I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ – ตอนที่ 108 ผู้ชายอันตราย!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“ก็ใช่ แต่พอเทียบกับเทคโนโลยีสมัยใหม่แล้ว ฉันชอบที่นี่มากกว่า” หลิงหลานยิ้ม อาคารที่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยทำให้ร่างกายและจิตใจเธอผ่อนคลายลงทันที ความรู้สึกเหนื่อยล้าจากการฝึกฝนอย่างหนักหลายเดือนถูกขจัดหายไปจนหมด

พอเสี่ยวซื่อได้ยินว่าหลิงหลานชอบที่นี่ ความเครียดกังวลก็หนีหายไปทันที นี่ถือว่าเป็นการทำพลาดที่ถูกต้องหรือเปล่านะ เสี่ยวซื่อคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย ‘ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดที่สุดจริงๆ ด้วย ต่อให้ทำพลาดโดยไม่ระวัง ก็เป็นการทำพลาดที่ดีเลิศขนาดนี้!’

ไม่พูดถึงเสี่ยวซื่อที่ดีอกดีใจแล้ว หลิงหลานพาเสี่ยวซื่อไปเที่ยวเล่นในเมืองหลวงแห่งนี้ แน่นอนว่าเธอเพียงแต่ดูเท่านั้น ไม่ซื้อ ประการแรก สถานะนี้ไม่มีบัญชีธนาคารกลางที่ผูกไว้ และก็ไม่สามารถใช้แต้มเครดิตจ่ายเงินได้ ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อจะมีวิธีจัดการให้ได้ แต่หลิงหลานคิดว่าเรื่องยิ่งน้อยยิ่งดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอกลัวว่าธนาคารกลางจะทำการสแกนแบบเอาเวลาแน่นอนไม่ได้ ถ้าเกิดถูกเปิดเผยขึ้นมา มันจะเป็นปัญหาต่อเธอและเสี่ยวซื่อ

ส่วนประการที่สอง สถานะนี้ไม่มีที่อยู่ที่ปิดบังซ่อนเร้นอย่างปลอดภัย จะให้ร้านค้าส่งตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงหรือไง? ถ้าอย่างนั้นสถานะตัวปลอมที่เธอทำออกมาแบบนี้จะไม่ได้เป็นการสิ้นเปลืองแรงไปโดยเปล่าประโยชน์เหรอ?

หลิงหลานดูเหมือนนกในกรงที่เพิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นของอะไรก็ตาม เธอก็มองดูด้วยความตื่นเต้นมาก การเดินเที่ยวบนถนนอย่างอิสระครั้งนี้ได้เติมเต็มความฝันสองชาติของเธอแล้ว

ชาติก่อนเธออยู่บนเตียงคนไข้มาตลอด ทุกวันเธอฝันว่าจะสามารถมีโอกาสออกไปเดินเที่ยวเล่นบนถนนสักครั้ง น่าเสียดายที่สุดท้ายมันยังคงไม่เกิดขึ้นจริง และตั้งแต่ที่เกิดมาในชาตินี้เธอก็ถูกจำกัดให้อยู่ในบ้านมาตลอด ต่อมาก็ถูกจำกัดให้อยู่ในสถาบันลูกเสือ ถึงแม้ว่าในโลกเสมือนจริงของสถาบันลูกเสือจะมีร้านค้าเหมือนกัน แต่ว่าของด้านในซ้ำซากจำเจมาก มีแต่ของที่เกี่ยวข้องกับด้านการเรียนเท่านั้น นอกจากนี้ร้านค้าด้านในก็ทำออกมาไซไฟมากเกินไป ทำให้หลิงหลานไม่มีอารมณ์จะเดินเล่นเลยสักนิดเดียว

อย่างไรก็ตาม เมืองหลวงนี้ไม่เหมือนกันเลย อาคารกลิ่นอายโบราณ ของตกแต่งในร้านค้าก็ใกล้เคียงกับชาติก่อนของเธอมาก ทำให้หลิงหลานเกิดความรู้สึกอยากเดินเที่ยวชมในพริบตา อารมณ์ของเธอเบิกบานอย่างไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะทุกครั้งที่เธอเข้าไปในร้านค้า แล้วคำแนะนำร้านค้าเด้งออกมาตรงหน้าเธอแล้วละก็ เธอคงจะคิดจริงๆ ว่าตัวเองกำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่บนถนนในโลกความเป็นจริง

เมืองหลวงช่างสมกับที่เป็นเมืองหลวงอย่างที่คาดคิดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ที่พัก ถนนหนทาง ทุกอย่างต่างครบครันและละลานตา ในขณะที่หลิงหลานมองดูด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้นคนเดินถนนที่อยู่รอบข้างเธอก็เหมือนกับได้รับข้อความอะไรบางอย่าง พวกเขาหยุดฝีเท้าทำหน้าตื่นเต้น มีหลายคนในนั้นถึงขนาดที่ส่งเสียงร้องตะโกนตกใจยากที่จะควบคุมออกมา

พวกเขาเปลี่ยนแผนการเดิมของตัวเองอย่างรวดเร็ว และกรูไปยังสถานที่แห่งหนึ่งราวกับรู้กันเอง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลิงหลานเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ก่อนจะรีบเอ่ยถามเสี่ยวซื่อ

เสี่ยวซื่อไม่พูดอะไร เขาตรวจสอบก่อนสักพัก หลังจากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “ที่นี่มีการแข่งขันประลองหุ่นรบด้วยล่ะ นอกจากนี้ยังเป็น J6 ท้าประลองข้ามระดับกับ J8 ด้วย เรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย?”

หลิงหลานที่รู้เรื่องโลกภายนอกแทบจะเป็นศูนย์พูดด้วยสีหน้ามึนงงว่า “J6? J8? มันคืออะไร?”

เสี่ยวซื่อตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เขาค่อยจำได้ว่าตัวเองลืมบอกความรู้ด้านนี้ให้กับหลิงหลาน ดังนั้นเขาก็เลยบอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันประลองหุ่นรบคร่าวๆ

ความจริงแล้วการแข่งขันประลองหุ่นรบที่ประชาชนสามารถเข้าร่วมยังไงก็ได้ในโลกเสมือนจริงนี้คือเกมต่อสู้อย่างหนึ่ง ขอเพียงประชาชนอายุครบสิบสามปีบริบูรณ์ก็สามารถเข้าร่วมเกมประลองหุ่นรบได้ ส่วนสถาบันลูกเสือ นักเรียนจะสามารถปลดผนึกของสถาบันลูกเสือ และเข้าสู่โลกเสมือนที่แท้จริงได้หลังจากที่อายุสิบสามปี พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไปตามระเบียบขั้นตอนแล้ว หลิงหลานต้องอายุสิบสามก่อนถึงจะสามารถปลดล็อกที่นี่ได้

ไม่ว่ามือใหม่ที่เพิ่งเข้าเกมจะมีอายุเท่าไหร่ ทุกคนต่างอยู่ในระดับ J0 พวกเขาต้องเรียนรู้การควบคุมหุ่นรบ ทำการฝึกฝนที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ถึงจะเปิดสังเวียนมือใหม่ได้ หลังจากที่ได้รับ 100 คะแนนแล้วก็จะเข้าสู่ระดับ J1 ได้สำเร็จ พอสะสมคะแนนได้ 1000 ก็จะเข้าสู่ระดับ J2 เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คะแนนสะสมที่จะเข้าสู่ระดับ J9 ย่อมต้องเป็นตัวเลขที่มหาศาล

เสี่ยวซื่อบอกหลิงหลาน ผู้ควบคุมหุ่นรบที่สามารถเลื่อนขั้นสู่ระดับ J9 มีน้อยมาก มีแค่สามพันสี่พันคนอันน้อยนิดเท่านั้นจากในประชากรหลายหมื่นล้านคนทั่วทั้งสหพันธรัฐ แน่นอนว่าคนที่อยู่เหนือ J9 หนึ่งระดับก็มีอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าคนพวกนี้ไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นในเกมประลองหุ่นรบของประชาชนแบบนี้ เสี่ยวซื่อไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้ละเอียด เขาคิดว่าเรื่องพวกนี้ยังห่างไกลจากหลิงหลานมากไปหน่อย

“ท้าประลองข้ามระดับได้ก็ดีแล้วนี่นา?” ไม่อย่างนั้นว่าตามขั้นตอนแล้ว อยากจะเข้าสู่ J9 ไม่รู้ว่าต้องสะสมคะแนนทีละนิดไปจนถึงเมื่อไหร่ ดูแค่เลขศูนย์นับไม่ถ้วนด้านหลังตัวเลขพวกนั้นแล้ว หลิงหลานก็รู้สึกเวียนหัวอยู่บ้าง

“มันก็ได้แหละ แต่การท้าประลองข้ามระดับมีข้อเรียกร้องสูงมาก ถ้าเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมา บทลงโทษสามารถทำให้คนเสียใจจนฆ่าตัวตายได้เลย…” เสี่ยวซื่อบอกหลิงหลานด้วยเสียงนิ่งเรียบ ผลประโยชน์ใช่ว่าจะได้รับมาง่ายมากขนาดนั้น

“การท้าประลองข้ามระดับไม่ใช่ว่าแค่ท้าประลองสักครั้งก็ทำได้แล้ว เธอต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ระดับสูงที่สุ่มเลือกมาติดต่อกันสามครั้งภายในสามวัน ถึงจะถือว่าเธอท้าประลองข้ามระดับสำเร็จ แล้วเข้าสู่ระดับนั้นได้อย่างแท้จริง แต่ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา คะแนนย่อมถูกหักอย่างหนักหน่วงแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น มีความเป็นไปได้สูงว่าคนที่อยู่ J6 จะถูกหักคะแนนจนร่วงลงไปอยู่ระดับ J3 ทันที แม้กระทั่ง J2 ก็มีความเป็นไปได้” เสี่ยวซื่ออธิบายกฎและบทลงโทษที่เกี่ยวข้องกับการท้าประลองข้ามระดับนี้

“ก็ยังคุ้มอยู่นะ ต่อให้ตกลงไปที่ J2 J3 ครั้งหน้าเขาท้าประลองกับ J7 J8 ใหม่สามครั้ง ก็กลับมาได้อีกไม่ใช่เหรอ?” หลิงหลานเอ่ยคัดค้าน

“จะง่ายแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ ทุกปีหนึ่งคนจะมีโอกาสท้าประลองข้ามระดับสามครั้ง นอกเสียจากเขาจะเอาชนะครบสามครั้งแล้ว ไม่อย่างนั้นขอแค่พ่ายแพ้สักครั้ง เขาก็จะต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นแล้วเริ่มสะสมคะแนนใหม่ ทุกคนต่างก็รู้ว่าคะแนนของการแข่งขันประลองหุ่นรบได้รับโคตรยาก ต้องอาศัยเวลาและการแข่งขันมาสะสมคะแนน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือสิ่งที่เรียกว่าการประลองข้ามระดับนี้ อันที่จริงทำได้แต่ท้าประลองข้ามไปหนึ่งระดับเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ J2 ทำได้แค่ท้าประลองกับ J4 J3 ก็ท้าประลองได้แค่ J5….ต่อให้รอไปปีนึง เขาก็ยังกลับไปตำแหน่งเดิมไม่ได้ ลูกพี่ เธอว่าการท้าประลองข้ามระดับแบบนี้คุ้มหรือไม่คุ้มล่ะ?”

คำพูดของเสี่ยวซื่อทำให้หลิงหลานพูดไม่ออก “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ งั้นการท้าประลองข้ามระดับไม่กลายเป็นของตั้งโชว์ไปแล้วเหรอ? ดูท่าคงจะมีคนน้อยมากที่เลือกการท้าประลองข้ามระดับใช่ไหม?” ดูเหมือนว่าคนสร้างเกมจะเกลียดพวกคนที่ไปทางลัดมาก ถึงได้ตั้งให้มันมีความยากและข้อจำกัดเยอะมากขนาดนี้

“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่นี่จะตื่นเต้นขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ ช่วงระดับต้นๆ อาจจะยังมีการแข่งขันท้าประลองข้ามระดับอยู่มากมาย แต่ช่วงระดับสูงจะเจอการท้าประลองข้ามระดับได้น้อยมาก โดยเฉพาะการที่ J6 ท้าประลองข้ามระดับกับ J8 แบบนี้ ว่ากันว่าในหนึ่งร้อยปียากจะเห็นสักครั้ง ลูกพี่ เธอนี่ดวงดีมากจริงๆ” เสี่ยวซื่อบอกข้อมูลที่เขาค้นหาเจอให้กับหลิงหลาน บอกว่าการประลองหุ่นรบในครั้งนี้หายากมากจริงๆ

“งั้นก็ไปดูกันเถอะ” หลิงหลานถูกคำพูดของเสี่ยวซื่อชักจูงให้สนใจขึ้นมา แล้วก็เดินตามผู้คนไปยังจุดหมาย ซึ่งก็คือเจดีย์สูงเจ็ดชั้น

“ให้ตายเถอะ ไม่นึกเลยว่ายังต้องซื้อตั๋วด้วย” หลิงหลานกำลังคิดจะเดินเข้าไปที่ทางเข้า ตัวอักษรแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าทำให้เธอกลุ้มใจมาก ที่แท้การจะเข้าไปที่นี่จำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าไปด้วย

เสี่ยวซื่อเองก็เข้าสนามประลองชมการประลองหุ่นรบเป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ว่ายังต้องมีตั๋วด้วย เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งทันทีว่า “รอเดี๋ยวนะ” หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป

หลิงหลานคิดว่าเสี่ยวซื่อจะจากไปสักพัก ไม่นึกเลยว่าผ่านไปได้ไม่กี่วินาที เสี่ยวซื่อก็กลับมาแล้ว เขาชูมือเป็นรูปตัว V พลางเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจว่า “ลูกพี่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

ในตอนที่เสี่ยวซื่อพูดนั้น คนที่สวมเสื้อกันลมสีดำปิดทั้งตัวกำลังจะซื้อหมายเลขตั๋วที่เขาถูกใจก็เห็นข้อความแถวหนึ่งปรากฎขึ้นในอุปกรณ์สื่อสาร “ขออภัยด้วย หมายเลขตั๋วที่คุณเลือกเป็นหมายเลขที่ไม่สามารถใช้งานได้ โปรดเลือกใหม่อีกครั้ง”

“เอ๋? แปลกจัง ไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่เร็วกว่าฉันด้วย? ถูกแย่งไปก่อนซะแล้ว….” คนผู้นั้นพึมพำอยู่สักพัก เขาจำใจต้องเลือกที่นั่งข้างๆ ที่นั่งนี้ เมื่อเห็นตัวอักษรคำว่า ‘ซื้อสำเร็จ’ โผล่ขึ้นมาก็ค่อยปิดอุปกรณ์สื่อสารเดินเข้าไปในสนามประลอง

ตอนนี้เสี่ยวซื่อรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมาก ในที่สุดเขาก็คว้าโอกาสแสดงความสามารถสารพัดนึกที่ลูกน้องควรมีออกมาต่อหน้าหลิงหลาน เขาที่มีตัวตนเหมือนกับเทพ การจะแอบเข้าไปโดยที่ไม่ซื้อตั๋วนั้นเป็นเรื่องที่สบายมาก

เอ่อ…ไม่ถูกสิ เสี่ยวซื่อเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย เขาไม่ทำเรื่องเข้าไปโดยไม่ซื้อตั๋วหรอก เขาแค่แสดงความกตัญญู แสดงความช่วยเหลือออกมา

หลิงหลานได้รับคำยืนยันของเสี่ยวซื่อแล้วก็เดินเข้าไปที่หน้าประตูสนามประลองอีกครั้ง คราวนี้ตัวอักษรตรงหน้าไม่ใช่ข้อความว่าเข้าไม่ได้ต้องซื้อตั๋วอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็น ขอบคุณที่มาอุดหนุน หมายเลขที่นั่งของคุณคือ โซน xx แถว xx หมายเลข xx

หลิงหลานถอนหายใจอีกครั้ง เสี่ยวซื่อมีประโยชน์มากจริงๆ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นโลกความเป็นจริงหรือว่าโลกเสมือนจริง เธอก็หนีจากความช่วยเหลือของเสี่ยวซื่อไปไม่ได้แล้ว

หลิงหลานย่างเท้าเข้าไปที่หน้าประตูก็รู้สึกได้ว่าฉากตรงหน้าเปลี่ยนไป หลังจากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนปากทางเดินแห่งหนึ่ง ด้านหน้าต่างก็เป็นที่นั่งที่อยู่เรียงเป็นแถวๆ

“ขอทางหน่อยได้ไหม?” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากทางด้านหลังหลิงหลาน หลิงหลานรีบหันตัวกลับไปก่อนจะเห็นชายสวมเสื้อกันลมสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเธอ สิ่งที่ทำให้หลิงหลานประหลาดใจคือ ใบหน้าของชายคนนี้ถูกหมวกคลุมของเสื้อกันลมปกปิดไว้อย่างแน่นหนา เผยเพียงแค่คางรวมไปถึงริมฝีปากบางที่ยกขึ้นน้อยๆ

“เอ่อ…ขอโทษที” หลิงหลานก้มหน้าลงด้วยความเกรงใจ เธอรีบเบี่ยงกายเปิดทางให้ หลิงหลานก้มหน้าไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นความตกตะลึงของเธอ เธอกำหมัดทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่นๆ รู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองประมาทไป

เมื่อสักครู่นี้หลิงหลานไม่รู้สึกเลยว่ามีคนอยู่ด้านหลังเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกคนเข้าใกล้อย่างไร้สุ้มไร้เสียงโดยที่เธอไม่รู้ตัว ถ้าหากอีกฝ่ายมีเจตนาร้ายลอบโจมตีเธอละก็ เธอคงจะถูก KO ตายจนไม่อาจตายได้อีกแน่นอน

นอกจากนี้ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับชายคนนี้อย่างจริงจัง หัวใจของหลิงหลานก็ผุดตัวคำว่าอันตรายขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสได้ถึงอันตรายจากตัวของคนผู้หนึ่ง

ชายคนนี้ไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้าให้หลิงหลานน้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ ก่อนจะเดินผ่านหลิงหลานไปทันที ดูท่าเขาเองก็เป็นผู้ชมที่มาดูการแข่งขันประลองเช่นกัน

หลิงหลานไม่ได้ตามออกไปทันที เธอเลี่ยงชายคนนั้นอยู่บ้าง ตัดสินใจว่ารักษาระยะห่างไว้หน่อยจะดีกว่า ในที่สุดเมื่อชายคนนั้นเดินไปไกลจนมองไม่เห็นร่างของเขาแล้ว เวลานี้เองเธอก็ได้ยินเสี่ยวซื่อพูดว่า “เชรด หมอนี่เป็นแฮคเกอร์แหละ…ไม่สิ มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาคือผีซวีในตำนาน”

“เสี่ยวซื่อ ผีซวีที่นายพูดคือตัวตนที่สามารถกำจัดสติของมนุษย์ในโลกเสมือนจริงได้ใช่ไหม?”

“ใช่เลย กลิ่นอายบนตัวคนผู้นั้นดูเหมือนมาก มันคือการกลายพันธุ์ทางจิตที่เป็นของแฮคเกอร์ผีซวี” เสี่ยวซื่อพูดยืนยัน

ต่อให้เธออยู่ในโลกเสมือนจริง หลิงหลานได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกว่าหน้าผากเธอหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาจนเปียกชุ่ม มิน่าล่ะเธอถึงรู้สึกว่าหมอนั่นอันตรายมาก ที่แท้ก็เป็นตัวตนที่สามารถกำจัดคนได้อย่างไร้สุ้มไร้เสียงนี่เอง แงๆๆ โลกเสมือนจริงนี้อันตรายจริงๆ เลย

ต่อให้ในโลกความเป็นจริงหลิงหลานสามารถ KO คนแบบนี้ได้ร้อยพัน แต่ว่าพออยู่ในโลกเสมือนจริง เธอต้องถอยเก้าสิบลี้[1]ให้คนพวกนี้

………………………………………..

[1] หมายถึง พยายามถอยให้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี ไซไฟ โลกอนาคต หุ่นรบ สงครามอวกาศ แมรี่ซู แปลจีนหลังจากเสียชีวิตเพราะอาการป่วยโรคประหลาดหลิงหลานได้ทะลุมิติมายังโลกอนาคตอีกหนึ่งหมื่นปีข้างหน้าด้วยการช่วยเหลือของระบบการเรียนรู้เธออยากใช้ชีวิตร่างใหม่อย่างสงบสุขทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกให้จำเป็นต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อสืบทอดตระกูลคุณชายน้อยผู้สืบทอดพลังหุ่นรบขั้นเทวะจำต้องเดินหน้าต่อไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันย้อนกลับซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายไม่รู้จบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท