ตอนที่ 509 พุทราเชื่อมแก้ขม
หมอรีบกล่าว “ไม่ใช่ขอรับ ยานี้ข้าต้มเองกับมือ จะมีปัญหาได้อย่างไรกัน ท่านจอมพล ท่านอย่าได้เชื่อวาจาใส่ร้ายของเด็กคนนี้นะขอรับ ข้ากงซานเฉวียนซื่อสัตย์กับท่านจอมพล ฟ้าดินเป็นพยานได้”
ไป๋จื่อเหมือนจะหัวเราะออกมา มองกงซานเฉวียนด้วยสีหน้าท้าทาย กล่าวเสียงเรียบว่า “ในเมื่อเจ้าแน่ใจปานนี้ เจ้าลองกินยานี้ต่อหน้าท่านจอมพลดีหรือไม่”
หมอกงรับคำทันที “กินก็กิน ข้ากงซานเฉวียนทำอะไรตรงไปตรงมา ยาที่ข้าต้มเองเช่นนี้ จะมีอะไรทำให้ข้าไม่กล้ากินกัน”
กงซานเฉวียนก้าวไปข้างหน้า ยกยาถ้วยนั้นแนบชิดริมฝีปาก ยาน้ำสีดำเข้มไหลจากมุมปากของเขาสู่ลูกกระเดือก และไหลลงไปในคอเสื้อของเขาในที่สุด
เขาใช้ชีวิตของตนเองเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ กินยาขมฝาดถ้วยใหญ่รวดเดียวจนหมดเกลี้ยง กินเสร็จแล้วก็ยื่นถ้วยให้ไป๋จื่อและจอมพลหวังดู “หากยานี้มีพิษ ตอนนี้ข้าควรจะถูกพิษแล้วใช่หรือไม่”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ย่อมไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อก่อนหลังจากท่านจอมพลกินยาที่เจ้าต้มแล้ว เขายังกินอะไรเข้าไปอีกด้วย เจ้าจำได้หรือไม่”
สีหน้าของกงซานเฉวียนแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ริมฝีปากสั่นเทาไม่ยอมพูดจา
องครักษ์ด้านหลังไป๋จื่อโยนกระเป๋าผ้าใบหนึ่งลงบนโต๊ะ ก่อนที่นางจะหยิบพุทราเชื่อมแก้ขมออกมาจากในนั้นสองเม็ด แล้วเขย่ามันมาตรงหน้ากงซานเฉวียน “นี่เจ้าก็ทำเองใช่หรือไม่”
กงซานเฉวียนชี้แจง “ก็แค่พุทราเชื่อมแก้ขมที่มอบให้ท่านจอมพลเท่านั้น มีปัญหาอะไรหรือ”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ดูๆ ไปก็ไม่มีปัญหาอะไร ทว่าในเมื่อไม่มีปัญหาอะไร เจ้าก็ไม่มีทางถือสาที่จะกินไปสักสองเม็ดใช่หรือไม่”
“ข้าไม่กลัวกินยาขม ไม่ต้องกินพุทราเชื่อมหรอก” กงซานเฉวียนรีบกล่าว
“แล้วข้าบอกเมื่อใดว่าข้ากลัวกินยาขม เหตุใดต้องโน้มน้าวให้ข้ากินมันเสียสองเม็ดทุกครั้ง” จอมพลหวังแค่นหัวเราะเสียงยฺน
กงซานเฉวียนถอยหลังไปอีกสองสาว เอ่ยเสียงสั่นเครือ “ท่าจอมพล ข้าเพียงแต่กลัวว่าท่านกินยาเข้าไปแล้วจะไม่รับรสอะไร ข้ามีเจตนาดี เหตุใดท่านถึงเชื่อคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าพรรค์นี้ ไม่เชื่อข้าหรือขอรับ”
“หากเจ้ากินพุทราเชื่อมสองเม็ดต่อหน้าข้า ข้าจะเชื่อเจ้า” จอมพลหวังยื่นข้อเสนอ
หมอกงส่ายหน้า “ท่านบังคับให้ข้ากินมัน เห็นได้ชัดว่าท่านไม่เชื่อข้า ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องติดตามอยู่ข้างกายท่านแล้ว ท่านไปเชิญหมอคนอื่นเถอะ” เขาหมุนกายจะจากไป ทว่าองครักษ์คนสนิทที่คอยคุ้มกันจะอยู่เฉยได้หรือ
“ทำอะไร ยังไม่หลีกทางอีก ข้าเป็นแค่หมอคนหนึ่ง ไม่ใช่ทาสรับใช้สกุลหวัง ยิ่งไม่ใช่นายทหารของค่ายทหารแห่งนี้ ข้าติดตามท่านมาที่นี่เป็นพันลี้ ทำไปเพื่อไมตรีจิต ในเมื่อวันนี้ไม่มีไมตรีจิตต่อกันแล้ว เช่นนั้นข้าแซ่กงก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ขอท่านจอมพลอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”
“จะไปย่อมได้ แต่ต้องกินพุทราเชื่อมสองเม็ดก่อน ขอเพียงเจ้ากินมันไปทั้งสองเม็ดแล้ว เจ้าอยากไปที่ไหนก็ไปได้ทั้งนั้น ไม่มีใครไปห้ามเจ้าแน่” ไป๋จื่อกล่าว
กงซานเฉวียนไม่มีทางยอม พุทราเชื่อมนี้เขาทำเองกับมือ ภายในนั้นใส่อะไรลงไปบ้างเขารู้ดีอยู่แก่ใจ หากกินแค่ยาอย่างเดียวจะเป็นแค่ยาพิษมีฤทธิ์ช้า ไม่เกิดผลอะไรในทันที เขาหาโอกาสถอนพิษได้ แต่หากกินพุทราเชื่อมลงไปด้วย ก็จะกระตุ้นให้พิษออกฤทธิ์ในทันที แม้จะไม่ถึงตาย ทว่าจะเหมือนกับนายพลหวัง เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ร่างกายไร้เรี่ยวแรง
แต่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็ต้องรับความผิดเป็นแน่แท้แล้ว
ดังนั้น เขาไม่มีทางกิน ไม่มีทางแน่นอน
“เจ้าเป็นใครกันแน่ มีสิทธิ์อะไรมายุแยงตะแคงรั่วที่นี่ จงใจใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์หรือ เจ้าอยากให้ข้าตายอยู่ที่นี่ แท้จริงแล้วเจ้ามีความแค้นเคืองอะไรกับข้า เหตุใดต้องใส่ร้ายข้าด้วย” กงซานเฉวียนชี้หน้าต่อว่าไป๋จื่อ
……….
ตอนที่ 510 พยาธิไส้เดือนในท้อง
ไป๋จื่อยักไหล่ “ข้าไม่ใช่ใครทั้งนั้นแหละ และข้าไม่ได้ยุแยงตะแคงรั่ว ไม่ใด้ใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ เจ้ากับข้าล้วนรู้อยู่แก่ใจดี ไยต้องเล่นละครต่อไปด้วยเล่า”
จอมพลหวังไม่มีกะใจจะฟังวาจาไร้สาระของเขาอีกต่อไป จึงขยิบตาให้องครักษ์คนสนิทที่อยู่ข้างกาย อีกฝ่ายก็รู้กัน นำพุทราเชื่อมสองเม็ดออกมาจากในกระเป๋าผ้าโดยพลัน หลังจากออกแรงบังคับได้แล้ว ก็ยัดมันเข้าไปในปากของกงซานเฉวียนทันที ทั้งยังบังคับให้เขากลืนลงไปด้วย
กงซานเฉวียนดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงหมอที่ไม่มีวรยุทธ์ติดตัว จะสู้องครักษ์ที่มีฝีมือการต่อสู้ชั้นยอดได้อย่างไร
หลังจากกลืนเม็ดพุทราลงไปได้ไม่นาน บนหน้าผากของกงซานเฉวียนก็เริ่มมีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมา เม็ดเหงื่อหยดลงเบื้องล่าง สองมือของเขาจับลำคอของตัวเองเอาไว้ อ้าปากร่ำร้อง ราวกับว่ามีใครกำลังบีบคอเขาอยู่ ไม่ให้เขาเปล่งเสียงออกมาจากในคอหอย
จอมพลหวังมองกงซานเฉวียน นึกไปถึงความทรมานที่ตนได้รับในหลายปีนี้ ที่แท้ล้วนเป็นเรื่องดีที่คนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าทำ ด้วยนิสัยของเขาแล้ว เขาอยากจะหักมืออีกฝ่ายทิ้งตอนนี้เสียจริง
“มัดไว้ เฝ้าดูอย่างลับๆ อย่าให้ใครเห็นเขา” เขาไม่อยากเห็นใบหน้านี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว เพราะนั่นทำให้เขานึกรังเกียจจนแทบอยู่มิสู้ตาย
ไป๋จื่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านจะไม่สอบสวนเขาหรือขอรับ”
จอมพลหวังส่ายหน้า “ตอนนี้สอบสวนไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกเดี๋ยวเขาดีขึ้นแล้วค่อยสอบสวนก็ยังไม่สาย” ตอนนี้เขายากจะสงบใจลงได้ หากสอบสวนอีกฝ่ายทันที เขาต้องควบคุมตัวเองไม่ได้ จนถึงขั้นลงมือฆ่าหมอกงอย่างแน่นอน
นางเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดี แววตามืนมนอย่างยิ่ง หัวคิ้วยิ่งขมวดเป็นปม ย่อมมีไฟสุมทรวงอย่างแน่นอน “ก็จริงของท่าน ให้เขาดีขึ้นก่อน แล้วค่อยหาโอกาสพูดคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เขาจะปกป้องคนที่อยู่เบื้องหลัง หรือจะปกป้องตัวเองดีกว่ากัน”
หลังจากกงซานเฉวียนถูกพาตัวออกไปแล้ว ไป๋จื่อถึงจะกล่าวกับจอมพลว่า “คืนพระจันทร์เต็มดวง ท่านเข้าไปในป่าที่ฝังศพเหล่านั้น ข้าไม่แน่ใจว่าจิ้นอ๋องจะกลับมาในวันนั้นหรือไม่ แต่ท่านลองไปเสี่ยงโชคดู อาจจะได้พบกันสักครั้งก็เป็นได้”
ขณะนี้จอมพลหวังเชื่อคำพูดของไป๋จื่อหมดใจ ถึงแม้พวกเขาจะเพิ่งพบกันครั้งแรก ต่างฝ่ายต่างไม่คุ้นเคยกัน แต่ตอนที่เขามองตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ แววตาของเขากระจ่างใส ทั่วร่างเผยความใจเย็นไม่รีบร้อนออกมา ทำให้จอมพลผู้นี้ไม่เกิดความรู้สึกสงสัยเลย
“ข้าต้องไปแน่นอน!” เขาให้สัญญา ไม่เพียงสัญญาต่อไป๋จื่อ ยิ่งเป็นคำสัญญาต่อจิ้นอ๋องและตนเองด้วย
ตกกลางคืน เสียงแมวที่นอกกระโจมดังขึ้นอีกครั้ง ไป๋จื่อสวมเสื้อคลุมเดินออกมา นางตรงเข้าไปในป่าผืนเล็กตามที่ตกลงกันไว้เมื่อครั้งก่อน ระหว่างทางนางพบทหารลาดตระเวนที่รู้จักอยู่สองสามคน คนเหล่านี้เคยกินน้ำแกงงูข้นที่นางทำเมื่อตอนเกลางวัน
ว่ากันว่าจะทำให้คนใจอ่อน ของกินต้องถึงปาก ขณะนี้พวกเขาเห็นไป๋จื่อออกมาเดินตอนกลางคืน ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าแปลก แม้แต่จะเอ่ยถามสักคำก็ไม่มี เพียงแค่ยิ้มทักทาย บอกให้นางทำน้ำแกงงูข้นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ไป๋จื่อรอพวกเขาเดินไปไกลแล้ว จึงเดินตรงเข้าไปในป่าอีก ครั้นเห็นหูเฟิงยืนอยู่ใต้เงาต้นไม้ หัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นอย่างน่าประหลาด
“มาหาข้ามืดค่ำป่านนี้ เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ” นางถาม
มุมปากของหูเฟิงยกโค้งขึ้น เขายื่นมือออกมาจิ้มจมูกเล็กๆ ของนาง “ไม่มีอะไรแล้วมาหาเจ้าไม่ได้หรือ ข้าเพียงอยากพบเจ้า อยากพูดคุยกับเจ้าก็เท่านั้น”
ไป๋จื่อยิ้มจาง “ดูท่าเจ้าจะอารมณ์ดีทีเดียว อาการบาดเจ็บของฟู่เจิงดีขึ้นมากเลยสิท่า”
ชายหนุ่มถอนใจเสียงเบา “เจ้านี่นะ เป็นพยาธิไส้เดือนในท้องของข้าจริงๆ ข้าคิดะไรเจ้าล้วนรู้ทุกอย่าง”
นางยิ้มลำพองใจ “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้ากำลังคิดอะไรอยู่” นางมีข่าวดีเหลือล้นจะบอกเขา ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขารู้เรื่องนี้แล้ว เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร