ถึงแม้ว่า 137 จะทำภารกิจที่หัวหน้าหน่วยมอบหมายสำเร็จแล้ว แต่ในใจกลับรู้สึกไม่มั่นใจเลย เขารู้สึกมาตลอดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เองหลังจากที่เขาออกจากโลกออนไลน์เสมือนจริง เขาก็รีบบอกหัวหน้าหน่วยว่าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในระบบของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ
หัวหน้าหน่วยได้ยินคำรายงานของ 137 สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที หรือว่าจะเหมือนกับที่ท่านนายพลคาดการณ์ไว้จริงๆ มือสังหารที่ลอบฆ่าพลตรีหลิงเซียวเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว?
เขาส่งสัญญาณให้ 137 หยุดเรื่องนี้ไว้ที่นี่และรักษามาตรการปกปิดเป็นความลับไว้อย่างเคร่งครัด หลังจากนั้นก็ให้ 137 กลับไปพักผ่อนให้ดี ส่วนเขาก็เปิดอุปกรณ์สื่อสารและกดหมายเลขที่ปกติแล้วไม่ได้ติดต่อไปเลย
ไม่นานก็มีนายพลวัยกลางคนปรากฏขึ้นในหน้าจอโฮโลแกรม สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก
“โย่ว ท่านนายพล ไม่ได้พบกันนานนะครับ” หัวหน้าหน่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่เย็นชาต่อหน้าทหารของตัวเองและเริ่มทำตัวทะเล้นขึ้นมา
“เป็นนายนี่เอง ไม่ใช่ว่ากลับมาหยุดพักผ่อนแล้วเหรอ ทำไมมีเวลาติดต่อฉันด้วยล่ะ” เสียงทักทายที่คุ้นเคยทำให้สีหน้าของนายพลอ่อนโยนลงมาในชั่วพริบตา
“ไม่ใช่ว่ากองทัพส่งพวกเรามาที่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือเพื่อรับหน้าที่ทดสอบเหรอครับ” หัวหน้าหน่วยบอกนายพลด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ
นายพลทำหน้าแข็งทื่อ กล่าวอย่างรวดเร็วว่า “อยู่กับเด็กก็เป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง”
หัวหน้าหน่วยหัวเราะ “ก็จริง!”
เรื่องนี้ก็หยุดอยู่ตรงนี้ คำพูดของนายพลบ่งบอกทางอ้อมว่าภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับเขา
“เธอมีเรื่องอะไรล่ะ” นายพลรู้จักหมอนี่ซึ่งเป็นลูกของเพื่อนเก่าเห็นเขาเติบโตมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเป็นคนที่ไร้เรื่องร้อนใจไม่ถ่อไปวัด[1] ถ้าไม่มีธุระอะไรก็จะไม่ติดต่อมา ปกติแล้วเขาหลบเร็วยิ่งกว่าหนูเสียอีก
หัวหน้าหน่วยได้ยินคำพูดก็ทำหน้าเคร่งขรึมก่อนจะรายงานเรื่องหลิงหลานรวมไปถึงความผิดปกติที่ 137 สัมผัสได้ในโลกออนไลน์เสมือนจริงให้กับนายพล ในเมื่อการที่พวกเขาปรากฏตัวในสถาบันศูนย์กลางลูกเสือเป็นความตั้งใจของนายพล เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องที่ทำเพื่อลูกของหลิงเซียว
“เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว” นายพลกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเรียบว่า “ให้คนอื่นรับผิดชอบเรื่องหลังจากนี้ เธอไม่ต้องสอดมือมายุ่งเรื่องนี้แล้ว”
หัวหน้าหน่วยตอบรับเสียงต่ำ “รับทราบ!” หลังจากนั้นเขาเอ่ยถามอีกว่า “ลูกชายของพลตรีหลิงเซียวจะมีอันตรายไหมครับ” เขาเข้าใจแผนการของนายพลจากในคำพูดของนายพล
นายพลกลับไม่ตอบ เพียงแต่พูดว่า “เสพสุขกับช่วงวันหยุดของเธอให้ดี เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องกังวล” เสียงพูดเพิ่งจะส่งไป สายสนทนาของคนทั้งสองก็ตัดลง
หัวหน้าหน่วยมองหน้าจอโฮโลแกรมที่ดำสนิท สีหน้าก็ดำคล้ำลงมา อันที่จริงคำพูดของนายพลก็บอกคำตอบให้เขาแล้ว นายพลเองก็ไม่อาจควบคุมการจัดการในครั้งนี้ได้ทั้งหมดว่าจะไม่มีทางเกิดความผิดพลาดขึ้นมา
หัวหน้าหน่วยรู้ดีว่าจำเป็นต้องมีการเสียสละชีวิตบางคนเพื่ออนาคตของสหพันธรัฐ ต้องขุดไส้ศึกของประเทศศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในทหารยศสูงของกองทัพสหพันธรัฐออกมา ไม่เช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างหลิงเซียวขึ้นอีก นอกจากนี้สหพันธรัฐก็ไม่อาจสูญเสียผู้ควบคุมชั้นเทวะได้อีกแล้ว
เขารู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง พลตรีหลิงเซียวไอดอลของเขาสละชีวิตเพื่อสหพันธรัฐไปแล้ว ยังจะให้ลูกชายของเขาสละชีวิตตามไปด้วยอีกเหรอ เขานิ่งงันและใคร่ครวญอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกในใจตัวเองสักครั้ง
เขาต่อสายหาหมายเลขติดต่อหนึ่ง “413 ฉันเสียใจมากๆ ที่จะบอกนายว่าช่วงวันหยุดของนายถูกยกเลิกแล้วนะ” หัวหน้าหน่วยที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็กวาดอารมณ์หม่นหมองแต่เดิมทิ้งไป ก่อนจะเริ่มหยอกล้อ 413
ฝั่งตรงข้ามของอุปกรณ์สื่อสารส่งภาพ 413 ที่โศกเศร้ารันทดมา แต่น่าเสียดายที่หัวหน้าหน่วยใจโหดเหี้ยมดั่งเหล็ก ทำเป็นมองไม่เห็นการวิงวอนของ 413 เขาเอ่ยคำสั่งต่อว่า “โปรดรับภารกิจใหม่ด้วย”
หมายเลข 413 ที่เดิมทีมีสีหน้าน่าสงสารได้ยินคำพูดนี้เข้าก็รีบทำหน้าเคร่งขรึมและยืนตัวตรงกล่าวว่า “หมายเลข 413 รับคำสั่ง!”
“นับจากวันนี้เป็นต้นไปภายในหนึ่งเดือน ให้นายกับทีมของนายคุ้มครองหลิงหลานคนของสถาบันศูนย์กลางลูกเสืออย่างเป็นความลับ” หัวหน้าหน่วยหวังว่าการจัดการของตัวเองจะสามารถปกป้องลูกชายของพลตรีหลิงเซียวไว้ได้ เขาทุ่มเทแรงใจทำเพื่อไอดอลของตัวเอง
“หลิงหลาน? คือใครครับ” 413 งุนงงสับสน เขาไม่นึกเลยว่าเพิ่งจะเสร็จสิ้นการสอบเข้าเรียนในสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ ยังไม่ทันได้ฉลองว่าในที่สุดก็หลุดพ้นจากสถานะพี่เลี้ยงเด็กแล้ว พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นพี่เลี้ยงเด็กเฉพาะกิจไปแล้ว อย่างไรก็ตามยังดีที่ไม่ใช่เขารับความลำบากเพียงคนเดียว ยังมีลูกน้องอีกห้าคนตามไปด้วยทำให้ในใจเขารู้สึกสงบลงเล็กน้อย
“ก็เป็น 0723 ที่นายให้ความสนใจไง” หัวหน้าหน่วยกล่าวเรียบๆ
413 ทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “หรือว่าประเทศศัตรูจะสนใจเขาแล้ว? เขาจะมีอันตรายหรือเปล่าครับ” 413 รู้ว่าในสหพันธรัฐมีสายสืบของประเทศศัตรูอยู่เยอะแยะ มีเมล็ดพันธุ์โดดเด่นมากมายที่ยังไม่ทันได้เติบโตก็ถูกประเทศศัตรูส่งคนมาทำลายอยู่บ่อยครั้ง
“บางทีนะ!” หัวหน้าหน่วยไม่ได้พูดอย่างแน่ชัด ถึงอย่างไรทุกอย่างก็เป็นการคาดเดาของเขา
“รับทราบครับ หัวหน้า ผมจะพาทีมไปคุ้มครองเขาให้ดี โปรดวางใจเถอะครับ” หมายเลข 413 กล่าวอย่างเด็ดขาด ถ้าหากคุ้มครองเด็กคนอื่นบางทีเขายังบ่นเล็กน้อย แต่ว่าสำหรับหมายเลข 0723 แล้ว เขาไม่มีความเห็นสักนิดเดียว
ควรรู้ไว้ว่า ขอเพียงหลิงหลานไม่ได้เติบโตไปในทางที่บิดเบี้ยวละก็ ความเป็นไปได้ที่อนาคตเขาจะกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาคือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงขนาดที่สามารถกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นราชาเลยก็ได้ หลังจากการสละชีวิตของพลตรีหลิงเซียว ฝั่งผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงในสหพันธรัฐก็อยู่ในสภาพขาดแคลนมาก ดังนั้นขอเพียงมีหน่ออ่อนอันโดดเด่นที่มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา ทางสหพันธรัฐก็จะให้ความสำคัญอย่างเต็มที่
“รอเดี๋ยว ฉันจะให้หมายเลข 137 ส่งข้อมูลของหลิงหลานไปที่อุปกรณ์สื่อสารของนาย จำไว้ว่านี่เป็นภารกิจลับ อย่าให้คนอื่นพบร่องรอยของพวกนาย” หัวหน้าหน่วยกล่าวเตือน
“ครับ!”
……….
ผ่านไปหนึ่งวัน จดหมายแจ้งการเข้าเรียนในห้องเรียนพิเศษของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือก็ส่งไปยังอุปกรณ์สื่อสารส่วนกลางของตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการ นี่ทำให้ตระกูลหลิงที่เงียบสนิทมาเนิ่นนานพลันปีติยินดีขึ้นมาทันที
หลานลั่วเฟิ่งเห็นข้อความบนจดหมายก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สนใจถ้าหากหลิงหลานจะกลายเป็นลูกเศรษฐีที่เอาแต่รักสนุก แต่ถ้าลูกมีอนาคตสดใสย่อมทำให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจอยู่แล้ว หลานลั่วเฟิ่งก็เป็นเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเรื่องสำคัญที่สุดคือ หลิงหลานเข้าห้องเรียนพิเศษได้ ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงเรียนประจำและสามารถเลือกวิชาได้อย่างอิสระ ทำให้ลดความเป็นไปได้ว่าจะถูกพบความลับเรื่องเพศได้ นี่เป็นเรื่องที่หลานลั่วเฟิ่งยินดีเป็นที่สุด
หลานลั่วเฟิ่งอารมณ์ดีมากก็เลยตัดสินใจจัดงานฉลองดีๆ สักรอบ ดังนั้นเธอเลยให้พ่อบ้านหลิงฉินเตรียมสุราอาหารไว้ให้ดี ทำให้ทั่วทั้งตระกูลหลิงกลับมาคึกคักมีชีวิตชีวา นี่เป็นงานเลี้ยงทั้งตระกูลครั้งแรกหลังจากที่ผู้นำตระกูลหลิงเซียวพลีชีพไป บรรยากาศสนุกสนานคึกคักจนแทบจะทำให้พ่อบ้านหลิงฉินหลั่งน้ำตานองหน้า
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหลานเห็นคนงานและคนรับใช้ทุกคนของตระกูลหลิงโผล่หน้าออกมา แน่นอนว่ายังมีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยคุ้มครองความปลอดภัยของตระกูลหลิงและไม่ได้เข้าร่วมงาน เมื่อเห็นพวกเขามองมาที่ตนเองด้วยสีหน้าตื่นเต้น หลิงหลานก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันเป็นครั้งแรก ที่แท้เธอไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเท่านั้น บนบ่าของเธอยังแบกรับความคาดหวัง ทั้งหมดของคนที่พึ่งพาอาศัยตระกูลหลิงเหล่านี้อยู่
นี่ยังไม่ได้รวมถึงผู้คุ้มกันที่ขึ้นตรงต่อตระกูลหลิงด้วย ถ้าหากไม่มีตระกูลหลิง ผู้คุ้มกันก็จะไม่มีความหมายในการดำรงอยู่
หลิงหลานตระหนักได้ถึงสถานะของเธอรวมไปถึงความรับผิดชอบที่แบกรับไว้อย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าอายุบวกกันสองชาติแล้วเธอจะมีอายุสามสิบกว่า เป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดไตร่ตรองอย่างคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นประชาชนคนธรรมดา เมื่อก่อนเธอกระทำทุกอย่างเพียงเพื่อรับผิดชอบตัวเองเท่านั้น ทว่าตอนนี้จู่ๆ ก็มีความคาดหวังและความอยู่รอดของคนมากมายขนาดนี้กดอยู่บนบ่าของเธอ ทำให้เธอลังเลใจ
ในที่สุดหลิงหลานที่เดิมทีใจเย็นก็ทนไม่ไหวแล้ว เธอเผลอคว้าแก้วไวน์แดงแล้วก็ดื่มลงไป จากนั้นก็เมามายอย่างน่าสังเวช
ควรรู้ไว้ว่าเนื่องจากสาเหตุของร่างกายในชาติก่อน เธอเลยถูกห้ามไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและแอลกอฮอล์ และเธอก็ถูกหลานลั่วเฟิ่งห้ามดื่มมาตลอดเพราะปัญหาเรื่องอายุในชาตินี้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสติหรือว่าร่างกายเล็กๆ ของเธอต่างก็แบกรับการการโจมตีของแอลกอฮอล์เล็กน้อยนี้เอาไว้ไม่ไหว ทำให้เธอเมาคว่ำไปโดยสิ้นเชิง
……………………………………
[1] ไร้เรื่องร้อนใจ ไม่ถ่อไปวัด หมายถึง หากไม่ต้องการบางสิ่งก็คงไม่เดินทางมาหา