“เสี่ยวเฟย เมื่อตะกี้นี้ไม่มีคนชัดๆ แต่ว่าเสี่ยวหลินยังตาย ถึงขนาดที่ทิ้งสีหน้านี้ไว้ ศัตรูของเราไม่ใช่คนแล้ว…”ถึงแม้ว่าวิทยาศาศตร์เทคโนโลยีอธิบายไว้ว่าโลกนี้ไม่มีวิญญาณ แต่สภาพการตายที่แปลกประหลาดของเสี่ยวหลินยังคงทำให้เสี่ยวฉงตื่นตระหนก “ตอนนี้หัวหน้าทีมก็หายไปแล้ว เขาต้องตายอยู่ในเงื้อมมือปีศาจน่ากลัวนั่นไปแล้วเหมือนกัน พวกเราอยู่ที่นี่ต่อไปจะตายแน่นอน” ต่อให้คนเรามีความกล้าอีกสักแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แปลกประหลาดก็ย่อมเกิดความขลาดเขลาขึ้นมาเช่นกัน
เสียง ‘เพียะ!’ ดังขึ้น เสี่ยวเฟยตบเสี่ยวฉงหน้าหันแรงๆ ทันที ใบหน้าของเสี่ยวฉงปรากฏความตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย และก็มีความสับสนกับจนปัญญาอยู่บ้าง
“นายแม่งใจเย็นๆ สิวะ!” เสี่ยวเฟยตวาดอย่างรุนแรง “หัวหน้าบอกแล้วว่า อีกฝ่ายเป็นคนที่เชี่ยวชาญด้านการอำพรางและลอบสังหาร พวกเราเลยไม่สามารถเข้าใจวิธีการบางอย่างได้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนไร้เทียมทานจริงๆ สักหน่อย”
“นอกจากนี้ ฉันไม่เชื่อว่าหัวหน้าถูกกำจัดไปแล้วจริงๆ” เสี่ยวเฟยรู้ความสามารถของหัวหน้าทีมดี ถ้าเกิดกระทั่งหัวหน้าทีมไม่สามารถต้านทานได้ พวกเขาก็ยิ่งไม่มีโอกาสหนีออกไปจากในป่าแห่งนี้ เขาบอกตัวเองว่าต้องเยือกเย็นเข้าไว้ เมื่อพวกเขาสองคนตกอยู่ในความตื่นตระหนก เช่นนั้นพวกเขาก็อยู่ไม่ห่างจากความตายแล้วจริงๆ
คำพูดที่เด็ดเดี่ยวและเยือกเย็นของเสี่ยวเฟยทำให้ความตื่นตระหนกของเสี่ยวฉงลดลงไปเล็กน้อย สายตาของเขาเบนออกไป ขณะที่กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็เห็นพุ่มหญ้าที่อยู่ด้านหลังเสี่ยวเฟยสิบกว่าเมตรระเบิดออกมาอย่างเงียบงัน ใบหญ้านับไม่ถ้วนซัดเข้าใส่แผ่นหลังของเสี่ยวเฟยราวกับลูกธนู
“ระวัง!” ความสับสนลนลานของเสี่ยวฉงเพิ่งจะหายไป เขาก็เห็นรัศมีแสงเย็นๆ ส่องวาบเข้ามาในสายตา มือซ้ายผลักเสี่ยวเฟยไปด้านข้างเบาๆ ยกฝ่ามือขวาขึ้นมาโจมตีใส่ต้นไม้ใบหญ้าที่ซัดเข้ามาทันที พลังปราณไร้รูประเบิดออกมา ต้นไม้ใบหญ้าที่เดิมทีพุ่งเข้าใส่นั้นถูกขวางเอาไว้ในชั่วพริบตา
เสียง ‘ปัง’ ดังคลุมเครือ พลังไร้รูปสองสายปะทะกันเอง ร่างของเสี่ยวฉงสั่นสะเทือน รู้สึกแค่เพียงเลือดลมในหน้าอกปั่นป่วน…เขาใจเย็นใช้พลังแฝงในร่าง ผนึกพลังไว้ที่ฝ่ามืออีกครั้งก่อนจะโจมตีไปที่พลังสายนั้น….
ในที่สุดการหนุนเสริมของพลังปราณสายนี้ก็ข่มพลังไร้รูปนั้นได้แล้ว ต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกสกัดกั้นไว้นั้นโดนพลังสายนี้สะท้อนกลับไปทันที
หลิงหลานที่ซุ่มอยู่ทิศทางตรงข้ามใบหน้าขาวซีดทันทีในตอนที่เสียงคลุมเครือดังขึ้น ราวกับว่าได้รับบาดเจ็บหนักอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตามตอนนี้สีหน้าของเธอยังคงเหมือนเดิม สายตาไม่ได้เปลี่ยนไป เธอยังคงจ้องไปที่ลูกทีมอีกคนอย่างนิ่งเรียบ นั่นก็คือเสี่ยวเฟยที่โดนเสี่ยวฉงผลักไปยังด้านข้าง
ไม่ผิด ตอนนี้คนที่เธอคิดจะฆ่าก็คือเสี่ยวเฟย ใบไม้ต้นหญ้าที่ซัดออกไปเมื่อสักครู่นี้คืออุบายของเธอ แต่กระบวนท่านั้นเป็นแค่กระบวนท่าหลอกล่อเท่านั้น เป็นการโจมตีที่ตั้งใจวางแผนออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกทีมอีกคน
ถึงแม้ว่าอาการสับสนลนลานภายนอกของเสี่ยวฉงจะดูสมจริงมาก แต่พลังไร้รูปบนตัวพวกเขายืนยันว่าคนเหล่านี้ต่างเป็นทหารเก่าที่เคยผ่านการนองเลือดมาก่อน พวกเขาจะตกใจกลัวจากการตายอย่างน่าประหลาดของเพื่อนร่วมรบได้ยังไง ท่าทีแสดงออกแบบนี้ทำขึ้นเพื่อให้เธอตายใจ คิดจะยืมโอกาสนี้ล่อให้เธอลงมืออย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่หลิงหลานใคร่ครวญกระจ่างแจ้งแล้วก็ตัดสินใจวางแผนซ้อนแผน ถึงแม้ว่าการทำแบบนี้จะเสี่ยงอันตรายไปหน่อย มีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ แต่เธอก็ฉวยโอกาสนี้ฆ่าศัตรูไปได้หนึ่งคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการแลกเปลี่ยนนี้คุ้มค่าแน่นอน
เสี่ยวฉงเพิ่งจะซัดพวกใบไม้ต้นหญ้าที่พุ่งเข้ามาออกไปก่อนจะกระทืบเท้าทีหนึ่งโดยไม่ลังเล รับพลังสายนี้ไว้แล้วก็พุ่งไปยังจุดที่ระเบิดอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือสองข้างผลักออกไปด้วยกัน พลังปราณไร้รูปโจมตีใส่บริเวณที่ระเบิดอย่างหนักหน่วง!
ต้นกำเนิดของพลังไร้รูปอยู่ทางทิศนั้น ที่ซ่อนตัวของอีกฝ่ายย่อมต้องอยู่ที่นั่น! เขาจับมือสังหารคนนั้นได้แล้ว แววตาของเสี่ยวฉงเผยความยินดีออกมาแวบหนึ่ง ขอเพียงอีกฝ่ายเผยร่างจริงออกมา ดูจากพลังที่ปะทะกับเขาเมื่อสักครู่นี้ เขากับเสี่ยวเฟยร่วมมือกันสองคนต้องฆ่าฝ่ายตรงข้ามที่นี่ได้แน่นอน
เสียง ‘ตูม!’ ดังขึ้น ดินและพุ่มหญ้าตรงนั้นได้รับพลังมหาศาลนี้ก็ระเบิดออกมาโดยพลัน ฝุ่นละอองตลบอบอวน ใบไม้ใบหญ้าทยอยกันปลิวว่อน หลุมลึกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งเมตรปรากฏขึ้นตรงหน้าเสี่ยวฉง
“โอกาสดี! ระเบิดซะ!” ในตอนนี้เอง หลิงหลานที่ซ่อนอยู่อีกทางด้านหนึ่งเห็นเสี่ยวฉงผละออกจากตัวลูกทีมอีกคนไป เธอก็ระเบิดพลังจิตที่ซ่อนอยู่ด้านข้างเสี่ยวเฟยทันที
หลิงหลานไม่มีความมั่นใจว่าความสามารถในการระเบิดพลังจิตจะฆ่ายอดฝีมือระดับพลังปราณสองคนพร้อมกันได้ เทียบกับความสามารถของเสี่ยวฉงที่อยู่ช่วงปลายของระดับพลังปราณแล้ว เสี่ยวเฟยที่มีความสามารถอยู่ในช่วงต้นค่อนไปทางกลางของระดับพลังปราณจึงฆ่าได้ง่ายมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเธอจึงตั้งเป้าหมายไว้ที่ตัวเสี่ยวเฟยมาตั้งแต่แรกแล้ว เลือกที่จะกัดกระดูกอ่อนก่อน
พลังจิตไร้รูปไร้สีระเบิดในชั่วพริบตาภายใต้การควบคุมของหลิงหลาน ก่อตัวเป็นคลื่นสั่นสะเทือนขนาดมหึมาพุ่งเข้าใส่สมองของเสี่ยวเฟย
เดิมทีเสี่ยวเฟยที่ถูกเสี่ยวฉงผลักไปด้านข้างตั้งท่าป้องกันเอาไว้แล้ว ทว่าความสนใจของเขาตอนนี้ถูกการโจมตีของเสี่ยวฉงดึงดูดไปเช่นกัน ถ้าหากพบร่องรอยของศัตรู เขาก็จะตามไปร่วมมือกับเสี่ยวฉง
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่เขาจะพบอะไร ในใจเขาพลันสั่นไหวขึ้นมา นี่เป็นสัญญาณเตือนวิกฤติล่วงหน้า เป็นหนึ่งในความสามารถของยอดฝีมือด้านการต่อสู้ที่เข้าสู่ระดับพลังปราณ หรือว่าอีกฝ่ายคิดจะฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีเขา?
ในสมองของเสี่ยวเฟยเพิ่งจะผุดความคิดนี้เข้ามา พลังแฝงที่ปกคลุมทั่วร่างแต่เดิมของเขาก็พุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง ขอเพียงมีคนหรือว่าอาวุธลับเข้าใกล้ตัว เขาก็จะจับสังเกตได้…
ทว่าเป็นเพราะท่วงท่าป้องกันนี้ เขาถึงรู้สึกได้ว่าพลังไร้รูปชนเข้ากับพลังแฝงป้องกันบนตัวเขา…เขารู้สึกว่าพลังปราณของตัวเองสั่นสะเทือนอย่างหนักหน่วง หลังจากนั้นก็รู้สึกศีรษะปั่นปวนและวิงเวียน เขาเหมือนกับได้ยินพลังปราณตัวเองระเบิดตามพลังเหล่านั้น ตูม! ตูม! ตูม!…
พลังเหล่านี้โจมตีรวมกันไปที่สมองของเขา จนสุดท้ายเขารู้สึกว่าสมองของตัวเองแบกรับพลังมหาศาลเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว เสียงตูมดังลั่น ระเบิดแล้ว…เขาตกสู่ท่ามกลางความมืดมิดไปโดยสิ้นเชิง ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว
อีกทางด้านหนึ่ง เสี่ยวฉงที่โจมตีแหล่งต้นตอพลังคิดว่าฝ่ามือทั้งสองนี้จะต้องบีบมือสังหารที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ออกมาแน่นอน ทว่านอกจากฝุ่นละอองต้นไม้ใบหญ้าที่ปลิวว่อนแล้ว เขาก็ไม่เห็นเงาใครเลย นอกจากเสียงลมเสียงใบไม้ต้นหญ้าสั่นไหวแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก
“น่าชังนัก!” เสี่ยวฉงเห็นฝ่ามือสองข้างของตัวเองไม่ได้ผลตามที่เขาคาดการณ์ไว้ก็อดลอบสบถขึ้นมาไม่ได้ ในใจรู้สึก ตื่นตะลึงหวั่นไหว หรือว่ามือสังหารหนีไปในชั่วพริบตาที่ลอบโจมตีเสี่ยวเฟย? แต่เขาไม่ได้ยินเสียงคนเคลื่อนไหวเลยนะ หรือว่าหมอนี่ไม่ได้อยู่ทางนี้? แล้วการโจมตีนั้นเกิดขึ้นมาได้ยังไง?
เสี่ยวฉงไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนกับท่าทางที่เขาแสดงออกอย่างที่คาดไว้จริงๆ ควรพูดว่า พวกท่าทีย่ำแย่เมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงการทำเพื่อต้องการให้มือสังหารที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับประมาทเลินเล่อ คิดจะล่อให้อีกฝ่ายลงมือ
เขาสมปรารถนาแล้วจริงๆ อีกฝ่ายลงมือแล้ว แต่ว่าผลไม่ค่อยสวยงามนัก เขาไม่สามารถหาตัวอีกฝ่ายพบ ตรงกันข้ามมันกลับทำให้ในใจเขายิ่งรู้สึกตะลึงงัน
เขาเดินโมโหกลับไปที่ข้างกายเพื่อนร่วมทีมตัวเอง แน่นอนว่าเขาไม่ลืมระวังรอบด้าน เขาเชื่อว่ามือสังหารคนนั้นอยู่ใกล้ๆ นี้ เพียงแต่วิธีการซ่อนตัวและการเคลื่อนไหวที่แม้แต่เทพหรือผียากจะคาดเดาทำให้เขาหาพิรุธไม่เจอ ในใจรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
“เสี่ยวเฟย นายพบอะไรบ้างหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา บางทีเสี่ยวเฟยที่ยืนป้องกันอยู่ด้านหลังเขาอาจจะมองเห็นอะไรได้บ้าง
น่าเสียดายที่คำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบ เสี่ยวฉงที่รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างมาก เขาพุ่งเข้าไปอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเฟยทันที จากนั้นก็เห็นเสี่ยวเฟยเบิกตาโต มองไปข้างหน้าอย่างมึนงง ทว่าตอนนี้อายตนะทั้งห้า[1]ของเขากำลังหลั่งเลือดเป็นสายที่หนาเท่านิ้วมือไม่หยุด เสี่ยวฉงเห็นแค่แวบเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายสิ้นชีพไปแล้ว
“อ๊ากกก…” ปากของเสี่ยวฉงส่งเสียงโหยหวนออกมา เทียบกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ที่มาทีหลังแล้ว เสี่ยวเฟยเป็นเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันกับเขาตั้งแต่เด็กๆ เข้าเรียนด้วยกัน ต่อสู้เอาชีวิตรอดด้วยกัน คราวนี้เขาบ้าไปแล้วจริงๆ…
สภาพของหลิงหลานที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ตอนนี้ก็ไม่ได้ดีเหมือนกัน สีหน้าของเธอซีดขาวราวกับกระดาษ การระเบิดพลังจิตเมื่อสักครู่นี้ทำให้พลังจิตของเธอหมดลงอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น การระเบิดพลังจิตเป็นกระบวนท่าสังหารศัตรูไปหนึ่งพัน ทำร้ายตัวเองไปแปดร้อยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เธอใช้คราวนี้คือวิชาระเบิดแบ่งจิตสองชั้นซึ่งมีเงื่อนไขสูงกว่าการระเบิดพลังจิตและยังสร้างความเสียหายให้กับตัวเองมากกว่าด้วย
อานุภาพของการระเบิดพลังจิตแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่มันกลับมีจุดอ่อนอยู่ นั่นก็คือหลังจากที่จุดระเบิดแล้ว จะไม่สามารถผนึกพลังจิตเพื่อทำการโจมตีใหม่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นถ้าหากหลิงหลานใช้ระเบิดพลังจิตดึงความสนใจของอีกฝ่าย เธอก็ไม่สามารถผนึกพลังจิตลอบโจมตีอีกฝ่ายได้ทันที เธอเลยได้แต่เสี่ยงใช้วิชาระเบิดแบ่งจิตสองชั้นเพื่อจัดการหนึ่งในศัตรูได้อย่างราบรื่น
วิชาระเบิดแบ่งจิตสองชั้นเป็นวิธีการโจมตีทางจิตอย่างหนึ่ง นำพลังจิตแบ่งออกเป็นสองสาย หลังจากนั้นก็จุดระเบิดแยกกันโจมตีใส่เป้าหมายซึ่งเป็นทักษะการโจมตีแบบพื้นที่ การระเบิดพลังจิตมหาศาลสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีทั้งรูปร่างและไร้รูปร่างรอบๆ บริเวณได้ทันที
ในใจหลิงหลานรู้ดีว่า หัวหน้าทีมที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นกำลังมาที่นี่แน่นอน ไม่มีเวลาให้เธอสิ้นเปลืองต่อไปแล้ว เธอต้องกำจัดสองคนตรงหน้าทิ้งไปก่อนที่หัวหน้าทีมจะมาถึง ไม่อย่างนั้น การจะรับมือกับหัวหน้าทีมที่อยู่จุดสูงสุดของระดับพลังปราณ แค่หนึ่งต่อหนึ่งหลิงหลานยังไม่มั่นใจเลยว่าจะต้านทานได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหลือผู้ช่วยให้อีกฝ่ายสักคนเลย
หลิงหลานเชื่อว่าวิชาระเบิดแบ่งจิตสองชั้นสามารถกำจัดศัตรูได้หนึ่งคนแน่นอน อันที่จริงหลิงหลานทำได้แล้ว เพียงแต่ค่าตอบแทนที่จ่ายไปก็มหาศาลมากเช่นกัน ไม่เพียงพลังจิตของเธอหมด ในขณะเดียวกันศีรษะก็ปวดราวกับว่าจะแยกออกจากกันจนเธออยากจะอาเจียนออกมา กระทั่งร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง เรื่องโชคดีเพียงอย่างเดียวคือ นอกจากพลังจิตแล้ว ทักษะการต่อสู้ของเธอไม่ได้ลดลงเท่าไหร่
“ลูกพี่ เธอใช้พลังจิตไม่ได้แล้วนะ” เสี่ยวซื่อตรวจสอบสภาพของหลิงหลานก็เอ่ยเตือนออกมา “ถ้าฝืนใช้จะทำให้ร่างจิตของลูกพี่เกิดความเสียหายถาวร”
“เข้าใจแล้ว!” หลิงหลานตอบ แววตาของเธอจ้องเขม็งไปที่ตัวเสี่ยวฉง ซึ่งตอนนี้กำลังโศกเศร้าและบ้าคลั่ง ลมปราณของอีกฝ่ายปั่นป่วนแล้ว นี่เป็นโอกาสดีในการลงมืออย่างไม่ต้องสงสัย…
ในเมื่อไม่สามารถใช้การโจมตีทางจิต เช่นนั้นก็ได้แต่ฝืนพุ่งเข้าใส่แล้ว หลิงหลานยันฝ่ามือสองข้างแรงๆ ทั่วทั้งร่างพุ่งไปหาเสี่ยวฉงที่แหงนหน้าร้องโหยหวนราวกับลูกธนู
ในขณะเดียวกัน ในมือเธอปรากฏแท่งน้ำแข็งรูปทรงกรวยขึ้นมาอันหนึ่ง แค่พริบตาเดียวเธอก็มาถึงด้านหลังอีกฝ่ายแล้ว
ความจริงหลิงหลานรู้นานแล้วว่า สิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์จากการกลายพันธุ์ทางจิตเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งอ่อนแอของพลังจิตไม่มาก เพียงแต่พรสวรรค์ที่เดิมทีร่างกายครอบครองไว้นั้นจำเป็นต้องอาศัยพลังจิตในการปลุก ถึงแม้ว่าพลังจิตของหลิงหลานจะใช้หมดแล้ว แต่ถ้าต้องการใช้พันธะน้ำแข็งสร้างแท่งน้ำแข็งเล็กๆ ขึ้นมาอันหนึ่งละก็ เธอยังมีพลังจิตเล็กน้อยแค่นี้อยู่…
ในเวลานี้เอง เสี่ยวฉงที่กำลังร้องโหยหวนพลันหันตัวกลับมา จ้องมองหลิงหลานด้วยดวงตาแดงฉานทั้งสองข้าง “ในที่สุดแกก็โผล่ออกมาแล้ว!”
………………………………………