ตอนที่ 489 คู่หมั้นของจิ้นอ๋อง
โจวกังได้ฟังดังนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี “เช่นนั้นแล้วมีวิธีรักษาหรือไม่”
ไป๋จื่อพยักหน้า “มีเจ้าค่ะ ต้องใช้สมุนไพรหลายชนิด ข้ามีสมุนไพรเกือบหมดแล้ว จะขาดก็เพียงดีงูลายดอก[1] งูชนิดนี้มีพิษร้ายแรงมาก ไม่ได้หาตัวจับได้ง่ายๆ ตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหาได้จากที่ใด”
โจวกังพลันปีติ “มีงูลายดอกอยู่ในป่านี้ ปีที่แล้วสหายในค่ายทหารของพวกข้าก็ถูกงูลายดอกกัดเข้า มันมีพิษร้ายแรงจริงๆ ไม่ถึงสามเค่อ สหายคนนั้นก็หมดลมหายใจแล้ว”
ฟู่เจิงรีบกล่าว “งูชนิดนี้ไม่เพียงมีพิษร้าย ยังดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง เห็นคนเข้าก็อยากจะจู่โจม พวกเจ้าอย่าไปเสี่ยงอันตรายเลย ความตายของข้าไม่สำคัญหรอก อย่าได้พาให้ตนเองลำบากไปด้วยเลย”
ไป๋จื่อพูดกับโจวกังว่า “ท่านไปไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้พิษในร่างกายของท่านยังขับออกมาไม่หมด ออกไปเดินเพ่นพ่านไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งไม่อาจออกแรงมากจนเกินไปได้ ต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างสงบ หลังจากขับพิษออกมาจนหมดตามธรรมชาติแล้ว ท่านถึงจะใช้วรยุทธ์ได้”
อีกฝ่ายร้อนใจขึ้นมา “เป็นเช่นนั้นไม่ได้แน่ พิษของโจวกังยังไม่สลายไป แล้วข้าจะนั่งอยู่เฉยได้อย่างไร”
“ยังมีข้าอยู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ ข้าจะจัดการเรื่องงูลายดอกให้เอง สามวันให้หลังข้าจะนำยาถอนพิษนี้มาให้ พวกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลใจหรอกเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ระหว่างที่สนทนากัน นางหยิบเนื้อตากแห้งชิ้นใหญ่ออกมาจากในกระเป๋าผ้าหลายชิ้น นี่เป็นสิ่งที่นางยัดใส่กระเป๋ามาด้วยขณะออกจากบ้านมา คิดว่าจะนำออกมาเติมท้องยามที่ต้องการ ทว่าตลอดเวลามานี้ก็มีของกินอยู่ตลอด คราวนี้ถึงเวลานำออกมาใช้แล้ว
“ข้าไม่สามารถนำข้าวของจากในค่ายทหารออกมาได้ นี่เป็นเนื้อตากแห้งที่ข้าทำเอง พวกท่านเก็บไว้กินนะเจ้าคะ ส่วนนี่เป็นน้ำ” นางปลดกระบอกน้ำที่พกติดตัวส่งให้พวกเขาด้วย
โจวกังรับสิ่งของที่นางยื่นให้ พลางกล่าว “แม่นางไป๋ เจ้าอย่าได้ไปตามหางูลายดอกเพียงลำพังเชียว มันดุร้ายนัก หากเจ้าโดนมันกัดเข้า เช่นนั้นก็จบเห่แล้ว”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ พวกท่านวางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตนดี” นางหยิบยาลดไข้อีกสองเม็ดออกมาจากในกระเป๋าผ้า ยื่นใส่ในมือของโจวกัง “นี่เป็นยาลดไข้ ด้วยอาการของฟู่เจิง เขาต้องมีไข้แน่นอน ยามที่หน้าผากของเขาร้อนจนลวกมือ ก็ให้เขากินเสียหนึ่งเม็ด กินได้เพียงหนึ่งเม็ดเท่านั้น และวันหนึ่งกินได้หนึ่งครั้ง”
โจวกังรับคำ ก่อนจะส่งไป๋จื่อออกไป คอยมองนางใช้กิ่งไม้ล้อมปากถ้ำกิ่งแล้วกิ่งเล่า จนที่นี่มีสภาพดังเดิม
บัดนี้เขาแม้กระทั่งลืมไปว่านางเป็นสตรี เป็นเด็กสาวที่เพิ่งอายุสิบสามปีเต็มเท่านั้น
เขามองเด็กสาวแบกกระเป๋าผ้าอันหนักอึ้งจากซอกกิ่งไม้ตรงปากถ้ำ ที่กำลังเดินจากไปทีละก้าว ยามที่นางเดิน นางไม่มีท่าทางสง่างามเฉกเช่นสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่กลัวมีความเด็ดเดี่ยวและมั่นใจจากภายในสู่ภายนอก
ช่างเป็นเด็กสาวที่พิเศษจริงๆ หรือว่าจิ้นอ๋องจะมีใจให้นาง
โจวกังหมุนกายกลับไป แล้วเอ่ยถามฟู่เจิงที่นอนอยู่บนกองใบไม้ด้วยรอยยิ้ม “แม่นางไป๋เหมาะสมกับจิ้นอ๋องของพวกเราหรือไม่”
“เหมาะสมเหมือนสวรรค์ประทานมาเชียวละ!” ฟู่เจิงก็ยิ้มเช่นกัน
แม้โจวกังจะคิดเช่นนั้น ทว่าก็อดถอนใจออกมาไม่ได้ “แม้แม่นางไป๋ผู้นี้จะแสนดี ทว่าก็ไม่ได้มีฐานะหรือตำแหน่งอะไร ด้วยฐานะของจิ้นอ๋องแล้ว เกรงว่าฝ่าบาทคงจะไม่อนุญาตแน่”
ฟู่เจิงไม่ได้ตอบอะไร แต่เขาก็กังวลใจในเรื่องนี้ไม่ต่างกัน
โจวกังกล่าวอีกว่า “เจ้ายังจำได้หรือไม่ มีครั้งหนึ่งจิ้นอ๋องดื่มสุราไปหลายจอก และเคยบอกว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้วคนหนึ่ง”
ฟู่เจิงพยักหน้า “จำได้ เขาบอกว่าไม่เคยพบคู่หมั้นผู้นี้มาก่อนเลย ทั้งยังบ่นว่าฝ่าบาทไม่สนใจความยินยอมของเขา ร่วมมือกับอาจารย์ของเขา จัดการเรื่องหมั้นหมายนี้อย่างลับๆ เขาแม้กระทั่งไม่รู้จักชื่อของแม่นางผู้นี้ หน้าตาเป็นอย่างไรยิ่งไม่ต้องพูดถึง อายุเท่าไรก็ไม่เคยบอกกล่าว”
“ในเมื่อฝ่าบาทกับอาจารย์ของจิ้นอ๋องหมั้นหมายให้เขา เช่นนั้นก็ย่อมเหมาะสมกันในทุกด้าน เพียงแต่จิ้นอ๋องหายตัวไปถึงสามปี แม่นางที่หมั้นหมายกับเขาตั้งแต่เด็กผู้นี้ ก็ไม่รู้ว่าแต่งให้ใครไปแล้วหรือยัง” โจวกังกล่าว
……….
ตอนที่ 490 งูลายดอก
อีกด้านหนึ่ง หลังไป๋จื่อออกจากถ้ำมา นางก็หักกิ่งไม้เป็นรูปสองง่าม ก่อนหน้านี้นางเคยดูการจับงูในโทรทัศน์ คนจับงูล้วนมีอุปกรณ์ที่คล้ายกันนี้ ขอเพียงลงมือว่องไว ก็สามารถใช้กิ่งไม้สองง่ามจับงูพิษได้แล้ว
นางไม่เคยลองทำมาก่อน ในใจจึงรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว
หูเฟิงอยู่ในค่ายทหาร สถานที่นี้ไม่ใช่บอกว่าจะไปก็ไปได้ตามใจชอบ แม้ออกมากลางค่ำกลางคืนก็ใช่ว่าจะหางูลายดอกพบ
หลังจากเดินวนอยู่ในป่าเสียตั้งนาน นอกจากกิ่งไม้ใบหญ้าเป็นกอง ไปจนถึงกระต่ายป่าและลูกกวางที่วิ่งผ่านหน้านางไปเป็นครั้งคราวแล้ว นางก็ไม่พบอะไรอีก
“ไป๋จื่อ…” เสียงเรียกของต้วนเฉิงดังมาแต่ไกล นางหันกลับไปมอง เห็นต้วนเฉิงบางสิ่งบางอย่างไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือตะกร้า เขาโบกมือให้นาง ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น
นางก็เดินไปหาเขาเช่นกัน ขณะที่ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนเหลือเพียงไม่กี่จั้ง เด็กสาวก็พลันเหลือบมองกิ่งไม้เหนือศีรษะต้วนเฉิง เห็นว่ามีงูพิษพื้นสีขาว ลายสีเขียวพันตัวกับกิ่งไม้ไว้ นั่นย่อมเป็นงูลายดอกที่นางตามหามาโดยตลอด งูตัวนั้นแลบลิ้นสีแดงสดใส่ต้วนเฉิงไม่ยอมหยุด ร่างกายยาวเหยียดเคลื่อนลงจากกิ่งไว้อย่างว่องไว ขณะที่ต้วนเฉิงกำลังจะเดินผ่านไป งูลายดอกก็ยกหัวของมันขึ้นในทันที ทำท่าทางเตรียมจะจู่โจม
ไป๋จื่อพลันร้องด้วยความตกใจ “มีงูพิษ ระวัง…”
ต้วนเฉิงคิดเพียงอยากนำโสมในมือที่ตนเองขุดได้มาอวดไป๋จื่อ จึงไม่ได้สังเกตความเคลื่อนไหวรอบกายโดยสิ้นเชิง เมื่อนางร้องขึ้นมา เขาถึงจะหันกลับไปมองด้านหลัง ซึ่งขณะนี้งูพิษพุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว
เขี้ยวแหลมคมของงูพิษหมายจะฝังลงไปในลำคอของเขา แต่เขายกมือขึ้นปัดป้องตามสัญชาตญาณ งูพิษจึงไม่ได้กัดคอเขา แต่กัดถูกแขนของเขาแทน เขาออกแรงสะบัดแขน ทำให้งูลายดอกตัวนั้นกระเด็นออกไปอย่างแรง ตัวงูกระแทกเข้ากับต้นไม้จนตาย ต้วนเฉิงพลันทรุกลงนั่งกับพื้น พิษงูซึมเข้าไปในแขนของเขาแล้ว รอบปากแผลจึงเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว
ไป๋จื่อปรี่เข้าไปหาอีกฝ่าย หยิบเข็มและด้ายออกมาอย่างเร็วรี่ เย็บจุดฝังเข็มบริเวณหัวไหล่ไว้ เพื่อตัดโอกาสที่พิษจะลุกลาม
ในกระเป๋าผ้าของนางมียาอยู่มากมาย แต่กลับไม่มีเซรุ่มขจัดพิษนี้เลย และพิษนี้สามารถทำลายการไหลเวียนโลหิตของมนุษย์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจย้อนคืน นางจำต้องทำการรักษาในทันที ไม่เช่นนั้นต้วนเฉิงก็ต้องพิการแขนข้างนี้แล้ว
นางฉีกเสื้อบนแขนของต้วนเฉิงทิ้ง แล้วก้มหน้าลงดูดปากแผลที่มีสีดำคล้ำนั่น ไม่นานนักนางก็ดูดเลือดสีเข้มออกมาได้ หลังจากถ่มมันทิ้งไป นางก็ก้มหน้าลงดูดต่อไปเรื่อยๆ จนต้วนเฉิงที่ทีแรกสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เริ่มกลับมาจับสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
ครั้นเลือดที่นางถ่มทิ้งมีสีแดงสดแล้ว นางถึงจะหยุด แล้วปลดกระบอกน้ำบนเอวของต้วนเฉิงในทันที ใช้น้ำกลั้วปาก ป้องกันไม่ให้เลือดพิษเข้าสู่ร่างกาย
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” นางถาม
ต้วนเฉิงหอบหายใจพลางพยักหน้า “ดีขึ้นมาแล้ว ขอบคุณเจ้ามาก!”
ไป๋จื่อคลี่ยิ้ม แล้วส่ายหน้าเบาๆ “ขอบคุณอะไรกัน หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าก็ไม่ต้องมาที่นี่ ยิ่งไม่ต้องถูกงูกพิษกัดเช่นนี้” นางจับชีพจรที่ข้อมือของเขา พบว่าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร แต่ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว บนแขนของเขายังคงมีรอยพิษหลงเหลืออยู่ เพียงใช้วิชาฝังเข็มขับพิษบีบพวกมันออกมาทีละนิดก็ใช้ได้แล้ว
เมื่อเห็นนางเริ่มนำเข็มออกมา ต้วนเฉิงก็ถามว่า “ยังต้องฝังเข็มอีกหรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “แม้เลือดพิษส่วนใหญ่จะถูกดูดออกมาแล้ว แต่ข้างในนั้นยังคงมีพิษเหลืออยู่ ต้องรีดพิษออกมาโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นพิษตกค้างภายในร่างกายนานวัน ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องดีแล้ว”
สีหน้าของต้วนเฉิงซีดเซียวลงไปถนัดตา เขาร้องอ๋อเสียงหนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หลับตาปี๋ “เอาเถอะ ฝังเข็มเลย ข้าไม่กลัว! ข้าไม่กลัวเลยสักนิด!”
………
[1] งูลายดอก หรือ Red-headed rat snake