ตอนที่ 499 เตรียมตัว
ไป๋จื่อพยักหน้า “เกรงว่าจะไม่ได้ ตอนนี้เตาไฟในหน่วยเสบียงยังไม่ว่าง อยากกินน้ำแกงงูข้นต้องรอพวกเขาทำมื้อกลางวันเสร็จก่อน”
หมอเฉินรับกรงงูทั้งสามในมือต้วนเฉิง ก่อนจะตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วถอนใจกล่าวว่า “น่าเสียดายยิ่ง ไม่มีงูลายดอก หากจับงูลายดอกได้สักตัวก็คงดี พวกเราจะได้ฝึกหลอมยาปี้ซินสักครั้ง”
“ข้าวางกรงงูหนึ่งไว้ในป่าที่ถูกงูลายดอกกัดไว้ด้วย หากในป่านั้นยังมีงูลายดอกอยู่ จะต้องไม่รอดพ้นเงื้อมือของข้าแน่ พรุ่งนี้ข้าจะลองไปเก็บกรงดูขอรับ” ต้วนเฉิงกล่าว
“เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า” หมอเฉินปีตินัก
…
“เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่หรือไม่” แม่ทัพสื่อถามแม่ทัพจู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ
จู้หยวนพยักหน้า “จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว อีกเดี๋ยวจอมพลหวังมาถึง ถึงแม้เขาจะบอกว่าต้องการพบคนจากกองทหารม้าหุ้มเกราะและกองทหารเกราะดำ คนที่มาก็จะเป็นคนของพวกเรา วางใจเถอะ”
แม่ทัพสื่อพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะผินหน้าไปมองหูจื้อ “ทางเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
หูจื้เองก็พยักหน้าเช่นกัน “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ตาแก่ผู้นี้เหมือนลงไปอยู่ในดินมากว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ยังจะกล้ามาที่นี่อีก ขอเพียงเขาอยากขุดคุ้ยเรื่องเมื่อสามปีก่อน ครั้งนี้พวกเราก็จะไม่ให้เขากลับไป คอยดูให้ดีเถอะ”
ในที่สุดบนใบหน้ายาวเหมือนม้าของสื่อลี่หยวนก็ปรากฏรอยยิ้มจาง “ไปกันเถอะ ตอนนี้พวกเราควรไปต้อนรับจอมพลหวังแล้ว!”
ทั้งสามคนไปยังประตูหลักของค่ายทหาร รอคอยท่ามกลางแสงแดดยามเที่ยงวันเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ตอนที่ความอดทนของพวกเขากำลังจะขาดสะบั้น บนถนนหลวงไกลลิบๆ ก็มีเสียงม้าดังกุบกับมาเสียที
พวกเขาเก็บสีหน้ารำคาญใจโดยพลัน พากันหลีกทางไปด้านข้าง ท่าทางเคารพนบนอบเต็มที่
ขบวนม้ามาถึงไม่ขาดสาย ไม่หยุดฝีเท้าโดยสิ้นเชิง พวกเขาแม้กระทั่งมองหน้าตาของจอมพลหวังไม่ชัดเจน จนกระทั่งขบวนม้าหายไปไม่เห็นเงา…
“น่ะ…นี่มันหมายความว่าอย่างไร เขาไม่เห็นพวกเราเลยหรือ” หูจื้อเช็ดใบหน้าที่มีฝุ่นเกาะอยู่ทั่ว
สื่อลี่หยวนส่ายหน้า “ไม่มีทางไม่เห็น แต่พวกเขาแสดงความน่าเกรงขามให้พวกเราเห็นต่างหาก ไป พวกเราไปพบเขาสักหน่อยเถอะ”
กระโจมใหญ่ของจอมพลสื่อจัดวางไว้เรียบร้อยดีตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน จอมพลหวังคุ้นเคยเส้นทางที่นี่ดี จึงเดินตรงไปยังกระโจมของตนเอง ภายในนั้นมีอาหารและสุราเลิศรสจัดวางไว้พร้อมสรรพ ทั้งยังมีสาวใช้หน้าตาอ่อนหวานดุจสายน้ำอีกต่างหาก
แต่ไหนแต่ไรมาจอมพลหวังไม่ชอบให้มีคนมาปรนนิบัติรับใช้ อีกทั้งเขาอายุมากแล้ว ไม่มีความสนใจในอิสตรีมาเนิ่นนาน หลังเข้าไปในกระโจมแล้วเห็นพวกนางก็รู้สึกไม่พอใจ สะบัดมือไล่ทันที “ออกไป!”
ก่อนหน้านี้สาวใช้สองคนมีหน้าที่ปรนนิบัติแม่ทัพหูจื้อ เขาปฏิบัติกับพวกนางด้วยความอ่อนโยนมาโดยตลอด ไม่เคยตะคอกหรือต่อว่าพวกนางสักครั้ง บัดนี้เห็นท่าทีเย็นชาของจอมพลหวังแล้ว ก็พากันตกอกตกใจจนไม่กล้าพูดมาก รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
รองแม่ทัพเข้ามาถอดเสื้อคลุมหนังให้จอมพลหวัง ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “เมื่อครู่พวกหูจื้ออยู่ข้างนอกประตูค่าย ท่านเห็นหรือไม่ขอรับ”
จอมพลหวังแค่นหัวเราะเสียงเย็น “คนตัวใหญ่เช่นนั้น ข้าจะมองไม่เห็นได้อย่างไร”
“เช่นนั้นไยท่านไม่หยุด ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็อยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว เกรงว่าจะได้ใจเหล่าทหารทีเดียว”
“คนเช่นพวกเขาน่ะหรือ ได้ใจเหล่าทหาร? เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือไร หากพวกเขาได้ใจเหล่าทหารจริง เหตุใดสามปีมานี้ถึงไม่เคยชนะศึกในสนามรบที่ตะวันตกเฉียงเหนือนี่สักครั้งเลย” จอมพลหวังโบกมือ
เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห พาลตบฝ่ามือหนึ่งลงบนโต๊ะ กล่าวด้วยโทสะ “หากไม่ใช่เพราะเมื่อสามปีก่อนข้าร่างกายทรุดโทรม ข้าคงจัดการพวกเขาอยู่ที่นี่ไปนานแล้ว จะเก็บพวกเขาไว้จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร”
รองแม่ทัพจางเห็นเขาโกรธเกรี้ยว ก็รีบเทน้ำให้เขาจอกหนึ่ง “ท่านจอมพล ร่างกายท่านไม่ค่อยแข็งแรง อย่าได้โมโหเหล่าคนชั้นต่ำพวกนี้นักเลย ไม่คุ้มกันหรอกขอรับ!”
……….
ตอนที่ 500 แววตาทอประกาย
จอมพลหวังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กดข่มโทสะที่พุ่งขึ้นสู่สมองไว้อย่างสุดความสามารถ พยายามควบคุมไฟแห่งความโกรธในใจเอาไว้ เขารู้อยู่แล้วว่าหูจื้อและสื่อลี่หยวนสนิทชิดเชื้อกับเซียวอ๋อง ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร คิดว่าพวกเขาก็แค่ตัวตลกสองคนเท่านั้น ไม่มีทางสั่นคลอนต้นไม้ใหญ่อย่างจิ้นอ๋องได้โดยสิ้นเชิง
แต่เขาคิดผิด แม้กระทั่งคิดผิดมหันต์!
จิ้นอ๋องอยู่ไกลถึงทางตะวันตกเฉียงเหนือ ย่อมไม่รู้เรื่องที่พวกหูจื้อลอบส่งจดหมายโต้ตอบกับเซียวอ๋อง ส่วนตัวเขาหวังจิ้งไห่ตัวอยู่เมืองหลวง จึงรู้เรื่องนี้ดีนัก แต่แล้วเหตุใดตอนนั้นเขาถึงทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะเขาเชื่อใจจิ้นอ๋องเกินไป หรือตนเองเลินเล่อเกินไปกันแน่
หากเขารู้ตัวเร็วกว่านี้สักหน่อย ได้ส่งสัญญาณเตือนจิ้นอ๋องเสียบ้าง บางทีอาจจะไม่เกิดโศกนาฏกรรมในภายหลังก็เป็นได้!
รองแม่ทัพจางมีสีหน้าไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ ร้อนใจจนหาใดเปรียบ “ท่านจอมพล ท่านใจเย็นๆ ก่อนนะขอรับ ท่านหมอบอกว่าอาการป่วยของท่านต้องอาศัยการบำรุงรักษาร่างกาย จะโกรธเกรี้ยวอะไรง่ายๆ ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากอาการป่วยกำเริบขึ้นมา ผลลัพธ์ก็เกินกว่าจะคาดเดาได้”
มือที่จอมพลหวังจับจอกชาสั่นเครือ เขายกมันขึ้นดื่มอึกหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “เจ้าพูดถูกต้อง ตอนนี้ข้าโมโหไม่ได้ ข้าก่อเรื่องไม่ได้อีก จิ้นอ๋องเป็นตายยังไม่มีใครทราบ ข้าจึงไม่อาจล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกคน ตำแหน่งจอมพลนี้ ข้าจะต้องส่งมอบมันให้เขากับมือของตนเอง”
รองแม่ทัพจางไม่ได้พูดอะไร ในใจยิ่งรู้สึกหนักอึ้งจนพาให้ถอนหายใจยาว ทุกคนล้วนรับเรื่องที่จิ้นอ๋องตายได้แล้ว จะมีก็แต่จอมพลหวังเท่านั้นที่ไม่ยอมรับ
เขาไม่เคยคิดว่าจิ้นอ๋องตาย และไม่มีทางตาย
ข้างนอกมีเสียงนายทหารกล่าวว่า “แม่ทัพหู แม่ทัพสื่อ และแม่ทัพจู้มาเยือนขอรับ”
รองแม่ทัพจางถอยไปอยู่ด้านข้าง ส่วนจอมพลหวังยังคงนั่งอยู่ กดเก็บความเศร้าโศกและโกรธเคืองในแววตา ก่อนจะกวาดสายตามองแม่ทัพทั้งสามคนที่เข้ามาจากข้างนอกกระโจมอย่างเฉยชา
ทั้งสามคนก้าวเข้ามาคารวะ “เข้าพบจอมพล!”
จอมพลหวังโบกมือ “ไม่ต้องมากพิธี ได้ยินว่าพวกเจ้าต้อนรับอยู่ที่นอกค่ายด้วย ข้าชราแล้วสายตาฝ้าฟาง จึงมองไม่เห็นเสียได้”
หูจื้อยิ้มเจื่อน “ท่านจอมพลยังแข็งแรงเหมือนครั้งนั้น แววตาทอประกาย เป็นพวกข้าเองที่ต้อนรับได้ไม่เต็มที่ หวังว่าท่านจอมพลหวังจะไม่ถือโทษ”
จอมพลหวังหัวเราะฮ่าๆ สองเสียง จนหูจื้อรู้สึกจนลุกขนพอง
เขาเงยหน้ามองไปรอบๆ ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ท่านจอมพลพบสาวใช้ที่ข้าส่งมาปรนนิบัติท่านหรือไม่”
จอมพลหวังโบกมือ “ข้าแก่มากแล้ว ไม่ต้องการสาวใช้อะไรหรอก จึงให้พวกนางไปกันหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งมาอีก”
หูจื้อเดาได้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จอมพลหวังผู้นี้เป็นชายชราที่ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น ไม่ชอบความร่ำรวย และไม่เสน่หาความรักใคร่ โชคดีที่เขาเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว
“นั่งลงเถอะ!” จอมพลหวังมองไปยังจู้หยวน ก่อนจะถามเสียงเบา “เจ้าคือจู้หยวนหรือ”
จู้หยวนเกิดความรู้สึกประหลาดใจ ด้วยไม่คิดว่าจอมพลหวังจะจำเขาได้
“ข้าเองขอรับ!”
“ข้าเจ้าจำได้ ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นรองแม่ทัพกองทหารเสือขาว บัดนี้รับตำแหน่งอะไรแล้วล่ะ” จอมพลหวังถาม
จู้หยวนรีบตอบทันควัน “เรียนท่านจอมพล ตอนนี้ข้าเป็นแม่ทัพของกองทหารนกกระจอกดำขอรับ”
“กองทหารนกกระจอกดำ?” จอมพลหวังเลิกคิ้วถาม “เมื่อก่อนข้าไม่เคยได้ยืนชื่อกองทหารนี้เลย เป็นกองทหารที่ตั้งขึ้นมาใหม่หรือ”
จู้หยวนส่ายหน้า “กองทหารนกกระจอกดำก็คือกองทหารเสือขาวในอดีตขอรับ หลังจากแม่ทัพเหลียนตาย ข้าก็รับคำสั่งของเซียวอ๋อง ได้เลื่อนตำแหน่งจากรองแม่ทัพเป็นแม่ทัพขอรับ”
“เลื่อนตำแหน่งแล้วก็เลื่อนเถอะ เหตุใดต้องเปลี่ยนสัญลักษณ์ธงด้วย” สายตาเย็นชาของจอมพลหวังมองกดดันจู้หยวน เขาเกลียดการหักหลังเป็นที่สุด โดยเฉพาะการหลักหลังที่เกิดขึ้นในค่ายทหาร
สีหน้าของจู้หยวนยังคงเดิม เมื่อเทียบกับหูจื้อที่เหงื่อกาฬเย็นเยียบผุดเต็มหน้าผาก และต่างกับสื่อลี่หยวนที่หลบหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกับเขากำลังเผชิญหน้ากับเรื่องที่เรียกได้ว่าธรรมดาสามัญที่สุดในชีวิต
หรือเขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะมาถึง จึงฝึกฝนการแสดงฉากนี้อยู่ในใจว่าแล้วนับครั้งไม่ถ้วน