คราวนี้หลิงหลานฝึกปรือได้ยอดเยี่ยมมาก ความรู้สึกที่ทั่วทั้งร่างกายผ่อนคลายสบายราวกับแช่น้ำพุร้อนทำให้เธอไม่อยากหยุดการฝึกปรือเลย น่าเสียดายที่สิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ไม่รู้จักไม่ยอมปล่อยเธอไป มันเอาแต่พูดข้างหูเธอ พูดตลอดเวลาราวกับไม่หยุดพักตลอดไป เธอพลันเข้าใจเรื่องบางอย่างที่แต่เดิมไม่อาจทำความเข้าใจได้มาโดยตลอด ความหมายอันลึกซึ้งของคำพูดหงอคงในเรื่องไซอิ๋วว่า ‘ดูเหมือนมีแมลงวันตัวหนึ่งบินดังหวี่ๆ ทั้งวัน’ …โทษทีนะ ไม่ใช่หนึ่งตัว แต่เป็นฝูงแมลงวันบินรอบๆ ตัวเจ้า ดังหวี่ๆ…จนอยากจะร้องช่วยด้วย!
ตอนนี้เธอเองก็อยากจับแมลงวันตัวนี้เหมือนกับหงอคงเช่นกันและบีบท้องมันจนแตก ลากไส้ของมันมารัดคอและดึงแรงๆ แค่ก ลิ้นยื่นออกมาทั้งอัน! หลังจากนั้นก็ใช้มีดฟันทิ้งอย่างรวดเร็ว ฟู่ โลกทั้งใบสงบเงียบแล้ว
แน่นอนว่าหลิงหลานได้แต่คิดไร้สาระเท่านั้น เนื่องจากแมลงวันตัวนี้อยู่ในหัวของของเธอ เธอไม่มีทางคว้ามันมาฆ่าทิ้งได้
ในที่สุดหลิงหลานก็ทนการรบกวนติดต่อกันไม่หยุดแบบนี้ไม่ไหวแล้ว เธอถูกบีบให้หยุดการฝึกฝนและตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ตวาดอย่างรุนแรงด้วยความกระหืดกระหอบว่า “บ้าเอ๊ย นายเป็นใครกันแน่เนี่ย”
ผ่านไปครู่ใหญ่เสียงเด็กไร้เดียงสาถึงค่อยตอบกลับมาอย่างระมัดระวังราวกับว่าตกใจหวาดกลัวกับเสียงตวาดของเธอที่เหมือนกับสิงโตคำราม ณ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเหลือง[1] “อุปกรณ์เรียนรู้ด้านหุ่นรบหมายเลข 444444444 ในนามของราชอาณาจักรเครื่องจักรกลของระบบดาวแมนโดรา! และก็เป็นคู่หูที่ทำสัญญาเติบโตของเธอด้วย”
หลิงหลานอึ้งไป หรือว่าเด็กทารกในโลกที่เธอมาเกิดใหม่นี้จะมีอุปกรณ์การเรียนรู้แบบนี้กันทุกคน? ดูท่าเทคโนโลยีของที่นี่จะยอดเยี่ยมมาก ไม่รู้ว่าจะแตกต่างกับชาติที่แล้วของเธอมากหรือเปล่า
เสียงเด็กน้อยในสมองดังขึ้นมาอีกครั้งราวกับสัมผัสได้ถึงข้อสงสัยของเธอ ภายในคำพูดเหมือนกับดูถูกโลกใบนี้เอามากๆ “โลกนี้จะมีอุปกรณ์การเรียนรู้ที่ล้ำสมัยขนาดฉันได้ยังไง นอกจากนี้ เธอลืมไปแล้วว่าตอนที่ดวงจิตบนกายเนื้อที่ตายไปแล้วของเธอกระจัดกระจาย ก็เป็นฉันที่ช่วยเธอเก็บรวบรวมกลับมานะ”
หลิงหลานพลันนึกขึ้นได้ว่าเธอได้ยินเสียงนั้นหลังจากที่ตายในชาติที่แล้ว สีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก “จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เสียงเด็กน้อยตอบกลับมาอีกครั้งว่า “ร่างเก่าของเธอไม่สามารถแบกรับพลังจิตที่แข็งแกร่งของเธอได้ ดังนั้นก็เลยพังไปหมด การที่ฉันรวบรวมดวงจิตที่กระจัดกระจายของเธอได้ในช่วงเวลาสุดท้ายก็เป็นโชคดีของเธอแล้ว ตอนนั้นมีรูหนอนที่หมื่นปียากจะพบสักครั้งโผล่ขึ้นมา ฉันเลยฉวยโอกาสดูดซับพลังงานบางส่วนของสถานที่ที่เธออยู่ในเวลานั้นแล้วพาดวงจิตของเธอมาที่โลกอนาคตในอีกหมื่นปีข้างหน้าได้สำเร็จ”
“หมายความว่ายังไง” หลิงหลานรู้สึกสงสัยมากว่าทำไมถึงบอกว่าเธอโชคดีล่ะ
เสียงเด็กน้อยเอ่ยด้วยความดูถูกว่า “ต่อให้ฉันพาดวงจิตของเธอมาเกิดใหม่ในดาวดวงเดิมที่ร่างเก่าของเธออยู่อีกครั้ง เธอก็หลีกหนีความตายได้ยากอยู่ดี ร่างกายของทารกในครรภ์ที่อ่อนแอประคับประคองร่างจิตมหึมาของเธอไม่ไหวหรอกนะ”
เหมือนกับมันรู้สึกว่าตัวเองอธิบายไม่ชัดเจน เสียงเด็กน้อยเลยเอ่ยเสริมว่า “ต่อให้เป็นกายเนื้อของผู้ใหญ่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ผลก็คือจะเกิดขึ้นเหมือนกับกายเนื้อเดิมของเธอ”
หลิงหลานตัวสั่นยะเยือก เธอไม่อยากเผชิญกับความเจ็บปวดที่อวัยวะทั่วทั้งร่างกายแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วแผลก็กลับมาสมานใหม่อีกต่อไปแล้ว
หลิงหลานคิดถึงตรงนี้ก็เอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม”
เสียงเด็กน้อยเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว อีกหนึ่งหมื่นปีให้หลัง พลังจิตถูกบุกเบิกออกมาได้สำเร็จ สภาพร่างกายของทารกในตอนนี้แข็งแรงมากตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ถึงขนาดที่มีบางคนเกิดมาก็สามารถแบกรับพลังจิตระดับสามและสี่ได้ ดังนั้นขอเพียงระมัดระวังหน่อย เธอก็จะไม่ตาย”
หลิงหลานได้ยินคำพูดนี้ก็วางใจ สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็ดีแล้ว ความต้องการของเธอไม่สูงเลย
อย่างไรก็ตาม คำพูดต่อมาของเสียงเด็กน้อยทำให้หัวใจของหลิงหลานแขวนขึ้นสูงอีกครั้ง “แต่ว่าฉันยังช่วยเธอควบคุมพลังจิตเอาไว้นะ ไม่อย่างนั้น ดูจากกายเนื้อของเธอในตอนนี้ก็แบกรับไม่ไหวเหมือนกัน”
“งั้นมันจะเป็นอันตรายหรือเปล่า” เสียงพูดของอุปกรณ์การเรียนรู้ฟังดูเป็นเด็กน้อยขนาดนั้น เธอจะพึ่งพาได้เหรอ หลิงหลานรู้สึกกังวล
“ฉันควบคุมพลังให้เธอไม่ต้องกังวลได้แค่สองปีเท่านั้น ถ้าหากเธอไม่รีบเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของเซลล์ในร่างกายเธอแล้วละก็…เธอยังคงเสียชีวิตตามเดิม!” เสียงเด็กน้อยคล้ายกับดูยินดีกับความโชคร้ายของคนอื่นเล็กน้อย ทำให้ตอนที่หลิงหลานรู้สึกวิกฤติอยู่นั้น ก็รู้สึกโกรธแค้นด้วยเช่นกัน ในเมื่อทะลุมิติมาแล้ว หมอนี่จะเลือกโลกที่ดีกว่านี้เพื่อจบปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ได้หรือไง
เสียงเด็กฟังดูเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก มันกล่าวว่า “จริงๆ แล้วไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าทางออกอีกแห่งของรูหนอนคือที่ไหน ฉันถึงบอกว่าเธอโชคดีไง ถ้าเกิดไปสถานที่ที่แย่กว่าโลกของเธอขึ้นมา เธอก็ตายไปแล้ว”
หลิงหลานฟังแล้วก็รู้สึกกระดากอายมาก ไม่ว่าอย่างไรการที่เธอมีชีวิตต่อไปได้ก็เป็นเพราะความดีความชอบของหมอนี่ทั้งนั้น เธอจะตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นได้อย่างไร
ไม่ถูกสิ หลิงหลานนึกถึงร่างกายก่อนอายุสามขวบของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอมากและนอนป่วยอยู่บนเตียงเป็นประจำ แต่ก็ไม่ถึงขั้นร่างกายพัง หลังจากอายุสามขวบจู่ๆ ร่างกายของเธอก็ทรุดลง หรือว่า…หลิงหลานเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “นายยังมีเรื่องที่ไม่ได้บอกฉันใช่ไหม”
เสียงเด็กน้อยรู้สึกได้ว่าความจริงที่มันอยากปกปิดไว้ตลอดมาถูกโฮสต์รับรู้แล้ว มันได้แต่อธิบายตรงๆ อย่างห่อเหี่ยวด้วยความจนใจว่า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาก็ได้ทำสัญญาผูกมัดกับเธอแล้ว ฉันเคยทดสอบพลังจิตของเธอมาก่อน พลังจิตของเธอไปถึงระดับสองซึ่งสูงกว่าคนทั่วไปในโลกของเธอใบนั้นมากๆ บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ฉันทำสัญญาผูกมัดกับเธอก็ได้…แน่นอนว่า การตื่นของฉันทำให้พลังจิตของเธอเพิ่มสูงขึ้นหนึ่งระดับ และกายเนื้อของพวกเธอที่นั่นแบกรับพลังจิตระดับสามไม่ไหว”
ในที่สุดก็หาผู้ร้ายที่ทำให้เธอตายเจอแล้ว หลิงหลานเกิดความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน ไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้าแบบไหนใส่มันดี
เสียงเด็กน้อยลนลานแล้ว มันเอ่ยด้วยความเศร้าใจว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ จริงๆ แล้วฉันก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่าพบเธอได้ยังไง ฉันรู้แค่ว่าฉันอยู่ได้แค่ในระบบดาวแมนโดราเท่านั้น” จนถึงตอนนี้มันยังงุนงงอยู่เลยว่ามันไปที่ดาวดวงแรกนั้นได้อย่างไร
หลิงหลานเป็นคนที่มองเห็นคนร้องไห้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือว่าคนอื่น เธอก็รับไม่ไหวทั้งนั้น นี่เป็นเพราะอาการป่วยของเธอ พ่อแม่แอบร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าแทบทุกวัน หลิงหลานเห็นอยู่กับตา ในใจรู้ดี ทว่าไม่มีวิธีไปปลอบใจพวกเขา นี่ทำให้หลิงหลานเจ็บปวดมากและแค้นที่ตัวเองไร้ความสามารถ ดังนั้นการไม่อนุญาตให้ร้องไห้จึงถูกใส่เข้าไปในหลักการชีวิตของหลิงหลาน และข้อนี้ก็ถูกพามาที่โลกนี้ด้วย
“เอาล่ะ ฉันไม่โทษนาย พูดได้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้คือโชคชะตา” หลิงหลานยอมแพ้และก็ทำใจ ถึงแม้สิ่งที่เรียกตัวเองว่าอุปกรณ์เรียนรู้ด้านหุ่นรบจะทำลายชีวิตของเธอในชาติที่แล้ว ทว่ามันก็คืนชีวิตให้เธอเหมือนกัน มันไม่ได้ติดค้างอะไรกับเธอ
คิดดูอีกทีพ่อแม่ในชาติก่อนก็มีน้องชายดูแลยามแก่เฒ่าแล้ว บวกกับลดภาระอย่างเธอไป ชีวิตก็น่าจะสบายขึ้นมาก และมีความสุขมากขึ้น หลิงหลานคิดแบบนี้ก็รู้สึกเบาใจเช่นกัน
บางทีความเจ็บปวดทรมานของร่างกายในชาติที่แล้ว อาจจะทำให้หัวใจของหลิงกลายเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งอย่างหาใดเปรียบ เธอทิ้งพันธนาการในชาติก่อนอย่างฉับไว ในใจก็รู้สึกโล่งสบายขึ้น
เธอนึกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วด้วยจิตใจที่มั่นคงไร้ความสับสนว่า เธอถูกอุปกรณ์การเรียนรู้ดึงดันปลุกเธอขึ้นมา จริงๆ แล้วมันทำเพื่ออะไรกันแน่ ไม่นึกเลยว่าทั้งสองคนพูดนอกประเด็นมาตั้งนาน แต่ไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนี้เลย หลิงหลานเหงื่อตก หรือว่าพอกลายเป็นเด็กทารกแล้ว ความสามารถในการคิดก็เปลี่ยนเป็นด้อยตามลงไปด้วย?
“ใช่แล้ว เมื่อตะกี้นี้นายปลุกฉันมาเพราะอะไรกันแน่” หลิงหลานเอ่ยถาม
…………………………………..
[1] สิงโตคำราม ณ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเหลือง สำนวนจีนสื่อถึง ภรรยาที่แผดร้องเสียงดังหึงดุใส่สามี