หลิงหลานทำภารกิจสำเร็จก็ให้พวกหมายเลขหนึ่งส่งเธอกลับไปในห้องโถงของมิติการเรียนรู้ เสี่ยวซื่อกำลังนั่งสัปหงกอยู่ตรงมุมหนึ่ง เมื่อร่างของหลิงหลานปรากฏตัวขึ้นที่ห้องโถง เสี่ยวซื่อก็ตื่นตกใจ เขาลืมตามองหลิงหลานก่อนจะกระโจนเข้าไปกอดเธอทันที
การที่หลิงหลานถูกมิติการเรียนรู้ฝืนดึงสติไปกะทันหันในตอนที่ต่อสู้ทำให้เสี่ยวซื่อตกใจกลัว ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อเองก็เป็นสมาชิกของมิติการเรียนรู้ แต่เขาเป็นผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ซึ่งรับหน้าที่ให้ความช่วยเหลือโฮสต์ และไม่สามารถควบคุมการกระทำของมิติการเรียนรู้ได้ อย่างไรก็ตาม เขากลับตัดสินใจอย่างลับๆ ว่าเขาจะต้องพัฒนาตัวเองให้มากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นก็ช่วยหลิงหลานควบคุมมิติการเรียนรู้ไว้ทั้งหมด ไม่มีทางให้มิติการเรียนรู้ดึงสติของหลิงหลานตามใจชอบได้อีกต่อไป
เหตุการณ์ไม่คามฝันนี้ทำให้หลิงหลานกับเสี่ยวซื่อหาเป้าหมายในการพัฒนาตัวเองเจอ ทั้งสองคนไม่ยอมไหลไปตามน้ำอีก และเริ่มพยายามเพื่ออนาคต
เมื่อหลิงหลานตื่นขึ้นมา การต่อสู้บนสนามประลองก็จบลงหมดแล้ว หลิงหลานสิ้นสุดศึกจัดอันดับครั้งนี้โดยที่ได้คะแนนเป็นอันดับสอง หลิงหลานไม่สนใจเรื่องนี้เลย เป้าหมายของหลิงหลานในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่สถาบันลูกเสือเล็กๆ จะสามารถตอบสนองความพึงพอใจของเธอได้ เธอหวังว่าจะได้ต่อสู้กับคนที่ร้ายกาจมากกว่านี้
นับตั้งแต่ที่หลิงหลานออกมาจากในมิติการเรียนรู้ เธอก็เข้าใจตัวตนของวิถีบางอย่างได้รางๆ ถึงแม้ว่าเธอยังไม่สามารถยืมความสามารถของวิถีได้ แต่มันทำให้ร่างกายเธอมีปราณของวิถีอยู่ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ขอเพียงหลิงหลานปลดปล่อยปราณของวิถีออกมาเล็กน้อย ต่อให้เป็นนักเรียนชั้นปีสิบก็ไม่สามารถต้านทานผลกระทบของปราณนี้ได้เช่นกัน พวกเขาไม่สามารถแสดงความสามารถทั้งหมดของตัวเองออกมา นี่ก็คือจุดน่ากลัวของวิถี มันมีความสามารถควบคุมศัตรูและทำให้ศัตรูอ่อนแอลงได้
หลิงหลานเชื่อว่าวิถีไม่ได้ธรรมดาขนาดนี้ เพียงแต่เธอเพิ่งจะได้สัมผัสมัน ยังไม่รู้แน่ชัดว่าวิถีที่แท้จริงคืออะไร ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่รู้ว่าขีดจำกัดของปราณนี้อยู่ที่ไหน คู่ต่อสู้ต้องแข็งแกร่งถึงระดับไหน ปราณของวิถีถึงจะสูญเสียประสิทธิภาพ ทุกอย่างนี้ต้องรอให้เธอขุดค้นและศึกษาวิจัยออกมา
อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลิงหลานไม่ได้ศึกษาเรื่องพวกนี้ลึกลงไป จิตใจของเธอในตอนนี้ถูกโลกเสมือนจริงดึงดูดไปหมดแล้ว ไม่ผิด ในที่สุดพวกหลิงหลานก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในมิติเสมือนจริงของโลกที่สร้างขึ้นเองได้แล้ว เพียงแต่พวกเขายังไม่สามารถเที่ยวเล่นในโลกเสมือนจริงของสหพันธรัฐได้อย่างอิสระเสรี ได้แต่ถูกจำกัดให้เดินเล่นอยู่ในโลกเสมือนจริงของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือเท่านั้น
อ้างอิงจากคำพูดของหลิงหลาน นี่ก็คือหมู่บ้านมือใหม่ในเกมชัดๆ ต้องรอให้เลเวลสูงถึงกำหนดก่อนถึงจะออกไปท่องโลกกว้างได้
อย่างไรก็ตาม แค่นี้ก็ทำให้พวกหลิงหลานตื่นเต้นกันมากแล้ว พวกเขานัดกันก่อนที่จะเข้าไปว่าให้ไปเจอกันที่จุดล็อกอิน หลังจากนั้นพวกเขาค่อยกลับไปที่หอพักของตัวเองแล้วเข้าไปนอนในแคปซูลล็อกอินของตน
โลกเสมือนจริงในปัจจุบันไม่เหมือนกับในชาติก่อนของเธอ สหพันธรัฐเข้มงวดกับการควบคุมโลกเสมือนจริงอย่างยิ่ง กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องไม่น้อยไปกว่าโลกความเป็นจริงเลย ตรงกันข้ามมันยังเข้มงวดมากกว่าด้วยซ้ำ ควรรู้ไว้ว่าหมื่นปีมานี้ เนื่องจากความไม่เป็นระเบียบของโลกเสมือนจริงได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงในสังคมของโลกความเป็นจริงไม่น้อยกว่าสิบครั้ง เหตุการณ์พวกนี้ทำให้รัฐบาลของสหพันธรัฐเอาใจใส่โลกเสมือนจริงขึ้นมา และบัญญัติข้อกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับโลกเสมือนจริงซึ่งเป็นโลกแห่งที่สองของมนุษยชาติ
แน่นอนว่าการปรากฏตัวของกฎหมายเหล่านี้ทำให้โลกที่สองเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น และก็ทำให้โลกที่สองได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วกลายเป็นเจริญรุ่งเรืองอย่างหาใดเปรียบ ควรทราบว่าโปรแกรมหลักของสหพันธรัฐใช้คลื่นสมองของมนุษย์เป็นเงื่อนไขในการล็อกอิน และคลื่นสมองของมนุษย์แต่ละคนต่างมีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสอง ไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ลองคิดดูสิ ทุกคนสามารถครอบครองได้แต่ไอดีและรูปลักษณ์เดียวเท่านั้น ไม่มีบัญชีปลอม ถ้าหากมีการทำเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาจริงๆ ถ้าเกิดถูกตรวจพบก็จะถูกถอดสิทธิเข้าไปในโลกเสมือนจริง ถึงขนาดที่ยังต้องถูกจำคุกด้วย
มนุษย์ในปัจจุบันคุ้นเคยกับการดำรงอยู่ในโลกเสมือนจริง ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่สองแล้ว นี่ทำให้พวกเขาทะนุถนอมไอดีของตัวเองมาก เคารพข้อกำหนดของตัวเองและเคารพกฎหมาย แน่นอนว่าถ้าหากคุณไม่กลัวถูกรัฐบาลของสหพันธรัฐริบสิทธิการเข้าไปในโลกที่สองของคุณละก็ คุณก็สามารถก่อกรรมทำชั่วตามเดิมได้
นี่ย่อมไม่ได้การันตีเต็มร้อย เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น มนุษย์ก็ก้าวหน้าตามเช่นเดียวกัน แฮคเกอร์หรือนักเลงคอมพิวเตอร์เมื่อหมื่นปีก่อนยังคงอยู่ในหมื่นปีให้หลัง เพียงแต่คำเรียกขานของพวกเขาเรียกรวมๆ กันว่าแฮคเกอร์
ไม่ใช่เพราะแฮคเกอร์อ่อนแอลง หากแต่ประตูของกลุ่มแฮคเกอร์สูงมากขึ้น ต้องเป็นการกลายพันธุ์ทางจิตถึงจะสามารถซ่อนตัวตนที่แท้จริงในโลกเสมือนจริงกลายเป็นแฮคเกอร์ได้
แน่นอนว่ากลุ่มแฮคเกอร์ยังมีสายย่อย นั่นก็คือกลุ่มที่มีความสามารถทำร้ายคลื่นสมองของมนุษย์ สามารถทำให้คนตายในโลกเสมือนจริงได้ พวกเขาถูกคนของสหพันธรัฐเรียกขานว่าผีซวี! ตัวตนในยุคโบราณที่สามารถกินวิญญาณมนุษย์
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับหลิงหลานในตอนนี้ หลิงหลานที่ทำได้แค่เที่ยวเล่นในโลกเสมือนจริงของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือไม่มีทางพบเจอตัวตนที่น่ากลัวแบบนั้นแน่ ตอนนี้เธอกำลังรอคอยที่ได้จะเชื่อมต่อกับแคปซูลล็อกอินด้วยความตื่นเต้น
หลิงหลานมาถึงล็อบบี้อย่างรวดเร็ว หน้าตาของมันดูคุ้นมากๆ มันคือหอประชุมใหญ่ของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ นี่ทำให้หน้าผากของหลิงหลานขึ้นขีดดำหลายเส้น ไม่นึกเลยว่าสถาบันจะไร้ยางอายขนาดนี้ ที่ตั้งหน้าจอล็อกอินของแคปซูลล็อกอินเป็นหอประชุมใหญ่ของสถาบัน
หลิงหลานมองซ้ายมองขวา แต่ไม่พบตัวเลือกรูปลักษณ์เลย เธอเห็นพียงลำเสาแสงที่มีแสงระยิบระยับกำลังหมุนวนอยู่ช้าๆ
ในขณะที่หลิงหลานกำลังงุนงงอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในห้วงสติว่า “ลูกพี่ เธออยากเปลี่ยนรูปลักษณ์กับชื่อไหม?”
“เสี่ยวซื่อ? นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ไม่ใช่ว่าเชื่อมต่อคลื่นสมองเหรอ? พาเสี่ยวซื่อออกมาได้ยังไง?
เสี่ยวซื่อกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นเทพในโลกเสมือนจริงนะ ขอเพียงมีสัญญาณล็อกอิน จะมีที่ไหนที่ฉันไปไม่ได้ล่ะ?” หลิงหลานยังไม่ทันเอ่ยถามต่อ เขาก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า “ลูกพี่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์กับชื่อไหม?”
“ฉันเพิ่งจะคิดว่าทำไมถึงไม่มีตัวเลือกรูปลักษณ์เลย มันอยู่ที่ไหน? รีบบอกฉันมาเร็ว” หลิงหลานเอ่ยถามด้วยความดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสโลกเสมือนจริง เธอยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงจริงๆ
เสียวซื่อได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยด้วยใบหน้าดูถูกว่า “ขอร้องล่ะลูกพี่ จะไปมีตัวเลือกรูปลักษณ์อะไรได้ที่ไหน พอถูกโปรแกรมหลักยืนยันคลื่นสมองแล้ว มันก็จะลอกเลียนแบบรูปลักษณ์กับชื่อในโลกความเป็นจริงโดยอัตโนมัติ นี่ก็เป็นไอดีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเข้าไปในโลกเสมือนจริงนะ”
หลิงหลานพูดอย่างหดหู่ว่า “นี่ไม่มีความรู้สึกของโลกเสมือนจริงเลย มันเชื่อมต่อกับโลกความเป็นจริงเข้าด้วยแล้ว”
“ไม่อย่างนั้นรัฐบาลที่นี่จะควบคุมโลกเสมือนจริงนี้ได้ยังไงล่ะ?” เสี่ยวซื่อไม่เห็นด้วย
หลิงหลานถอนหายใจลึกๆ รู้สึกว่าตัวเองฝันสลายอยู่บ้าง ทันใดนั้นเธอก็มีตระหนักขึ้นมาได้ฉับพลัน รีบเอ่ยถามว่า “เสี่ยวซื่อ เมื่อตะกี้นี้นายบอกว่าอะไรนะ?”
เสี่ยวซื่อมองหลิงหลานอย่างดูถูกแวบหนึ่ง สงสัยว่าหลิงหลานเป็นอัลไซเมอร์หรือเปล่า “ฉันถามลูกพี่ว่า เธออยากแก้ไขรูปลักษณ์กับชื่อไหม?”
หลิงหลานตบมือทันที “ก็นี่ไง” เธอถามด้วยความไม่เข้าใจ “เสี่ยวซื่อ พอถูกโปรแกรมหลักยืนยันคลื่นสมองก็จะสร้างรูปลักษณ์กับไอดีอัตโนมัติ ถ้างั้นนายจะช่วยฉันเปลี่ยนหน้าตากับไอดีได้ยังไงล่ะ? ถ้านายช่วยฉันเปลี่ยนแล้ว ต่อไปฉันก็ได้แต่เป็นแบบนั้นเหรอ?”
เสี่ยวซื่อจ้องหลิงหลานด้วยความไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง โกรธที่หลิงหลานดูถูก เขาแค่นเสียงเย็นกล่าวว่า “ฉันจะห่วยแตกขนาดนี้เหรอ? ฉันเป็นอะไร? เทพนะ ฉันสามารถเปลี่ยนสัญญาณคลื่นสมองตอนที่เธอล็อกอินทำให้เธอมีรูปลักษณ์กับไอดีแตกต่างกันได้ทุกครั้งนะ”
หลิงหลานตื่นเต้น “นี่คงไม่ได้หมายความว่าฉันมีบัญชีปลอมมากมายนับไม่ถ้วนนะ”
เสี่ยวซื่อเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “ไม่ผิด แต่ฉันแนะนำให้เธอใช้ตัวตนจริงหนึ่งอัน และตัวปลอมหนึ่งอันก่อนก็พอ ถ้ามากไปก็สิ้นเปลืองไปเปล่าๆ”
“ทำไมต้องใช้บัญชีปลอมด้วยล่ะ?” หลิงหลานไม่คิดว่าตัวเองต้องทำพวกเรื่องผิดกฎหมายอะไร เธอคิดว่าบัญชีปลอมใช้ประโยชน์ได้ไม่เยอะ
เสี่ยวซื่อทอดมองด้วยสายตาเหมือนเห็นคนปัญญาอ่อนอีกครั้ง “เธอไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นเลยหรือไง? ด้วยรูปลักษณ์ของผู้ใหญ่น่ะ?”
หลิงหลานอึ้งไป จากนั้นก็ยินดีเป็นบ้าเป็นหลัง “ฉันออกไปได้เหรอ? ไม่ได้ถูกจำกัดให้อยู่ในสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ?”
เสี่ยวซื่อเอ่ยเตือนอีกครั้งด้วยความไม่พอใจว่า “ลูกพี่ ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันเทพนะ สำหรับฉันแล้วข้อจำกัดทุกอย่างในโลกเสมือนจริงต่างก็เป็นของเก๊ อืม ก็เหมือนกับที่เธอเคยพูดไว้ มันสร้างขึ้นบนกากเต้าหู้ ”
หลิงหลานใกล้จะดีใจแทบคลั่งแล้ว เธอคิดว่าตัวเองยังต้องถูกขังอยู่ในสถาบันลูกเสืออีกหลายปีถึงจะสามารถสัมผัสกับโลกที่ใหญ่ขึ้นได้ ไม่นึกเลยว่าเพราะเสี่ยวซื่อ ทำให้ตอนนี้เธอเข้าไปในสังคมหลัก ไปทำความเข้าใจโลกใบนี้อย่างแท้จริงได้
แต่หลิงหลานก็กลับคืนสู่ความสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว การฝึกฝนในมิติการเรียนรู้มาหกปีทำให้หลิงหลานไม่มีทางตกอยู่ในสภาพลืมตัวได้นาน เธอปฏิเสธข้อเสนอของเสี่ยวซื่ออีกครั้ง เนื่องจากวันนี้เธอต้องใช้ไอดีและรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตัวเองล็อกอินเข้าไปในโลกเสมือนจริง เพราะว่าวันนี้เป็นเวลาที่เธอจะไปเจอพวกเพื่อนๆ ในโลกเสมือนจริง
อย่างไรก็ตาม หลิงหลานก็บอกเสี่ยวซื่อว่าไว้ครั้งหน้ามีโอกาสก็ใช้รูปลักษณ์ที่ปลอมตัวเป็นผู้ใหญ่ไปเที่ยวเล่นที่โลกภายนอก ทำความเข้าใจโลกเสมือนจริงแห่งนี้ให้ดีๆ
หลิงหลานเดินไปที่เบื้องหน้าลำเสาแสงต้นนั้นภายใต้การเตือนของเสี่ยวซื่อ นี่เป็นช่องทางเทเลพอร์ตของโลกเสมือนจริง หลิงหลานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ย่างเท้าเข้าไปอย่างเด็ดเดี่ยว
จุดล็อกอินของหลิงหลานเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ที่คล้ายคลึงกับลานกว้างของสถาบันศูนย์กลางลูกเสืออยู่บ้าง เพียงแต่มันใหญ่กว่าและกว้างกว่า ที่นี่ก็เป็นจุดล็อกอินแรกของนักเรียนทุกคนเช่นกัน หลิงหลานเห็นร่างคุ้นตาหลายคนกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งของลานกว้างที่อยู่ไม่ไกล รอคอยการมาของเธอ
หลิงหลานเดินเข้าไปกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนายมากันเร็วมาก ไม่นึกเลยว่าจะมาถึงก่อนฉันเสียอีก”
หานซู่หย่าที่กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งทำปากยื่นเอ่ยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ลูกพี่ นายเป็นคนสุดท้ายนะ ทำไมถึงช้าขนาดนี้ ทุกคนรอนายอยู่นานแล้ว”
ลั่วเฉาที่อยู่ข้างกายหานซู่หย่ายิ้มให้กับหลิงหลานอย่างขัดเขิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ เนื่องจากหลายวันก่อนพวกเธอกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อการประลองของพวกหลิงหลานก็เลยไม่ได้ไปให้กำลังใจพวกหลิงหลานที่สนามจริง นี่ทำให้ลั่วเฉารู้สึกหดหู่เล็กน้อย เมื่อเธอเจอหลิงหลานอีกครั้ง อารมณ์ของลั่วเฉาค่อยเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมา
ฉีหลงที่รอมานานจนรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้างก็รีบเอ่ยว่า “ฉันไปถาม NPC พวกนั้นมาแล้ว ที่นี่มีภารกิจมากมายที่สามารถมอบเงินให้กับพวกเรา ถึงขนาดที่ยังสามารถเรียนรู้กระบวนท่าต่อสู้บางอย่างได้ด้วย”
ฉีหลงที่ชื่นชอบการต่อสู้ไม่อาจต้านทานการล่อลวงนี้ได้เลย เมื่อสักครู่นี้เขาเกือบจะเตรียมตัวทิ้งลูกพี่ของตัวเองแล้วไปแสวงหาสัจธรรมของการต่อสู้
หลิงหลานเห็นทุกคนต่างมีท่าทีอยากจะเคลื่อนไหวแล้วก็เอ่ยว่า “ไม่สู้พวกเราแลกข้อมูลติดต่อกันก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยไปทำกิจกรรมกันตามใจชอบไหมล่ะ? ถ้ามีปัญหาต้องการความช่วยเหลือก็ค่อยติดต่อกันอีกที”
“ตกลง!” ข้อเสนอของหลิงหลานทำให้ทุกคนเอ่ยปากเห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาเองก็คิดว่าทำกิจกรรมอย่างอิสระจะสะดวกมากกว่า ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนต่างบันทึกข้อมูลการติดต่อของอีกฝ่าย หลังจากนั้นก็บอกลากันเองและไปตามทางที่ตัวเองต้องการ
…………………………………………