ตอนที่ 481 ผ่าตัด
“ไยเจ้าถึงปล่อยให้เลือดไหล” หมอเฉินถาม
ไป๋จื่อเห็นถุงเลือดของตนเองมีปริมาณมากถึงสองร้อยมิลลิลิตรแล้ว จึงบีบหลอดเส้นบาง แล้วถอนปลายเข็มออก ก่อนจะใช้ก้อนสำลีกดรูเข็มเอาไว้ จากนั้นถึงกล่าวตอบหมอเฉิน “ท่านเองรู้ดีอยู่แก่ใจ นายกองมู่หยางไม่ได้บาดเจ็บถึงชีวิต ที่อันตรายถึงชีวิตมากที่สุด คือเมื่อดึงลูกธนูดอกนั้นออกมาแล้ว เขาจะเสียเลือดมากจนตาย แต่หากข้ามีเลือกเพียงพอที่จะเติมเข้าไปในร่างกายของเขา ก็จะลดความเสี่ยงยามที่ดึงลูกธนูออกไปได้มากทีเดียว”
หากจะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ผิด เขาจึงถามอีกว่า “เจ้าพูดถูกของเจ้า แต่จะเติมเลือดนี้ให้เขาได้อย่างไร”
นางชี้ไปยังหัวเข็มที่ข้างหาย “นำเลือดออกมาได้ ก็เติมเข้าไปได้เช่นกัน”
ขณะนี้ถุงเลือดของชายหนุ่มมากเกินกว่าสามร้อยมิลลิลิตรแล้ว นางจึงรีบหยุด “พอแล้วล่ะ มีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
นับว่าหมอเฉินได้เปิดโลกทัศน์แล้ว บนโลกนี้ยังมีของพรรค์นี้อยู่ด้วยหรือนี่ ไป๋จื่อผู้นี้เป็นแค่พนักงานคนหนึ่งของโถงสมุนไพรจริงหรือ เขาไม่เชื่อหรอก!
ไป๋จื่อไม่มีเวลาอธิบายอะไรต่ออีก เพื่อช่วยมู่หยางในตอนนี้ นางไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว “พวกเจ้าช่วยตัดเสื้อผ้าของเขาออกที ระวังหน่อยนะ อย่างได้ถูกลูกธนูเด็ดขาด” นางกำลังหยิบข้าวของออกมาจากในกระเป๋าผ้า เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ภายนอกต่างๆ นางวางพวกมันไว้บนผ้าไร้ตะเข็บสีขาวสำหรับใช้แล้วทิ้ง ไม่นานนักก็มีสิ่งของมากมายวางอยู่จนเต็ม
มีดผ่าตัด คีมหยุดเลือด แหนบ เข็ม ด้ายสำหรับเย็บแผล และอีกมากมาย
นางนำถุงมือยางมาสวมใส่ทั้งสองมือ ทั้งยังสวมหน้ากากสำหรับใช้แล้วทิ้ง รวมถึงหมวกผ้า ไปจนถึงแว่นตาสำหรับใช้ผ่าตัด
ทั้งสามคนในกระโจมเห็นภาพนางในตอนนี้แล้ว ก็เหมือนกับเห็นมนุษย์ต่างดาวก็ไม่ปาน พากันตกใจจนตาแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว
เพราะพวกเขาไม่รู้ว่านางไปนำสิ่งของที่หน้าตาแปลกพิสดารเหล่านี้มาจากที่ใด
ไป๋จื่อไม่ได้มองพวกเขาแม้สักครั้ง นางเริ่มการผ่าตัดในทันที โดยการให้เลือดกับมู่หยางก่อน แล้วจึงให้ชายหนุ่มที่ไม่ได้บริจาคเลือดผู้นั้นรับผิดชอบประคองลูกธนูยาวๆ ที่แทงทะลุมู่หยางไว้ เพื่อให้เขาช่วยรักษาตำแหน่งของลูกธนูให้มั่นคงเข้าไว้ ส่วนนางใช้มีดผ่าตัดเปิดทรวงอก ระหว่างกระบวนการทั้งหมดมีเลือดทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก คนในกระโจมในตอนนี้ รวมถึงหมอเฉินเองล้วนไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
พวกเขาได้แต่มองนางเปิดหน้าอกของมู่หยาง ในใจรู้สึกว้าวุ่น ทว่าไม่รู้เช่นกันว่าว้าวุ่นเรื่องใด
“ดึง!”
ชายหนุ่มตะลึงลาน “ดึงอะไร”
“ดึงลูกธนู!” นางออกคำสั่งอีกครั้ง
มือของชายหนุ่มเริ่มสั่นเทา เขาเคยเห็นเหล่าพี่น้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้มามากมาย หลังจากดึงลูกธนูออกมาแล้ว พวกเขาก็จะตายในทันที ไม่แม้กระทั่งได้ทิ้งคำสั่งเสียไว้
“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ตรงนี้ รีบดึงเร็ว!”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก แล้วค่อยๆ ฝืนประคองมือของตนเอง ดึงลูกธนูออกมารวดเดียวตามคำแนะนำของไป๋จื่อ
เลือดทะลักออกมาตามลูกธนู สาดกระเซ็นเต็มตัวไป๋จื่อโดยพลัน
“ทำได้ดี!” นางหันไปบอกกับหมอเฉินว่า “คีมหยุดเลือด เร็ว!”
หมอเฉินไม่รู้ว่าคีมหยุดเลือดคืออะไร จึงมองข้าวของกองใหญ่พลางทำอะไรไม่ถูก
“อันที่ยาวที่สุด รีบหยิบมาเถอะขอรับ รวมถึงสำลีซับเลือดข้างๆ นั่นด้วย”
หมอเฉินลนลานหยิบคีมหยุดเลือดและสำลีซับเลือดส่งให้อีกฝ่าย
การผ่าตัดดำเนินไปท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายเช่นนี้ ยามนางกำจัดส่วนปอดที่เสียหายไปแล้ว ก็ถึงจะซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บจนเรียบร้อย ระหว่างกระบวนการนี้ มู่หยางหยุดหายใจอยู่หลายครั้ง ไป๋จื่อจึงให้นายทหารผายปอดให้เขา แม้ท่วงท่าจะดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังได้ผลลัพธ์ที่ดีอยู่
หลังจากนางเย็บแผลภายนอกบนร่างกายของมู่หยางแล้ว ก็เป็นสามชั่วยามให้หลัง
นางเหนื่อยล้าจนเทบจะยืดตัวตรงไม่ไหว แต่ระหว่างกระบวนการผ่าตัดเมื่อครู่นี้ นางกลับไม่รู้สึกเหนื่อยถึงขั้นนี้เลยสักนิด
นายทหารสองคนกอดกันกลมเพราะความซาบซึ้ง “เขายังมีชีวิตอยู่ นายกองมู่หยางยังมีชีวิตอยู่ ดีเหลือเกิน”
ไป๋จื่อหยิบขวดแก้วโปร่งแสงออกมาจากในกระเป๋าผ้า ขวดนี้เล็กมาก ยาข้างในนั้นกลับเป็นยาดีที่ช่วยชีวิตคนได้ จากนั้นนางก็ฉีดยานี้เข้าไปในร่างกายของมู่หยาง ยาชนิดนี้มีลักษณะเป็นของเหลว มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ซึ่งได้รับการวิจัยออกมาใหม่ล่าสุด และเห็นผลชัดเจนกับผู้ป่วยหลังผ่าตัดโดยเฉพาะ
……….
ตอนที่ 482 ช่วยข้าเก็บความลับ
สามารถทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังการผ่าตัด ทั้งยังไม่เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ยาขวดเล็กๆ เช่นนี้ในยุคปัจจุบัน จำเป็นต้องใช้เงินมากถึงห้าหมื่นหยวนซื้อมา และไม่ใช่ว่าใครก็ซื้อมาใช้ได้ นางเองก็ไม่ยกเว้น จึงแปลกใจเช่นกันที่พบยาชนิดนี้อยู่ในกล่องปฐมพยาบาลของหลินหยาง
โชคดีที่มียาชนิดนี้อยู่ มู่หยางถึงได้ฟื้นตัวดีและเร็วขึ้นกว่าเดิม
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ นางเหนื่อยจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ ทั้งสรรพางค์กายตอนนี้อ่อนปวกเปียกราวกับเด็กทารกเพิ่งเกิดใหม่ ไร้พละกำลังต่างจากร่างกายก่อนหน้านี้ของนาง การผ่าตัดเพียงครั้งเดียวนี้ แทบจะผลาญแรงของนางไปทั้งหมดแล้ว
นางนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียง เสื้อผ้าบนร่างกายชุ่มเหงื่อจนสิ้น
“เขาจะฟื้นเมื่อใด” ชายหนุ่มถามไป๋จื่อ
ไป๋จื่อตอบว่า “หากไม่เหนือความคาดหมาย เขาจะฟื้นขึ้นมาภายในหนึ่งชั่วยามนี้” หากนางคำนวณไม่ผิดพลาด อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ ฤทธิ์ของยาชาก็จะหมดลง เมื่อนั้นเขาก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว
หมอเฉินตะลึงไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินไปยังข้างกายของมู่หยางในที่สุด เขาลองจับชีพจรของอีกฝ่ายดู ชีพจรที่ก่อนหน้านี้อ่อนกำลัง บัดนี้มีชีวิตชีวาขึ้นอย่างคาดไม่ถึง แม้กระทั่งมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเป็นผู้ป่วยธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้ป่วยหนักเกือบตายเช่นเมื่อครู่นี้
“เขา…หายแล้วหรือ” หมอเฉินยังคงไม่อาจฟื้นสติจากความตื่นตะลึง เพราะสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นและได้ยิน เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่แปลกประหลาดที่สุดที่เขาเคยพบในชีวิตนี้แล้ว…
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงต้องใช้ความอัศจรรย์อันแปลกประหลาดมาอธิบายทุกอย่างเมื่อครู่ อาจจะเป็นเพราะแปลกพิสดารเกินไป ทว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องอัศจรรย์อยู่วันยันค่ำ
ไป๋จื่อพยักหน้า “พอจะเรียกได้ว่าหายแล้ว ต่อจะนี้จะเป็นอย่างไร ก็ต้องดูที่การฟื้นฟูร่างกายของเขาเองแล้ว แต่ขอเพียงบำรุงรักษาร่างกายอย่างดี ข้าว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ”
หมอเฉินชี้ไปยังชิ้นส่วนปอดในกะละมัง มันเป็นสิ่งที่ถูกตัดออกมาจากภายในร่างกายของมู่หยาง “ตัดพวกมันออกมาแล้วจะไม่เป็นอะไรหรือ”
ตอนนี้ไป๋จื่อเวียนศีรษะมาก ก่อนหน้านี้นางให้เลือดไปมากถึงสองร้อยมิลลิลิตร ทั้งยังทำการผ่าตัดติดต่อกันนานอย่างน้อยหกชั่วโมง ขณะนี้ตรงหน้าของนางพร่าเลือน ทว่าก็ไม่อาจไม่ตอบคำถามของหมอเฉินได้ ทำได้เพียงฝืนตั้งสติเอาไว้ “ชิ้นส่วนปอดพวกนี้ ตัดออกมาแล้วไม่เป็นไรขอรับ ไม่มีทางส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกาย”
หมอเฉินไม่อาจเข้าใจเรื่องราวนี้ได้โดยสิ้นเชิง ความสงสัยอัดแน่นอยู่เต็มท้องไปหมด เช่น แท้จริงแล้วเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร สิ่งของที่เขาไม่เคยเห็นเหล่านี้คืออะไร ได้มาจากที่ใด แล้วเขาร่ำเรียนวิชาแพทย์ที่พิเศษเช่นนี้มาจากผู้ใด
ไปจื่อรีบกล่าวขึ้นมาก่อน “ท่านหมอเฉิน ท่านช่วยเก็บเรื่องราวในวันนี้เป็นความลับได้หรือไม่”
“ไฉนต้องเก็บเป็นความลับ วิชาแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมเช่นนี้ ให้ผู้อื่นได้รู้ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ” หมอเฉินไม่เข้าใจ
นางส่ายหน้า “แล้วท่านว่า เหตุใดวิชาแพทย์ของข้าถึงได้ไม่เหมือนใครเช่นนี้ ของบางสิ่ง เรื่องบางเรื่อง ข้าไม่อาจอธิบายได้ชัดแจ้ง แต่ขอให้ท่านเชื่อข้า ข้าเป็นเพียงหมอคนหนึ่ง หมอที่รักษาโรคและช่วยชีวิตคนได้ผู้หนึ่ง ข้าอยากเป็นเพียงหมอธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้อยากเป็นหมอที่พิเศษอะไร ท่านหอเฉิน ท่านเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่”
หมอเฉินพยักหน้า “ข้าเข้าใจ เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าเก็บเรื่องราวในวันนี้เป็นความลับ ไม่มีทางแพร่งพรายเป็นอันขาด”
ไป๋จื่อหันไปมองชายหนุ่มสองคนนั้น “แล้วพวกเจ้าเล่า”
ทั้งสองคนรีบสาบานต่อสวรรค์ รับปากว่าจะไม่พูดเรื่องที่ได้ยินและได้เห็นในวันนี้ใครฟังแม้สักพยางค์เดียว ไม่เช่นนั้นก็ขอให้ตนไม่ตายดีแล้ว
ไป๋จื่อช่วยชีวิตของนายกองมู่ไว้ หากแม้แต่คำขอร้องเล็กน้อยเช่นนี้ก็ยังทำไม่ได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ควรเป็นคนอีกต่อไป ถึงแม้พวกเขาจะต้องรู้สึกแปลกใจต่อเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้มากเพียงใดก็ตาม
“เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว” ไป๋จื่อพยักหน้า ทันทีที่กล่าวจบ ตรงหน้าของนางพลันดำมืด สลบไสลไปในที่สุด
นางเหนื่อยเกินไป เหนื่อยมากเกินไปแล้วจริงๆ!