจะจัดการเรื่องค่าเรียนของเสี่ยวเฟิงอย่างไรหรือเจ้าคะ”
เรียวคิ้วของหญิงราขมวดเข้าหากันอีกครั้ง “ข้าจะจัดการอย่างไรได้? เจ้าเองก็รู้ว่าข้าตัดขาดกับบ้านแม่มาสิบกว่าปีแล้ว คิดจะไปยืมบ้านนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้ เอาอย่างนี้ดีกว่า เจ้าไปถามที่บ้านแม่ของเจ้าดู เผื่อว่าจะยืมเงินกลับมาได้บ้าง ปีหน้าพวกเราเก็บเกี่ยวได้แล้วค่อยคืนเงินพวกเขาไป”
หลิวซื่อส่ายหน้าทันควัน “ท่านแม่ ท่านไม่รู้จักบ้านแม่ข้าหรือเจ้าคะ หากข้าไปแล้วอย่าว่าแต่ยืมเงินเลย พวกเขาอาจจะยืมเงินพวกเรากลับเสียด้วยซ้ำไป” พี่ชายคนโตขี้เกียจสันหลังยาว น้องชายคนรองเป็นนักเลงหัวไม้ ส่วนน้องชายคนเล็กป่วยออดๆ แอดๆ บ้านนั้นเปรียบเหมือนหลุมไร้ก้น มีเงินเท่าไรก็ไม่พอใช้ นางจะไปยืมเงินได้หรือ นั่นไม่ต่างอะไรกับฝันกลางวันชัดๆ!
นางกลอกตา สุดท้ายมองไปยังแม่สามี “ท่านแม่ ข้าได้ยินว่าสองวันนี้พวกเจ้ารองทำงานให้ไป๋จื่อ แต่ไหนแต่ไรนางเด็กนั่นใจกว้างเอื้อเฟื้อต่อคนมาช่วยงานเสมอ เจ้ารองทำงานให้นางก็ไม่ถือว่าทำไปเปล่าๆ ไม่สู้พวกเรารอพวกเขากลับมาตอนเย็น แล้วขอยืมเงินจากพวกเขาดีหรือไม่เจ้าคะ”