I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ – ตอนที่ 76 เปิดศึกจัดอันดับ

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

ไม่นาน การจัดอันดับใหญ่กลางปีก็มาถึงในที่สุด การทดสอบประเมินอันดับแรกคือการสอบวิชาภาคทฤษฎีต่างๆ หลิงหลานมั่นใจการสอบแบบนี้อย่างยิ่ง เดิมทีความสามารถในการจดจำของเธอก็ดีเยี่ยมอยู่แล้ว บวกกับมีเสี่ยวซื่อที่เป็นเครื่องมือโกงขั้นสุดยอดด้วยแล้ว แทบจะไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคว้าคะแนนเต็มมาไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หลิงหลานดีใจเร็วเกินไปนัก เด็กที่เข้ามาในห้องสเปเชียลเอได้มีคนไหนที่เป็นเด็กธรรมดาบ้าง ไอคิวพวกเขาต่างน่ากลัวสุดขีด คะแนนที่ประกาศอยู่บนบอร์ดดิจิทัลก็พิสูจน์เรื่องนี้แล้ว นอกจากเด็กไม่กี่คนที่ถูกหักคะแนนไปหนึ่งหรือสองคะแนนเพราะความสะเพร่าแล้ว นักเรียนห้องเอแทบจะได้คะแนนเต็มกันทุกคน

เอาเถอะ นักเรียนที่ไม่ได้คะแนนเต็มในห้องพิเศษมีแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือฉีหลง เขาก็คือคนที่ถูกหักคะแนนมากที่สุด มีอยู่สองวิชาที่เขาถูกหักหนึ่งคะแนน กลายเป็นที่โหล่ของห้องสปเชียลเออย่างน่าอนาถ ทำให้เขารู้สึกขายขี้หน้ามาก

ช่วยไม่ได้ นิสัยไม่ยี่หระทำให้เขาไม่สามารถคิดสุขุมรอบคอบเหมือนกับหานจี้จวินและลั่วล่างได้เลย เขาไม่มีความอดทนตรวจซ้ำก็เลยได้แต่ถูกหักคะแนนไป ยังนับว่าเขาโชคดีที่เลินเล่อนิดหน่อยแค่สองวิชา จากการคาดการณ์ล่วงหน้าของหานจี้จวิน ฉีหลงน่าจะต้องถูกหักคะแนนสามถึงสี่วิชาเป็นอย่างน้อย

นักเรียนอีกคนถูกหักแค่หนึ่งคะแนนเท่านั้น ทว่าหนึ่งคะแนนนี้ก็ทำให้เขาร่วงลงต่ำกว่าหนึ่งร้อยอันดับแรกในอันดับรวมทั้งหมด มีเด็กห้องอื่นๆ ไม่น้อยที่ได้คะแนนเต็มเช่นกัน

แน่นอนว่าย่อมไม่เห็นเงาของฉีหลงที่ถูกหักสองคะแนนอยู่ในสองร้อยอันดับแรก เห็นได้ว่าการแข่งขันในสถาบันศูนย์กลางลูกเสือดุเดือดขนาดไหน

อันดับในตอนนี้ย่อมเป็นเพียงอันดับชั่วคราว อันดับในตอนสุดท้ายยังต้องดูผลการต่อสู้ด้วย นั่นถึงจะเป็นการสอบที่แท้จริง สิ่งที่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือให้ความสำคัญมากที่สุดคือทักษะการต่อสู้ ขอเพียงคุณเอาชนะทุกคนได้ ต่อให้ผลการสอบภาคทฤษฎีของคุณจะธรรมดา แต่คุณยังคงเป็นอันดับหนึ่งของสถาบันศูนย์กลางลูกเสืออย่างสมภาคภูมิ

ไม่ใช่ว่าการสอบภาคทฤษฎีจะไม่ได้สำคัญขนาดนั้น การประลองต่อสู้คือการประลองแบบแพ้คัดออก เด็กที่ถูกคัดออกจะต้องอยู่ในอันดับสุดท้ายตามผลการสอบภาคทฤษฎีของพวกเขา มีเพียงเกิดเหตุการณ์ที่ผลคะแนนภาคทฤษฎีเท่ากันเท่านั้น เด็กที่ถูกคัดออกถึงจะได้แข่งรอบเพลย์ออฟได้เพื่อตัดสินผลอันดับสุดท้าย

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อแปดอันดับแรกได้ต่อสู้จนเข้าสู่สี่อันดับแรก นักเรียนสี่คนที่ถูกคัดออกก็จะต้องดูผลคะแนนภาคทฤษฎีของพวกเขา เด็กที่มีผลคะแนนสูงสุดจะกลายเป็นอันดับห้าโดยอัตโนมัติ และเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่คะแนนเท่ากันขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น อันดับห้ากับอันดับหกมีคะแนนภาคทฤษฎีเท่ากัน เช่นนั้นอันดับห้ากับอันดับหกจะต้องแข่งรอบเพลย์ออฟเพื่อตัดสินตำแหน่งของอันดับห้าและอันดับหก ถ้าเกิดอันดับเจ็ดกับอันดับแปดเป็นเหมือนกัน อันดับเจ็ดกับอันดับแปดก็จะต้องแข่งรอบเพลย์ออฟเพื่อตัดสินตำแหน่งของอันดับเจ็ดและอันดับแปด ถ้าเกิดอันดับหกกับอันดับเจ็ดมีคะแนนเท่ากัน ก็ตัดสินอันดับห้ากับอันดับแปดก่อน หลังจากนั้นค่อยให้อันดับหกกับอันดับเจ็ดแข่งรอบเพลย์ออฟเพื่อตัดสินตำแหน่งของอันดับหกกับอันดับเจ็ด….

ดังนั้นผลคะแนนภาคทฤษฎีจึงไม่สำคัญต่อผู้ที่แข็งแกร่ง แต่มีความสำคัญกับผู้ที่พ่ายแพ้อย่างยิ่งยวด ถึงขนาดที่คะแนนภาคทฤษฎีน้อยกว่าหนึ่งคะแนนก็มีความเป็นไปได้ว่าจะแตกต่างราวฟ้ากับดิน

ด้วยเหตุนี้เอง ศึกจัดอันดับการต่อสู้ที่ผู้คนจำนวนมากจับจ้องก็เปิดม่านขึ้นอย่างเป็นทางการในหอต่อสู้ของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ

เนื่องจากเป็นศึกจัดอันดับการต่อสู้ทุกๆ ครึ่งปี หอต่อสู้จึงเปิดสนามประลองทั้งหมดโดยยกเลิกตัวเลือกรูปแบบปิด ซึ่งเปิดเผยการประลองให้ทุกคนได้เห็นจากการประลองรูปแบบเปิดทั้งหมด พวกนักเรียนสามารถเลือกชมดูจากในสถานที่แข่งขัน หรือรับชมการถ่ายทอดสดศึกจัดอันดับของสนามประลองทั้งหมดจากในหอพักของตัวเองก็ได้

ศึกจัดอันดับการต่อสู้เป็นศึกที่ใช้ระบบแพ้คัดออก สนามประลองเกือบสามพันแห่งถูกแบ่งโดยนักเรียนจากสิบชั้นปีของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ คนที่เข้าร่วมศึกจัดอันดับในวันแรกคือนักเรียนห้องทั่วไป ผู้ชนะก็จะได้เข้าประลองใหม่กับนักเรียนห้องดีเด่นในวันที่สอง วันที่สามนักเรียนห้องสเปเชียลบีก็จะเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ แล้วนักเรียนห้องสเปเชียลเอถึงค่อยเข้าร่วมการแข่งขันในวันที่สี่

หลายวันมานี้หลิงหลานอยู่ในบ้านพักของตัวเองมาตลอด เธอนั่งสมาธิบำเพ็ญตนเงียบๆ ต่อหน้าคนอื่น แต่ความจริงแล้วเธอเข้าไปในมิติการเรียนรู้ ใช้เวลาทุกวินาทีแก้ไขปัญหาเรื่องที่เธอสูญเสียการควบคุม

หลังจากที่ตัดสินใจว่าตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้กำเนิดลูกที่ยอดเยี่ยมแล้ว หลิงหลานก็ได้รับภารกิจนองเลือกจากมิติการเรียนรู้อีกครั้ง จากนั้นเธอก็พบว่าเธอไม่ได้เป็นเหมือนกับเมื่อก่อนที่สูญเสียตัวของตัวเองเมื่อเข้าสู่สถานะต่อสู้แล้ว เธอสามารถคงสติไว้นิดหน่อย ถึงแม้ว่าเวลาจะสั้นมาก แต่มันเป็นสัญญาณที่ดีเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้หลิงหลานมองเห็นความหวังว่าจะควบคุมตัวเองได้โดยสมบูรณ์

หลิงหลานดีใจมากที่ได้ครอบครองมิติการเรียนรู้แห่งนี้ ถึงแม้ศึกจัดอันดับใกล้จะมาถึงแล้ว เวลาในโลกความเป็นจริงมีไม่มากแล้ว แต่ว่าเวลาของเธอในมิติการเรียนรู้สามารถถูกยืดออกไปได้มากพอ หลิงหลานขอร้องอาจารย์หมายเลขห้าให้ยืดเวลาในมิติการเรียนรู้ออกไปให้นานที่สุดโดยไม่ลังเล ทำให้ตัวเองมีเวลามากพอที่จะแก้ไขปัญหานี้

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าการตัดสินใจนี้ทำให้เวลาที่เธอถูกเคี่ยวกรำอยู่ในมือของอาจารย์หมายเลขห้ายาวนานขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่หลิงหลานก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้วเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของเธอ

หมายเลขห้าเต็มใจทำตามคำขอร้องที่ทารุณตัวเองของหลิงหลานมาก เขาตกลงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากที่ทนรับการทารุณมาสามปี (เวลาของมิติการเรียนรู้ถูกยืดออกไป) หลิงหลานก็เรียกความเยือกเย็นของตัวเองกลับมาได้ทีละนิด ในที่สุดเธอก็ควบคุมตัวเองได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากการทารุณกรรมในช่วงเวลานี้ทำให้ภายในจิตใจของเธอมั่นคงอย่างหาใดเปรียบ และก็ทำให้พลังจิตของเธอแข็งแกร่งขึ้นสุดขีด

หลิงหลานเชื่อว่าต่อให้โลกใบนี้ถูกทำลายตรงหน้าเธอ เธอก็สามารถทำหน้าเฉยชาไม่ตื่นตระหนก สงบนิ่งเหมือนกับในยามปกติได้

ในขณะที่เธอควบคุมตรรกะเหตุผลของตัวเองได้สำเร็จ หลิงหลานก็พบว่าเธอมีความเข้าใจใหม่ๆ เกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ที่เคยเรียนรู้ในสมัยก่อน…

……………

หลิงหลานที่แก้ไขปัญหาเรื่องสูญเสียการควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ก็ออกเดินทางจากที่พักของตัวเองในเช้าวันที่สี่

เธอเพิ่งจะเดินมาถึงป้ายรถประจำทางโฮเวอร์คาร์ก็เห็นพวกฉีหลงสามคนกำลังยืนรอเธออยู่ไม่ไกลจากป้ายรถประจำทาง

เมื่อเห็นเธอโผล่มา หานจี้จวินค่อยสแกนเรียกโฮเวอร์คาร์ ให้โฮเวอร์คาร์พาพวกเขาทั้งสี่คนมาที่หอต่อสู้ขนาดมหึมาอย่างไร้ที่เปรียบ

ตอนนี้หอต่อสู้ไม่ได้มีคนมากมายเหมือนกับสามวันก่อนแล้ว ถึงยังไงตอนนี้แต่ละชั้นปีก็เหลือผู้เข้าร่วมการต่อสู้แค่ 200 คน เมื่อรวมนักเรียนทุกคนจากสิบชั้นปีก็มีแค่นักเรียนสองพันคน บวกกับเพื่อนร่วมชั้นบางส่วนที่เข้าชมการต่อสู้แล้วก็มีแค่ห้าพันหกพันคน ไม่อาจเทียบกับวันแรกที่คนเจ็ดหมื่นแปดหมื่นคนแออัดรวมกันได้เลย

“ฉีหลง ทางนี้ ทางนี้!” เสียงกังวานใสดังขึ้นจากมุมหนึ่งของหอต่อสู้ หลิงหลานเงยหน้ามองไป นั่นเป็นสองสาวหานซู่หย่ากับลั่วเฉา ข้างกายพวกเธอยังมีสมาชิกทีม 072 คนอื่นๆ อีกหลายคน

ลั่วล่างตื่นเต้นมาก เขารีบเข้าไปเป็นคนแรก ส่วนฉีหลงซึ่งเป็นคนที่ถูกเรียกนั้นย่อมไปพร้อมกับลั่วล่าง หลิงหลานกับหานจี้จวินสบตายิ้มให้กันก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปเช่นกัน

หอพักที่หานซู่หย่ากับลั่วเฉาพักอยู่และหอพักของพวกฉีหลงสามคนนั้นอยู่คนละฝั่งของสถาบัน การจะไปมาหาสู่กันจึงไม่สะดวกมาก ดังนั้นพวกเธอเลยได้มารวมกลุ่มกับพวกฉีหลงในหอต่อสู้

“พวกนายก็มาด้วยเหมือนกัน” หลิงหลานพยักหน้าเอ่ยทักทายกับคนอื่นๆ

“อื้อ พวกเราโชคดีดันตัวเองเข้ามาในสองร้อยคนแรกได้ทุกคนเลย” คนที่เอ่ยปากตอบก็คือหลี่จิงหง ในฐานะที่เขาเป็นสมาชิกห้องดีเด่น การที่เขาสามารถเข้ามาใน 200 อันดับแรกได้ทำให้เขาตื่นเต้นมาก ควรรู้ไว้ว่าห้องดีเด่นทั้งหมดมีนักเรียนทั้งหมดสองพันคน คนที่สามารถเข้ามาในสองร้อยอันดับแรกได้ย่อมเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือใครอย่างไม่ต้องสงสัย ต้องทราบว่าในหมู่นักเรียนสองร้อยอันดับแรกนี้ยังมีโควตาห้าสิบที่ของนักเรียนห้องสเปเชียลเอด้วยนะ

“สู้ๆ ขอแค่ชนะอีกรอบเดียว นายก็มีโอกาสเข้าห้องพิเศษแล้ว” หนึ่งร้อยอันดับแรกต่างก็เป็นคนของห้องพิเศษ ความแตกต่างก็คือเรื่องจะเข้าสู่ห้องเอหรือว่าห้องบี ฉีหลงหัวเราะหึๆ ตบบ่าหลี่จิงหงพลางเอ่ยให้กำลังใจ

ถ้าเกิดหลี่จิงหงสามารถเอาชนะรอบต่อไปได้ เขาย่อมเป็นหนึ่งในคนที่โค่นล้มได้สำเร็จ ถึงขนาดที่กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนในช่วงเวลาหนึ่ง

หลี่จิงหงขัดเขินเล็กน้อย “ฉันกล้าหวังเยอะที่ไหน คนที่สามารถอยู่ที่นี่ต่างก็เป็นยอดฝีมือทั้งนั้น ฉันพูดได้แค่ว่าตารางการแข่งก่อนหน้านี้ ฉันค่อนข้างโชคดีเท่านั้น ความสามารถของคู่ต่อสู้ไม่ได้สูงมาก”

เหอเฉาหยางที่อยู่ห้องดีเด่นเหมือนกับหลี่จิงหงได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่พอใจอยู่บ้าง “จิงหง ไม่ว่าพวกเราจะทำได้หรือไม่ เราจะสูญเสียความมั่นใจก่อนไม่ได้เด็ดขาด ในเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว พวกเราต้องสู้”

หลี่จิงหงตระหนักได้ขึ้นมา เขาผงกศีรษะทันทีและเอ่ยว่า “เฉาหยาง นายพูดถูก ในเมื่อมาถึงสองร้อยอันดับแรกแล้ว ถ้าเราไม่สู้ก็ทำผิดต่อความพยายามของเราก่อนหน้านี้แล้ว”

“นี่สิถึงจะถูก” เหอเฉาหยางหัวเราะ พวกเขาเป็นเพียงสองคนเท่านั้นที่เข้าห้องดีเด่น การตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันทำให้พวกเขาสองคนสนิทสนทกันดีมาก พวกเขาคอยช่วยเหลือให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน

หลัวเส่าอวิ๋นเห็นแบบนี้ก็เอ่ยด้วยใบหน้ากังวลว่า “ไอ้หยา หลี่จิงหงกับเหอเฉาหยางพยายามขนาดนี้ ดูท่าตำแหน่งของพวกเราจะไม่ปลอดภัยมากๆ แล้ว”

คำพูดของหลัวเส่าอวิ๋นทำให้หานซู่หย่ากับลั่วเฉากังวลตามไปด้วย

“นายยังดี ฉันกับลั่วเฉาน้อยสิที่พูดยากแล้ว” หานซู่หย่าถอนหายใจหนักๆ เธอตระหนักได้ว่าความกดดันที่เข้าห้องสเปเชียลบีหนักกว่าเข้าห้องดีเด่นมาก เธอเข้ามาที่สองร้อยอันดับแรกในครั้งนี้อันตรายมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายล้มลงไปก่อนเธอ เกรงว่าเธอน่าจะพ่ายแพ้ในการแข่งขันจาก 400 เข้าสู่ 200 อันดับแรกไปแล้ว ไม่รู้ว่าคราวนี้เธอยังเดินต่อไปได้หรือเปล่า ควรทราบว่าหากเข้าไปใน 100 อันดับแรกไม่ได้ เธอก็ได้แต่ตกลงไปที่ห้องดีเด่นแล้ว

ลั่วเฉาเอานิ้วเข้าหากันด้วยความขลาดเขลาและกล่าวว่า “ฉะ…ฉันเองก็กังวลมากเหมือนกัน”

สีหน้าของเธอทำให้ลั่วล่างพูดไม่ออกอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถสู้แทนน้องสาวได้ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางให้ลั่วเฉาเป็นทุกข์ขนาดนี้เด็ดขาด

“ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความแข็งแกร่ง แต่เป็นปัญหาเรื่องจิตใจต่างหาก” พอเห็นเด็กหญิงทั้งสองทำหน้าลังเลใจ หลิงหลานที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันก็ใจอ่อนยวบเอ่ยปากพูดขึ้นมา

“หมายความว่ายังไง?” นอกจากฉีหลง ลั่วล่างและหานจี้จวินแล้ว คนอื่นๆ ต่างมองหลิงหลานด้วยใบหน้าเฝ้าคอยหวังว่าหลิงหลานจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้

“ความจริงแล้วความแข็งแกร่งของคนที่เข้ามาใน 200 อันดับแรกได้แทบไม่ต่างกันเลย ต่างฝ่ายต่างก็มีความเป็นไปได้ที่จะชนะ ทว่าสุดท้ายใครจะเอาชนะได้ก็ต้องดูว่าความมั่นใจของใครแข็งแกร่งกว่ากัน ใครสามารถยืนหยัดได้นานกว่ากันเท่านั้นแหละ” หลิงหลานเอามือไพล่หลัง ลอบไขว้นิ้วอย่างลับๆ เป้าหมายของเธอคือให้กำลังใจเท่านั้น เรื่องอื่นเธอไม่รับผิดชอบนะ…

แววตาของหานซู่หย่าส่องแสงขึ้นมา “ก็เหมือนกับชัยชนะครั้งก่อนของฉัน ขอเพียงฉันยืนหยัดมากกว่าฝ่ายตรงข้ามหนึ่งวินาที ชัยชนะก็เป็นของฉันแล้ว”

หลิงหลานผงกศีรษะบ่งบอกว่าที่หานซู่หย่าว่ามาไม่ผิด

ลั่วเฉามองหลิงหลานด้วยใบหน้าแดงก่ำ เอ่ยในใจอย่างลับๆ ว่า ‘หลิงหลานต้องไม่ชอบเด็กผู้หญิงที่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่นอน อื้อ ฉันจะต้องพยายามให้มากๆ จะต้องยืนหยัดจนถึงตอนสุดท้าย…’

คำพูดไม่กี่ประโยคของหลิงหลานทำให้ทุกคนจิตใจสงบลงจากตอนแรกที่ยังรู้สึกลังเลใจ แววตาฉายความมั่นใจในตนเองออกมาทันที หานจี้จวินมองหลิงหลานอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าหลิงหลานก็เก่งกาจในด้านควบคุมจิตใจแบบนี้เหมือนกัน เขามาจากไหนกันแน่นะ? ตระกูลชั้นสูง? กองกำลังทรงอิทธิพลที่น่ากลัวสักแห่ง? หรือว่าจะเป็น…”

หานจี้จวินไม่กล้าคิดลึก เขาสูดลมหายใจลึกๆ สะกดกลั้นความคิดฟุ้งซ่านในใจ เขาเตือนสติตัวเองว่า หลิงหลานก็เป็นแค่เพียงหลิงหลานเท่านั้น เป็นลูกพี่หลานของพวกเขา เขาจดจำแค่เรื่องนี้ก็พอแล้ว

………………………………………

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี ไซไฟ โลกอนาคต หุ่นรบ สงครามอวกาศ แมรี่ซู แปลจีนหลังจากเสียชีวิตเพราะอาการป่วยโรคประหลาดหลิงหลานได้ทะลุมิติมายังโลกอนาคตอีกหนึ่งหมื่นปีข้างหน้าด้วยการช่วยเหลือของระบบการเรียนรู้เธออยากใช้ชีวิตร่างใหม่อย่างสงบสุขทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกให้จำเป็นต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อสืบทอดตระกูลคุณชายน้อยผู้สืบทอดพลังหุ่นรบขั้นเทวะจำต้องเดินหน้าต่อไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันย้อนกลับซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายไม่รู้จบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท