ตอนที่ 453 หนังสือหมั้นหมาย
ทว่าทันทีที่นางนำหนังสือหมั้นหมายออกมา เขาถึงจะเข้าใจอย่างกระจ่างชัด ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง เช่นนั้นแล้วคนที่นางกล่าวถึงเป็นใครกัน
เป็นหูเฟิงหรือ ต้องเป็นเขาแน่ๆ!
มีเพียงเขาเท่านั้น ที่ควรคู่กับไป๋จื่อ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในหัวใจของเขาพลันรู้สึกเจ็บแปลบโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาจึงถอนใจเสียงหนึ่ง แล้วหมุนกายกลับเข้าไปในเรือน
ยามที่อาอู่กับจ้าวหลานมาถึงที่บ้าน แม่นมอู๋ก็หายไปไม่เห็นเงาแล้ว
“จื่อเอ๋อร์ คนที่มาจากสกุลเมิ่งทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่” จ้าวหลานหัวใจเต้นดังโครมคราม นางรีบร้อนวิ่งกลับมาตลอดทาง แต่กลับเห็นบุตรสาวของตนเองยืนอยู่ในลานบ้านราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ไป๋จื่อยักไหล่ “ท่านว่าข้าเหมือนคนที่ถูกทำให้ลำบากใจหรือไม่เล่า”
“ไม่เหมือน แต่คนที่มาจากสกุลเมิ่งแห่งเมืองหลวงผู้นั้นเดินทางมาไกลถึงพันลี้ ไม่มีทางที่จะมองเจ้าแค่ครั้งเดียวก็ไปแน่” อาอู่กล่าว
เด็กสาวพลันอมยิ้ม “ข้าคิดว่านางต้องไปพบพี่ใหญ่เฉินก่อนจะมาที่นี่แน่ พี่ใหญ่เฉินน่าจะพูดไว้แล้ว ที่พวกนางมาที่นี่ ก็เพื่อมองดูข้าสักครั้งหนึ่งจริงๆ เมื่อเห็นสัญญาหมั้นหมายด้วยตาตนเองแล้ว นางย่อมไม่มีอะไรจะพูด หากไม่กลับไปแล้วจะอยู่ทำอะไรต่อไปกัน ยังหวังให้ข้าเชิญนางเข้าไปจิบชาหรือไร”
…
แม่นมอู๋เดินทางกลับเมืองหลวงในวันเดียวกันนั้น หลังจากกลับถึงสกุลเมิ่งแล้ว นางก็เล่าเรื่องทุกอย่างอย่างละเอียด สวี่ซื่อฟังแล้วก็พลันรู้สึกเบิกบานใจ
“นางหมั้นหมายแล้วจริงหรือ” สวี่ซื่อถามอีกครั้ง
แม่นมอู๋อมยิ้มพลางพยักหน้า ก่อนจะรับถ้วยชาที่สาวใช้ส่งมาให้ แล้ววางบนโต๊ะน้ำชาข้างๆ ฮูหยิน “ปลอมไปไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ ข้าเห็นหนังสือหมั้นหมายกับตาตนเอง แม้เด็กสาวนางนั้นจะหน้าตาไม่เลว แต่ผอมบางนัก เพิ่งจะอายุสิบสามปีเต็ม มองอย่างไรก็ไม่คู่ควรกับคุณชาย บุคคลเช่นคุณชายนั้น ถึงแม้จะหวั่นไหวกับเด็กสาวนางนั้นไปชั่วขณะ ก็เป็นเพราะความแปลกใหม่ เมื่อความแปลกใหม่ผ่านไปแล้ว ความรู้สึกนั้นย่อมจางหายไปราวกับควัน ท่าทางนางฉลาดเฉลียว รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่คู่ควรกับคุณชาย ไม่มีทางคิดเพ้อเจ้ออะไรอีก ฮูหยิน ท่านวางใจได้แล้วนะเจ้าคะ!”
สวี่ซื่อได้ฟังแล้วก็ยิ่งเบิกบานใจ “เจ้าพูดเช่นนี้แล้ว ก็เท่ากับว่าหนานเอ๋อร์กับเสวี่ยเอ๋อร์ยังมีโอกาส ข้าต้องหาเวลาว่างไปพูดโน้มน้าวเขาหน่อยแล้ว”
แม้นมอู๋ยิ้มกว้าง “ฮูหยิน เรื่องระหว่างคนหนุ่มสาวเช่นนี้ อาศัยการพูดโน้มน้าวเพียงอย่างเดียวเห็นทีจะไม่มีประโยชน์ ต้องให้พวกเขามีโอกาสได้พบหน้ากัน เมื่อไปมาหาสู่กันบ่อยเข้า ก็ย่อมเกิดความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
สวี่ซื่อพยักหน้าระรัว “ถูกต้อง เจ้าพูดมีเหตุผล เอาอย่างนี้ อีกเดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง แล้วเจ้าค่อยนำไปส่งที่สกุลเจิ้งแล้วกัน”
…
ขณะเดียวกันนั้น จดหมายจากเถ้าแก่เฉินก็มาถึงมือของเมิ่งหนาน
ยิ่งเมิ่งหนานอ่านจดหมาย สีหน้าของเขาก็ยิ่งดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเขาขยำจดหมายจนเป็นก้อน ก่อนจะโยนลงบนพื้นอย่างแรง
จินเสี่ยวอันเห็นดังนั้นก็รีบถาม “คุณชาย เป็นอะไรไปขอรับ เกิดเรื่องอะไรกับแม่นางไป๋หรือ”
เมิ่งหนานกัดฟันกรอด ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ กล่าวเสียงทุ้มคล้ายจะคำราม “นางส่งคนไปจริงๆ และเพื่อรับมือกับคนจากสกุลเมิ่ง จื่อยาโถวนาง…”
องครักษ์คนสนิทร้อนใจ “คุณชาย ท่านพูดให้ชัดเจนได้หรือไม่ รีบพูดเถอะขอรับ ข้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!”
เมิ่งหนานชี้ก้อนกระดาษที่อยู่บนพื้น “เจ้าก็อ่านเองเถอะ”
จินเสี่ยวอันเก็บก้อนกระดาษขึ้นมา เขากางมันเพื่ออ่านดูอย่างละเอียด เมื่ออ่านจบแล้วก็หัวเราะออกมา “ลูกไม้ของแม่นางไป๋ไม่เลวเลย ครั้งนี้นับว่าทำให้ฮูหยินสบายใจได้แล้ว”
ทว่าเมิ่งหนานกลับถลึงตามององครักษ์จินอย่างไม่สบอารมณ์ “นางสบายใจได้แล้ว แล้วข้าเล่า?”
“คุณชาย เถ้าแก่เฉินบอกแล้วไม่ใช่หรือขอรับ ว่าหนังสือหมั้นหมายนั่นเป็นของปลอม ก็แค่สิ่งของที่ทำขึ้นมาเพื่อตบตาคนสกุลเมิ่งเท่านั้น คิดเห็นเป็นของจริงไม่ได้หรอก” จินเสี่ยวอันหัวเราะอีกครั้ง
“เจ้าคิดเช่นนั้น แล้วหูเฟิงคิดเช่นนั้นด้วยหรือไม่” เมิ่งหนานไม่ได้ตาบอก หูเฟิงมีใจให้ไป๋จื่ออย่างเห็นได้ชัด มีโอกาสดีเช่นนี้แล้ว เขาจะปล่อยให้พลาดไปได้หรือ กลับกัน หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเขาเมิ่งหนานผู้นี้ เขาจะต้องเปลี่ยนละครตบตาให้กลายเป็นเรื่องจริง ทำให้งานแต่งงานเกิดขึ้นให้จงได้
……….
ตอนที่ 454 ใต้หล้ามีต้นข้าวมากมาย
แม้แต่เขาก็คิดเช่นนี้ แล้วหูเฟิงจะไม่คิดเช่นเดียวกันได้อย่างไร
รอยยิ้มบนใบหน้าของจินเสี่ยวอันแข็งค้าง จริงด้วย
“คุณชาย ใต้หล้ามีต้นข้าวมากมาย[1] ในเมื่อแม่นางไป๋กับหูเฟิงตกล่องปล่องชิ้นกันแล้ว ไยพวกเราไม่ใจกว้าง ส่งคำอวยพรไปให้พวกเขาไม่ดีกว่าหรือ”
ใบหน้าของเมิ่งหนานมีแต่จะดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆ เขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ ต่อให้มีต้นข้าวมากมายในใต้หล้า ข้าก็ยังต้องการเพียงไป๋จื่อเท่านั้น ข้าไม่อยากเป็นคนใจกว้างอะไร ข้ายอมล้มเลิกได้ทุกอย่าง เว้นเสียแต่ความรู้สึกของข้าที่มีต่อนาง นางเป็นคนที่ข้าชอบพอ แล้วจะยังใจกว้างส่งเสริมนางให้ผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร ทั้งยังต้องส่งคำอวยพรไปอีก เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไร”
จินเสี่ยวอันหดคอ เกาศีรษะพลางพึมพำ “ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเสียสติกันแน่…”
ทันใดนั้น สาวใช้ที่คอยรับใช้ก็เดินเข้ามา กล่าวกับเมิ่งหนานว่า “คุณชาย แม่นมอู๋ คนสนิทของฮูหยินมาเจ้าค่ะ”
เมื่อเมิ่งหนานได้ยินว่าแม่นมอู๋มาเยือน เขาก็ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมา “นางมาทำอะไร”
“แม่นมอู๋บอกว่าฮูหยินกำชับไว้ ให้ส่งน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบตอบ
เมิ่งหนานโบกมือ “บำรุงอะไรนักหนา มีอะไรให้น่าบำรุงกัน ข้าโมโหพวกนางแทบตายอยู่แล้ว ให้นางไปเถอะ”
สาวใช้รู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง แต่ไหนเลยนางจะกล้าขัดคำสั่งคุณชายที่กำลังโกรธเกรี้ยว ทำได้เพียงรับคำสั่งและถอยออกจากห้องหนังสือ
แม่นมอู๋เห็นสาวใช้ออกมา จึงรีบสาวเท้าหมายจะเดินเข้าไป ทว่าสาวใช้กลับขวางนางไว้ “แม่นมอู๋ ท่านกลับไปเถอะเจ้าค่ะ คุณชายกำลังโมโหมาก หากท่านเข้าไปตอนนี้ ท่านต้องโดนต่อว่าแน่เจ้าค่ะ”
นางขมวดคิ้ว “ข้ารับคำสั่งฮูหยินให้นำน้ำแกงมาส่ง จะถูกต่อว่าได้อย่างไร” ทว่านางเห็นสีหน้าของสาวใช้ดูไมค่อยสู้ดี จึงถามอีกว่า “ตกลงแล้วคุณชายเป็นอะไรกันแน่ เขาโมโหอะไร”
สาวใช้ส่ายหน้า “บ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเจ้าค่ะ จู่ๆ คุณชายก็เกิดโมโหขึ้นมา” ถึงแม้นางรู้ก็พูดออกมาไม่ได้ หากให้คุณชายรู้ว่านางไม่รู้จักปิดปากให้สนิท นางไม่ต้องถูกหักขาเลยหรือไร
แม่นมอู๋ย่อมไม่เชื่อวาจานี้ นางเป็นคนสนิทของฮูหยิน หลายวันมานี้เกิดเหตุการณ์คุกรุ่นระหว่างคุณชายกับฮูหยินอย่างไร นางก็รู้ดี ไม่มีเหตุผลที่เขาจะโมโหใส่นางแน่!
“ข้าจะไปส่งน้ำแกง อีกเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย” เพื่อทำตามคำสั่งของฮูหยินให้สำเร็จ ฮูหยินเบี่ยงตัวหลบการขัดขวางของสาวใช้ แล้วเดินยกน้ำแกงตรงเข้าไปในห้องหนังสือ
“คุณชาย ฮูหยินให้ข้า…”
“ออกไป!” เมิ่งหนานหลับตาพิงพนักเก้าอี้ ไม่ลืมตาขึ้นแม้สักครั้ง เอ่ยปากส่งแขกโดยตรง
แม่นมอู๋ชะงักงัน แต่ก็ดึงสติกลับมาได้ในทันที “คุณชายเป็นอะไรไปเจ้าคะ มีเรื่องอะไรกวนใจหรือ”
“ข้าบอกให้เจ้าออกไป เจ้าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไร” จู่ๆ เมิ่งหนานก็ลืมตา ถลึงตามองแม่นมอู๋อย่างดุดัน เพลิงโทสะในดวงตาลุกโชน
แม่นมอู๋มีสีหน้าตะลึงลาน “คุณชาย ท่าน…”
“จินเสี่ยวอัน ยังตะลึงอะไรอยู่อีก” เมิ่งหนานหลับตาลงอีกครั้ง พิงพนักเก้าอี้ทั้งๆ ที่คิ้วขมวดมุ่น
จินเสี่ยวอันเดินออกมาจากในมุมห้อง ก่อนจะกล่าวกับแม่นมอู๋ “เชิญเถอะขอรับ ตอนนี้คุณชายต้องการพักผ่อน”
แม่นมอู๋จนใจ ทำได้เพียงยกน้ำแกงบำรุงร่างกายออกจากห้องหนังสือไป นางเห็นจินเสี่ยวอันตามหลังนางมาด้วย จึงรีบรั้งอีกฝ่ายไว้ พาเขาไปที่มุมลานกว้าง แล้วถามเสียงเบาว่า “องครักษ์จิน คุณชายเป็นอะไรไป กำลังโมโหอะไรอยู่หรือ”
องครักษ์จินส่ายหน้า “ข้าไม่ทราบขอรับ คุณชายเองก็ไม่ได้บอก จู่ๆ เขาก็โมโหขึ้นมา ท่านลองเขาไปถามดูอีกครั้งดีหรือไม่”
แม่นมอู๋พลันถลึงตามองเขา ก่อนจะหมุนกายจากไป
จินเสี่ยวอันผู้นี้แทบจะอยู่ไม่ห่างจากคุณชาย ไม่มีเรื่องใดของคุณชายที่เขาไม่รู้ หากเขาบอกว่าไม่รู้ นั่นแปลว่าเขาต้องรู้อย่างแน่นอน แถมยังเป็นเรื่องที่จะให้นางและฮูหยินรู้ไม่ได้อีกด้วย
หรือคุณชายจะรู้เรื่องที่นางไปเมืองชิงหยวนแล้ว
[1] ใต้หล้ามีต้นข้าวมากมาย หมายถึง ยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างในชีวิต