ตอนที่ 503 แนวรบ
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ตักน้ำแกงงูข้นเข้าปากช้อนหนึ่ง น้ำแกงนี้ทั้งสดใหม่ เต็มไปด้วยเนื้องู ทั้งยังเข้มข้น อุณหภูมิกำลังดีขณะกลืนลงคอ กินแล้วสบายกายยิ่งนัก
ไป๋จื่อกล่าวต่อ “ศิษย์พี่ของข้าจับงูเก่งมาก หากท่านจอมพลชอบกิน ข้าทำมาให้ท่านบ่อยๆ ได้นะขอรับ”
จอมพลหวังรีบตอบรับ “เช่นนั้นข้าก็ขอรับน้ำใจของเจ้าไว้ รสชาตินี้ถูกใจข้ายิ่งนัก”
เขากินน้ำแกงงูข้นในถ้วยหมดในไม่กี่ช้อน ไป๋จื่อรับถ้วยเปล่าในมือของเขามา เติมให้เขาอีกถ้วยหนึ่งเต็มๆ
จอมพลหวังถือโอกาสถามตอนที่นางกำลังยุ่ง “ช่วงนี้อาจารย์ของเจ้าสบายดีหรือไม่”
ไป๋จื่อพยักหน้า “สบายดีทีเดียวขอรับ เพียงแต่ไรผมเริ่มมีสีดอกเลาแซมมาบ้างแล้ว”
จอมพลหวังถอนใจเสียงเบา “คนเมื่อชราลง ผมสีขาวขึ้นมาแซมย่อมเป็นเรื่องปกติ ผมของข้าเกรงว่าจะหาผมสีดำไม่เจอแล้วกระมัง” เขาอายุมากกว่าหมอทหารเฉินไม่กี่ปี สามปีก่อนผมของเขายังคงมีผมสีดำอยู่เป็นจำนวนมาก ผมขาวเพียงแทรกอยู่ระหว่างผมดำเท่านั้น แต่วันนี้ผมสีดำเหล่านั้นหายไปไม่เห็นเงานานแล้ว
ไป๋จื่อวางถ้วยลงตรงหน้าจอมพลหวัง “ท่านจอมพลมีเรื่องอะไรในใจหรือไม่ ดูจากสีหน้าของท่านแล้ว เหมือนกับมีเรื่องให้ทุกข์ใจเลยนะขอรับ”
จอมพลหวังโบกมือ “เมื่อมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ใครบ้างเล่าไม่มีเรื่องในใจ หากมีเรื่องอะไร ขอแค่พวกเรากำจัดมันทิ้งไป ก็ถือว่าสิ้นเรื่องแล้ว” คำพูดนี้ราวกับเขาพูดกับไป๋จื่อที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งยังคล้ายกับพูดให้ตนเองฟังด้วย
ทันใดนั้น รองแม่ทัพจางเข้ามาในกระโจม สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร
จอมพลหวังเห็นเขากลับมา ก็รีบวางถ้วยในมือลง ถามทันทีว่า “พบแล้วหรือ”
รองแม่ทัพจางส่ายหน้า “ไม่พบขอรับ ข้าสอบถามจนทั่วทั้งค่ายทหารแล้ว ทุกคนล้วนบอกว่าชัยชนะครั้งก่อนเป็นเพราะโชคช่วยกองทหารม้าหุ้มเกราะและกองทหารเกราะดำ ปลุกปั่นภายในทัพซีเยี่ยจนเกิดปัญหา ความจริงแล้วทั้งสองกองไม่ได้ชนะด้วยความสามารถของตนเอง”
คิ้วของจอมพลหวังขมวดเป็นปมแน่น ถามอีกว่า “นายกองของกองทหารม้าหุ้มเกราะอยู่ที่ใด”
รองแม่ทัพจางส่ายหน้าอีกครั้ง “ข้าหาเขาไม่เจอขอรับ ได้ยินมาว่าวันก่อนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งไปรักษาตัวที่กระโจมหน่วยแพทย์แล้ว แต่จนป่านนี้แล้วก็ไม่กลับมา ดูท่าจะตายเพราะรักษาไม่หายกระมัง”
ตายเพราะรักษาไม่หาย?
จอมพลหวังหันไปมองไป๋จื่อทันที “ไป๋จื่อ เจ้าเคยพบนายกองของกองทหารม้าหุ้มเกราะผู้นี้หรือไม่”
ไป๋จื่อพยักหน้าทันควัน “เคยพบขอรับ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงดังว่า แต่รักษาหายแล้ว ตอนนี้เขากลับไปที่กระโจมของเขาเองแล้วขอรับ ดูท่าทางจะมีคนไม่อยากให้พวกท่านพบเขา”
จอมพลหวังขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่คาดคิดว่าจู่ๆ เด็กหนุ่มเบื้องหน้าจะพูดออกมาเช่นนี้ เขาหมายความว่าอย่างไรกัน
“เรื่องบางเรื่องเดิมทีข้าไม่ควรพูดออกมา แต่ในเมื่อข้าพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะพูดอีกสักหน่อย” ไป๋จื่อยิ้มกล่าว
จวมพลหวังยกมือขึ้น “เจ้าพูดมาสิ”
ไป๋จื่อเล่าว่า “มู่หยางบาดเจ็บหนัก แต่ไม่ใช่เพราะทัพศัตรูบนสนามรบ เป็นเพราะมีคนลอบเข้าไปยิงธนูใส่เขาในกองทหารต่างหาก เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่มู่หยาง แต่เป็นลูกน้องสองคนข้างกายมู่หยาง ทั้งสองคนก็ไม่รู้ว่าตนเองทำหรือพูดอะไรลงไป หรืออาจจะรู้ความลับของพวกเขาเข้า พวกเขาอยากกำจัดสองคนนี้ก่อนที่ท่านจอมพลจะมาที่นี่ แต่ไม่คาดคิดเลยว่ามู่หยางจะพยายามช่วยสองคนนั้นอย่างสุดชีวิต จนตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บหนัก แทบจะสิ้นชีวิตเลยก็ว่าได้ กว่าจะรอดชีวิตมาได้ถือว่าเสี่ยงไม่น้อย ข้าว่าท่านพบมู่หยางแล้ว จะต้องเข้าใจหลายๆ เรื่องอย่างแจ่มแจ้งแน่ขอรับ”
จอมพลหวังมองเขาด้วยสายตาวาวโรจน์ หลังจากนั้นพักหนึ่งถึงเอ่ยปากว่า “ดูท่าทางเจ้าจะไม่ใช่ศิษย์ทั่วๆ ไปของหมอเฉินแล้ว เจ้ารู้เรื่องไม่น้อยเลยจริงๆ”
“ท่านจอมพล เรื่องบางเรื่องในเมื่อข้ากล้าพูด ข้าย่อมไม่กลัวว่าท่านจะสงสัย” นางแทบจะยืนยันได้ในทันที ว่าจอมพลหวังและพวกหูจื้อไม่ได้อยู่บนแนวรบเดียวกันแน่
……….
ตอนที่ 504 ต้องเป็นเขา
ขอเพียงไม่ใช่คนบนแนวรบเดียวกับหูจื้อ เช่นนั้นก็จะต้องเป็นพวกเดียวกับหูเฟิง
เขาเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณของหูเฟิงในสนามรบ หูเฟิงเองก็เคยช่วยชีวิตเขาไว้ ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองนี้ ดูจากภายนอกแล้วไม่ได้มีอะไรพิเศษ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ใจกันดี อีกฝ่ายครองพื้นที่ในใจตนเองเท่าไร มีความสำคัญมากเพียงใด สำคัญจนกระทั่งสามารถปกป้องกันและกันได้หรือไม่
นางยังไม่รู้สิ่งเหล่านี้ แต่นางคิดว่าอีกไม่นานก็น่าจะได้รู้แล้ว
จอมพลหวังมองไป๋จื่ออีกครู่หนึ่ง จนในที่สุดก็หันไปกล่าวกับรองแม่ทัพจาง “ไปหาเหล่าหลี่ หากมู่หยางยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องอยู่ในค่ายทหารแห่งนี้แน่ ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เพื่อปกป้องตนเอง พวกเขาไม่มีทางฆ่ามู่หยาง แต่ก็ยังสามารถทำให้มู่หยางตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงได้ เจ้าต้องตามหาเขาอย่างลับๆ อย่าได้ทำให้คนที่ไม่ควรรู้เรื่องนี้แตกตื่น”
รองแม่ทัพจางพยักหน้ารับ “ข้าทราบดี จะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ”
หลังจากรองแม่ทัพจางไปแล้ว ไป๋จื่อก็ถามจอมพลหวังว่า “ท่านจอมพล อย่าถือโทษที่ข้าบังอาจถามเลยนะขอรับ หากท่านพบมู่หยาง รู้เรื่องที่ท่านอยากรู้แล้ว ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อไป”
จอมพลหวังกระแทกหกำปั้นลงบนโต๊ะ กัดฟันกรอด “หากพิษร้ายยังคงอยู่ ก็มีแต่จะลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงตัดมันทิ้งไปเท่านั้น ถึงจะขัดขวางการลุกลามด้วย”
ไป๋จื่อมุ่นคิ้วเล็กน้อย กล่าวในใจว่าเขาเห็นหูจื้อเป็นพิษร้าย นั่นนับว่าถูกต้อง แต่หูจื้อเป็นเพียงสุนัขรับใช้ของเซียวอ๋อง กำจัดพิษร้ายนี้ทิ้งไปแล้ว ก็ยังมีพิษร้ายอื่นปรากฏขึ้นมาใหม่ อย่าว่าแต่กำจัดเพื่อป้องกันการลุกลามเลย กลับจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นเสียมากกว่า
เห็นนางขมวดคิ้วไม่พูดจา จอมพลหวังจึงถาม “เหตุใดเจ้าไม่พูดแล้วเล่า ไม่เห็นด้วยหรือไร”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ท่านจอมพล อยากจะกำจัดภัยร้ายไปตลอดกาล ไม่ใช่ว่าจัดการเนื้อร้ายสองก้อนอย่างลวกๆ ก็จะสำเร็จนะขอรับ ต้องกำจัดผู้ร้ายตัวจริงที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังด้วย ทำให้เนื้อร้ายที่เกิดขึ้นมาเหล่านั้น ไปจนถึงพวกที่คิดจะเกิดใหม่ไม่อาจเกิดมาได้อีก อย่างไรเสียก็ต้องถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้น”
จอมพลหวังนำทัพต่อสู้มาหลายปี เขาจะไม่รู้หลักการนี้ได้อย่างไร แต่น่าเสียดายที่ต้นตอนั่นเป็นคนที่เขาไม่อาจกำจัดได้ตามใจชอบ นอกเสียจากจิ้นอ๋องจะกลับมาได้ ไม่เช่นนั้นทั่วทั้งแผ่นดิน ทั่วทั้งแคว้นฉู่ก็จะไม่มีใครต้านทานได้อีก
เขากล่าวกับไป๋จื่อว่า “แท้จริงเจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงรู้เรื่องพวกนี้” เขารู้จักนิสัยของหมอทหารเฉินดี นอกจากรักษาโรคและช่วยชีวิตคนแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ชอบสนใจเรื่องอื่น โดยเฉพาะเรื่องการแก่งแย่งชิงดีพรรค์นี้ เขายิ่งไม่สนใจมันเลยสักนิด
“ท่านจอมพล ขอเพียงท่านจำไว้ว่าข้าเป็นคนฝั่งท่าน เรื่องที่ข้าอยากทำกับเรื่องที่ท่านอยากทำ ล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น” ไป๋จื่อกล่าว
นางเดินไปข้างหน้าสองก้าว ก่อนจะกดเสียงเบา “ท่านนายพล หากท่านพบมู่หยางแล้ว อย่าได้เรียกเขามาที่นี่เด็ดขาด กระโจมหลังใหญ่ของท่านแห่งนี้มีคนจับจ้องอยู่มากมาย หากเขามาที่นี่ก็เท่ากับประกาศวันตายของเขาอย่างเป็นทางการ แม้กระทั่งท่านเองก็จะตกอยู่ในอันตรายไปด้วย”
จอมพลหวังแค่นหัวเราะเสียงเย็น “พวกเขาเนี่ยนะ?”
ไป๋จื่อเอ่ยต่ออีกว่า “หากเป็นแค่พวกเขาก็ไม่ต้องหวั่นเกรงถึงเพียงนั้น แต่หากเป็นคนที่คอยชักนำอยู่เบื้องหลังพวกเขาเล่า ท่านจอมพล เพื่อจิ้นอ๋องแล้ว ท่านอย่าได้ทำเรื่องอะไรเสี่ยงอันตรายเชียว”
ครั้นเห็นนางพูดถึงจิ้นอ๋อง จอมพลหวังก็มีความรู้สึกมากมายท่วมท้นขึ้นมาโดยพลัน “เขายังมีชีวิตอยู่หรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “แน่นอน เขาเป็นถึงจิ้นอ๋อง จะตายไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน ท่านจอมพล จิ้นอ๋องจะกลับมายืนในตำแห่งเดิมของตนเองได้หรือไม่ ต้องอาศัยท่านแล้วนะขอรับ”
จอมพลหวังผุดลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น เดินกลับไปกลับมาในกระโจม ในปากพร่ำรำพัน “ข้าว่าแล้วเชียว ข้าว่าแล้วว่ากองทหารม้าหุ้มเกราะและกองทหารเกราะดำที่เอาชนะศัตรูไม่ได้มาเนิ่นนาน คราวนี้กลับไม่เพียงได้รับชัยชนะ วิธีการรบยังเหมือนกับในปีนั้นไม่มีผิดเพี้ยน ตอนนั้นข้าเดาว่าเป็นเขา จะต้องเป็นเขาแน่ๆ”